การทำงานราชการของทุกคนเป็นยังไงกัน

สวัสดีปีใหม่ทุกคนสำหรับปี 2566 ชีวิตทุกคนเป็นยังไงกันบ้าง ตัวเจ้าของกระทู้ มีเรื่องราวชีวิตในปี 2565 มาเล่าเนื่องจากได้มีการเปลี่ยนแปลงเพราะสามารถสอบเข้าเป็นพนักงานราชการกรมแห่งหนึ่งได้ ช่วง มี.ค. 65  เริ่มทำงานใหม่ ก่อนหน้านี้เราทำงานเป็นพนักงานจ้างเหมา เงินเดือนหมื่นต้นๆ มาทำงานเป็นพนักงานราชได้เพิ่มมาพันกว่าบาท เรารู้สึกดีใจมากเพราะเราทำงานที่เก่ามา 5 ปี เต็มไม่มีเงินเดือนขึ้น พอที่ใหม่ที่เราสอบได้ เงินเดือนเราเพิ่มขึ้นเราเหมือนถูกรางวัลใหญ่เลย แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่ใช่ประเด็น เรื่องที่เราจะเอามาเล่าและสอบถามก็คือ

ชีวิตราชการของคนที่ทำในระบบราชการเป็นยังไง 

ตั้งแต่เรามาทำที่ใหม่ พี่ๆในที่ทำงานก็ถือว่าดีกับเรามาก เวลาสงสัยอะไรถามพวกเขาก็จะตอบ และถ้าเราทำงานพลาดหรือถูกใช้ไปทำงานที่ไม่ใช่งานของเรา พวกเขาก็จะคอยกันให้ คอยพูดบอกให้ ช่วงแรกๆ ตั้งแต่สามสี่เดือนแรกทุกอย่างผ่านไปด้วยดี จนมาถึงจุดพีคของการเปลี่ยนแปลง............
1. เรามีปัญหากับหัวหน้าใหญ่(คนที่เป็นหัวหน้าแผนกของเรา) เขาจะให้เราไปช่วยกดสไลค์ในงานนำเสนอให้ แต่พวกพี่ๆเราเขาห้ามและบอกไม่ให้เราไป และเราก็หางานมาทำไม่ให้ตัวเองว่างจะได้ไม่ไป เพราะ พวกพี่เขาบอก ถ้าเราทำครั้งหนึ่งงานๆนั้นจะกลายเป็นของเราตลอดเพราะงั้นอย่าทำตั้งแต่ครั้งแรก
และตั้งแต่นั้นมา หัวหน้าใหญ่ก็ทำตัวตึงๆใส่เรา ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเขาเป็นคนพูดดี ชวนคุย ถามนู้นนี้ และยิ้มแย้ม แต่หลังจากวันที่เราปฏิเสะและไม่ได้ไปทำงานตรงส่วนนั้นให้เขา เราก็ถูกหัวหน้าใหญ่เมินและตึงใส่ พูดจาเป็นทางการ และท่าทางที่ดูตึงขึ้น
2. เราถูกหัวหน้ากลุ่มงานสั่งให้ไปทำงานช่วยพี่ในกลุ่มงานเพราะงานพี่เขาเป็นงานเข้า ที่ต้องไปรอคนมาลงทะเบียนตั้งแต่เช้า ซึ่งเราก็ไม่มีปัญหาเพราะเรามาถึงที่ทำงานตั้งแต่ ตี 5.30 เนื่องจากบ้านเราไกล แต่แล้วปัญหาก็มา เนื่องจากเราไม่สามารถรับมือกับจำนวนคนที่มาลงทะเบียนทีละร้อยคนได้ และบางคนเป็นพวกนายๆเราก็พึ่งเข้ามาไม่นานและมาเจอก็รับมือไม่ไหว พูดไม่ถูก ติดขัด บางคนก้ไม่ฟังเราพูด แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า งานที่เรามาช่วยมันไม่ใช่งานของเรา แต่เป็นงานที่เรามาช่วยพี่ในกลุ่มงาน (อ้อลืมบอกกลุ่มงานเราเขาแจกจ่ายงานกันทุกคนนะ ทุกคนมีงานของตัวเองแต่จะมีมาช่วยพี่ในกลุ่มงานแค่บางครั้ง) นั่นละพี่คนนี้เขาดันมาสายมาถึงตอนประมาณ 8 โมงกว่าไรงี้ ซึ่งเวลาที่เขามาถึง คนที่มาลงทะเบียนก็หมดแล้วไม่เยอะแล้ว เป็นแบบนี้ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่เรามาช่วยงานพี่คนนี้ จนก่อนวันสุดท้ายที่เราจะช่วยงานเราบอกพี่เขาว่า พรุ่งนี้เราจะลานะ ให้พี่เขามาเช้ามาจัดการงานเขาเอง พี่เขาก็ออกหน่อยบ่ายเบี่ยงไม่อยากมาเช้า แบบพี่ทำไม่ไหวไรงี้ เราก็คิดในใจแล้วตลอดระยะเวลาที่เรามาเช้าติดต่อกันเจอคนเยอะๆติดต่อกันรับมือคนที่มาเยอะๆรายละเอียดงานเราก็รู้ไม่มากไม่สามารถตอบได้ทุกคำถามละ ทำไมเราทำมาได้จนเกือบวันสุดท้าย แต่ก็นั่นละ เราเลยตัดสินใจ ไปทำจนวันสุดท้าย และเราก็ลางานทันทีวันจันทร์ เพราะเราเหนื่อยและเรารู้สึกแบบไม่ค่อยแฟร์เลยที่เรารับมือคนเดียวแต่พี่เขากลับมาตอนที่ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เราพักไปหนึ่งวันเพื่อให้กลับมาสู้ต่อได้ 
3. ต่อจากข้อ2 เราทะเลาะกับพี่คนนี้ถึงขั้นเถียงกัน เพราะหลังจากจบงานที่เราไปเฝ้าลงทะเบียน หัวหน้ากลุ่มงานเราก็ให้เรารับผิดชอบทำรายชื่อคนที่มาลงทะเบียนทั้งหมมด ว่าแต่ละวันคนมากี่คน (และถ้าถามทำไมเจ้าของเรื่องไม่ทำ พี่เขาบอกว่าเขางานยุ่งทำไม่ทัน เราเลยต้องมารับทำตรงนี้) เราก็ทำรายชื่อไปทั้งหมด แยกรายชื่อ จนพี่เขามายุ่งด้วยกันบอกจะมาช่วยเรา แต่พี่เขากลับมาหยิบเอกสารและวางมั่วจนเราหาไม่เจอและทำให้งานมันยากกว่าเดิม เราเลยบอกพี่เขาว่า พี่ไม่ต้องทำเดี๋ยวมันสับสน ทำคนเดียวมันง่ายกว่า เราพูดไปเสียงเรียบนิ่ง พี่เขาก็ตอบกลับมาว่า พูดดีๆก็ได้คนจะมาช่วย เราก็บอกไป มันยุ่งทำคนเดียวมันไม่งง พี่ไปนั่งพักเฉยๆเลย เท่านั้น เรากับพี่คนนี้ก็ตึงมาตลอด เวลามีงานหรืออะไรจากพี่คนนี้มาให้เรา พี่เขาก็จะเสียงตึงๆใส่เรา แล้วก็มีจุดพีคอีก มีอยู่วันหนึ่งมีคนโทรถามงานผ่านพี่เขาแล้วจะคุยกับเรา เราก็รับโทรศัพท์จากพี่คนนี้มา เราก็ไม่ได้ยินเสียงในสาย เราก็บอกพี่เขาว่า มันไม่ได้ยินเสียงานนะ พี่เขาก็รับโทรศัพท์คืนกลับไปแล้วส่งมากลับมาให้เราพร้อมพูดว่า ฟังดีๆ แบบกระแทกเสียงใส่ และทำสีหน้าไม่พอใจ ซึ่งเราไม่เข้าใจเพราะ เราก็พูดดีๆ และเสียงปกติ แต่ตอบกลับเราด้วยการกระแทกเสียงใส่เรา 
4. เรามักถูกพี่คนหนึ่งในแผนกอื่น ที่เวลาแกมาแผนกเรา แกจะชอบพูดกับเราว่า มั่วแต่เหม่อคิดถึงหนุ่มบาง....หรอ ตลอดประจำ ซึ่งสาเหตุที่เขาพูดแบบนี้ น่าจะมาจากที่ ตอนนั้นเรากลับบ้านและพ่อเราไม่ว่างมารับ เราจึงให้เพื่อนเรามารับ และเพื่อนเราคนนี้อยู่ บาง.... พี่คนนี้เลยเอามาพูดเสมอเวลาเรากลับบ้าน เขาก็จะถามกลับไงหนุ่มบาง....มารับแน่เลย ( แต่เวลาที่เขาพูดเรารู้สึกอึดอัดและไม่ชอบมากๆ เราเคยบอกไปแล้วว่าเป็นเพื่อนกัน แต่พี่คนนี้ก็ชอบบอกว่าเพื่อนเราเป็นแฟนเรา เราไม่ชอบมากๆ จนทนไม่ไหวเราให้พ่อแม่ฟัง ) 
5. การทำงานของเราเวลาไม่มีงานเราก็มักจะเปิดยูทูปดูพวกทำอาหารแต่ไม่ได้เปิดเสียงนะเราดูแต่ภาพ ปัญหาก็มีมาทันที เพราะหัวหน้าใหญ่เราชอบบอกว่าเราว่างงานไป มั่วแต่ดูคลิปทำอาหาร คือตอนที่เราทำงานเขามักไม่เห็นแต่พองานเราทำเสร็จ เราก็ไม่อยากจับโทรศัพท์ เราเลยเปิดดูในคอม แต่กลับกลายเป็นเราว่างงาน ซึ่งคนอื่นๆ ในแผนกก็มีนะเวลาไม่มีงานทำเขาก็หาอะไรทำ ดูโทรศัพท์ บางงี้แต่ปัญหามักมาลงที่เราเสมอ 
6. การลา เรามักมีปัญหาคนเดียวเสมอ แบบหัวหน้าไม่ให้ลา เราเคยลาไปวันหนึ่งเพราะเรารู้สึกไม่สบายๆ เวียนหัว เขาก็บอกในกลุ่มว่า ใครลาวันนี้ให้เขียนรายงานด้วย ซึ่งเราไม่รู้ว่าวันที่เราลาคนลาเยอะไหม เพราะมันเป็นวันที่พึ่งเปิดงานปีใหม่มาเลย แต่วันต่อมาเราไปทำงานเราก็เขียนใบลาและเขียนรายงานชี้แจง ซึ่งพวกพี่ๆบอก ไม่เคยมีใครได้เขียน ไม่เคยมีหรอ แล้วทำไมเราถึงโดน เรางงมาก 

และทั้งหมดเป็นสิ่งที่เราเจอตั้งแต่เราเข้ามาทำงานที่ใหม่ ยังไม่ครบปีเลย อันนี้ยังโชคดีที่เราเคยทำงานมาก่อน เคยเจอมาบ้างแต่ไม่เคยหนักเท่าที่ใหม่เลย ที่เก่างานแผนกพวกพี่ๆมีแต่ผู้ชายและพวกเขาก็ไม่เคยทำตัวแบบนี้หรือการกระทำที่เอาเปรียบเรา แต่ที่นี้สังคมราชการ การทำงานแบ่งงานการดี แต่บางเรื่องเรามองว่ามันไม่สมควรและดูไม่ยุติธรรม ไม่สมเหตุสมผล สุดท้าย การมีอำนาจในมือมักทำให้คนใช้ไปในทางที่ผิด คนที่มีอำนาจคนดีก็มีแต่คนไม่ดีและใช้ผิดๆ เยอะ หลงระเริงไปกับอำนาจของตน การให้เกียรติเพื่อนร่วมงานและงานตัวเองเป็นสิ่งที่เราควรมี ทุกคนเป็นคนเหมือนกันควรเท่าเทียมกันได้แล้ว ถ้าข้อความหรือคำพูดคำอธิบายอันไหนที่มึนงงหรือไม่เข้าใจไปบ้าง ต้องขออภัยด้วย ทุกคำเราเรียบเรียงจากสิ่งที่เราจำได้และรู้สึกแบบนั้นในช่วงเวลานั้นหรือทุกคนที่เรานึกถึงเหตุการณ์นั้นๆ ขอบคุณที่อ่านมาถึงบรรทัดสุดท้าย ขอบคุณมาก 11.01.2566 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่