อัพเดทราคา TFEX หุ้น และ ทองคำ 11/1/2023

สวัสดีครับสมาชิกผู้สนใจลงทุน TFEX CLUB ทุกท่าน เรามาดูการอัพเดทของข่าวๆต่างในวันนี้กันเลยครับ

มาเริ่มกันที่ข่าวแรกกับข่าวเกี่ยวกับบิตคอยน์บวก 1.56% เคลื่อนไหวที่ 17,447.4 ดอลล์


การเคลื่อนไหวในแดนบวกของราคาบิตคอยน์มีขึ้นหลังจากดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร(10ม.ค.)ปรับตัวขึ้นในกรอบแคบ 186 จุด  หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการกล่าวถ้อยแถลงวันนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 186.45 จุด หรือ 0.56%  ปิดที่ 33,704.10 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 27.16 จุด หรือ 0.70% ปิดที่ 3,919.25 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 106.98 จุด หรือ 1.01% ปิดที่ 10,742.63 จุด
ทั้งนี้ นายพาวเวล ได้กล่าวเน้นย้ำในวันนี้ถึงความจำเป็นที่ธนาคารกลางจะต้องมีความเป็นอิสระจากอิทธิพลทางการเมือง ขณะที่จัดการต่ออัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง พร้อมกล่าวว่า การใช้มาตรการสร้างเสถียรภาพต่อราคาจำเป็นต้องใช้การตัดสินใจที่ยากลำบาก ซึ่งอาจไม่เป็นที่พอใจต่อนักการเมือง
ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆในตลาดคริปโทฯ บริษัท Coinbase Global Inc. ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ประกาศปลดพนักงานจำนวน 950 คนตามแผนการปรับโครงสร้างบริษัท
 
การปลดพนักงานดังกล่าว นับเป็นการเลิกจ้างพนักงานเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยบริษัทได้ปลดพนักงานมากกว่า 60 คนในเดือนพ.ย.2565 หลังจากปลดออก 1,100 คนในเดือนมิ.ย.2565 Coinbase เปิดเผยว่า บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายราว 149-163 ล้านดอลลาร์จากการปลดพนักงานครั้งนี้
 
Credit :  https://www.bangkokbiznews.com/finance/cryptวocurrency/1047290?anf=


มาดูกันที่ข่าวต่อไปนะครับ JKN สูตรสำเร็จ...หุ้นดูดเงิน 




คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์
เฮ้อ! สูตรสำเร็จของบริษัทจน...แต่เจ้าของรวยมันมีอย่างนี้นี่เอง บอกเลยว่า เจ๊เมาธ์รู้สึกแปลกๆ กับ JKN ตั้งแต่มีข้อมูลว่า “แอน จักรพงษ์” ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้ทยอยขายหุ้นแบบบิ๊กล็อตออกมาเรื่อย และขายหนักที่สุดก็ภายหลังการแถลงข่าวการซื้อกิจการของ Miss Universe Organization (MUO) ซึ่งเป็นผู้จัดการประกวดนางงามจักรวาล หรือ Miss Universe ในวันที่ 26 ตุลาคม
 
โดยวันนั้น “แอน” ระบุชัดเจนว่า “ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน เพราะการเข้าซื้อกิจการ MUO ครั้งนี้มาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินกิจการ และไม่จำเป็นต้องกู้เงินแต่อย่างใด” ซึ่งความชัดเจนนี้ส่งผลให้ราคาหุ้นของ JKN ปรับขึ้นแรง 2 วันติด จากราคาแถวๆ 3.80 บาท ถูกลากขึ้นไปปิดที่ 5.60 บาท ในวันที่ 27 ตุลาคม ซึ่งการขายหุ้นของ “แอน” ทำให้จากต้นปี 65 ที่ถือหุ้นใหญ่กว่า 42% ลงมาเหลือเพียง 25.23% ในปัจจุบัน จนทำให้เจ๊เมาธ์ อดที่จะเปรียบเทียบ JKN ว่ามีรูปแบบการทำหุ้นที่คลายกันกับ BEAUTY ไม่ได้
 
ล่าสุด การขายหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 1,019.79 ล้านหุ้น ในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 3 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาหุ้นหน้ากระดานทำให้ราคาหุ้นปรับราคาลงมาอย่างรุนแรง มันก็ชัดเจนว่า JKN กำลังเดินตามรอยของ BEAUTY จากนี้ไปก็เหลือเพียงแค่ว่าราคาหุ้นของ JKN จะต่ำเตี้ยเรี่ยดินลงไปนานเหมือนกับที่หุ้นต้นแบบอย่าง BEAUTY ทำทางไว้ให้แล้วหรือไม่ก็เท่านั้น
 
***  เงินเพียงแค่สิบกว่าล้านบาทที่ทำให้ ALL กล้าทิ้งเครดิต ทำให้ไม่เพียงแค่เจ้าหนี้ แต่รวมไปถึงนักลงทุนทั่วไปต้องพากันงงเป็นไก่ตาแตก ว่าปล่อยไปได้อย่างไร เพราะถ้าหากนับเอาทั้งหนี้สินระยะสั้น-ระยะยาว พร้อมด้วยหุ้นกู้อีก 7 รุ่น โดยมีหุ้นกู้รอไถ่ถอนปีนี้มากถึง 4 รุ่น มูลค่า 1.2 พันล้านบาท รวมเข้าไปด้วย ก็ยิ่งทำให้มองเห็นมูลหนี้ของ ALL ว่ามีท่วมหัวอยู่มาก ...มากจนคิดไปไกลว่า จะมีปัญญาใช้หนี้ส่วนที่ยังเหลือด้วยหรือไม่
 
อย่าลืมว่าโดยปกติแล้ว การออกหุ้นกู้มักจะทำขึ้น เพื่อนำเงินที่ได้ก่อนมาใช้หนี้เก่า ซึ่งการผิดนัดชำระหนี้ของ ALL ในครั้งนี้ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้การขายหุ้นกู้เพื่อหมุนเงินในอนาคตเป็นไปได้ยาก จนอาจจะถึงขั้นที่ไม่มีใครกล้าลงทุนในหุ้นกู้ของ ALL ก็เป็นได้ เจ๊เมาธ์ก็ไม่รู้ว่าเงินผิดนัดแค่สิบกว่าล้านบาท ซึ่งมีราคาพอๆ กับราคานาฬิกาของผู้บริหารบางคน จะมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งเกิดขึ้นภายในกลุ่มผู้บริหาร หรือ กลุ่มของผู้ถือหุ้นด้วยหรือไม่ แต่บอกตรงๆ มาถึงขั้นนี้แล้วเสียดายของจริงๆ
 
*** แม้ว่าจะยังปรับราคาขึ้นไปไม่ถึงราคาหุ้นเพิ่มทุนที่ 43.50 บาท แต่อย่างน้อยที่สุดสัญญาณทิศทางราคาหุ้นของ MAKRO ก็น่าจะไปต่อได้อีก ถึงแม้ว่าจะไปได้ไม่ไกล แต่อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะทำให้ใครก็ตามที่ติดดอยมาปีกว่าสามารถหลุดดอยลงไปได้
 
อย่างไรก็ตาม อย่าไปคาดหวังว่าราคาหุ้นของ MAKRO จะวิ่งไปได้ไกล เพราะผลจากการขยายธุรกิจ หรือ สามารถขายสินค้าได้มากขึ้น เนื่องจากประเด็นที่จะทำให้ MAKRO มีผลการดำเนินงานยังอยู่ในระนาบที่ดี เป็นเพราะบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนตั้งแต่ปี 64 จำนวน 9.8 พันล้านบาท มาใช้หนี้ในไตรมาสที่ 1/66 ซึ่งเมื่อหนี้ลดลง ก็จะทำให้บริษัทยังคงสามารถรักษาระดับของรายได้ ให้เป็นไปตามประมาณการเดิมก็เท่านั้นเอง ส่วนอย่างอื่นตอนนี้ยังไม่มีอัพเดทอะไรเพิ่มเติม เจ๊เมาธ์จึงแจ้งมาให้ทราบโดยทั่วกัน...ทราบแล้วเปลี่ยน
 
*** แม้ว่าหุ้นในกลุ่มลีสซิ่งอย่าง MTC SAWAD และ TIDLOR จะเป็นกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลกระทบจนจากดอกเบี้ยขาขึ้น แต่หุ้นกลุ่มนี้ก็เป็นหุ้นที่เจ๊เมาธ์บอกมาตลอดเช่นกันว่า เป็นหุ้นที่น่าสนใจ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาหุ้นที่ถูกกระแสของดอกเบี้ยขาขึ้น กดลงมามากจนกลายเป็นราคาหุ้นที่อยู่ในจุดที่ต่ำกว่า ที่ควรจะเป็นค่อนข้างจะมาก
 
อย่างที่สองคือ การเปิดประเทศของไทยรวมไปถึงการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน จะเงินสะพัดและกระตุ้นให้เกิดความต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลดีโดยตรงกับหุ้นลีสซิ่ง และท้ายที่สุด แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจอาจจะไม่ดีขึ้นมาอย่างที่พูดถึงกัน แต่นั่นก็จะเป็นจุดที่ทำให้ความต้องการเข้าถึงแหล่งเงินสำรองมีมาขึ้นตามมาด้วยอยู่ดี
 
สรุป...เมื่อราคาหุ้นอยู่ต่ำกว่าจะที่ควรจะเป็น ในท้ายที่สุดราคาหุ้นก็ต้องกลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นนั่นเอง ก็แล้วแบบนี้จะไม่ให้เจ๊เมาธ์บอกว่าน่าสนใจได้อย่างไร

Credit : JKN สูตรสำเร็จ...หุ้นดูดเงิน (thansettakij.com)

เรามาดูภาพข่าวเด่นประจำวันนี้ครับผม 






หากท่านสนใจการลงทุนต้องการปรึกษาติดต่อมาที่ QR code ตามภาพด้านล่างนี้ได้เลยครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่