สอบถาม สภาพถนนที่เห็นในภาพนี้เกิดจากอะไรครับ

เวลาเราขับรถไปตามถนน เรามักจะเห็นถนนที่ระดับมันไม่เท่ากัน และตรง Footpath ก็มีร่องรอยเหมือนเกิดการทรุดตัวที่ไม่เท่ากัน ตามภาพประกอบ ผมเองก็ไม่ใช่สายโยธาเสียด้วย สงสัยครับ ว่า Case แบบนี้เกิดจากอะไรครับ มันเกิดจากการทรุดตัวที่ไม่เท่ากัน หรือว่าข้างใต้ตรงบริเวณนั้น มันมีอะไรที่ไม่ทรุดตามถนนอย่างท่อ หรือว่ามันเกิดจากการออกแบบ หรือก่อสร้างที่ผิดมาตรฐานครับ แล้วถ้าเป็นแบบนั้น ในทางวิศวกรรมมันมีวิธีการแก้ไข และป้องกันอย่างไร ไม่ให้เกิด Case แบบนี้ครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
งานออกแบบ สามารถแก้ปัญหา  เรื่องแนวนี้ ได้ระดับนึง ค่อนข้างดีทีเดียวนะครับ  
ทำกันมานานแล้วครับ

แล้วแต่  ว่า  เจ้าของโครงการ หน่วยงานรัฐจะแคร์ชาวบ้านหรือไม่
ถ้าไม่แคร์  ถึงจะสร้างใหม่  ก็จะปูดๆ ให้เห็นทุเรศๆ แบบที่เห็นหล่ะครับ
ถ้าแคร์  ก็ออกแบบโครงสร้างใหม่ๆ ให้ไม่เป็นอย่างที่เห็นได้ครับ

ตัวอย่างจะเห็นได้บน บนถนน เกษตร-นวมินทร์ นะครับ
ให้สังเกตุ เสาตอม่อ ที่ด้วนๆ  
แถวนั้น พื้นคอนกรีต  ยังไม่มีการปูด  นูน ขึ้นมา เหมือนตรง ถนนวิภาวดี  ที่ติดโทลเวย์
ทั้งๆที่ ฐานรากของเสาตอม่อที่ด้วนๆนั้น  ล้ำเข้ามาใต้ผิวถนนนะครับ

ขนาดของฐานรากใต้ดิน ใหญ่ เพราะว่า สมัยนั้น ยังใช้เสาเข็มตอก
ยังไม่ได้ใช้เสาเข็มเจาะขนาดใหญ่เหมือนโครงการอื่นๆในปัจจุบันนะครับ

พื้นถนนคอนกรีต ที่เป็น rigid pavement  นั้น  บางส่วนจึงพาดเกยอยู่บนฐานรากนะครับ

ถนนเส้นนี้   ทำมานานมากแล้ว พร้อมกับการก่อสร้าง เสาด้วนๆ นั้นเลยครับ
สภาพรวมๆ ยังถือว่าใช้ได้ดี  คือไม่มีนูนขึ้นมา  ( ยกเว้นบางจุดนะครับ )

ที่ไม่เหมือน โทลเวย์นั้น  ก็เพราะว่า  ตอนนั้น  การทางพิเศษ  ได้มีการใส่ใจ ให้มีการออกแบบโครงสร้างพิเศษครอบ ฐานรากไว้นะครับ
ทำให้ พื้นถนนที่พาดอยู่เหนือฐานราก สามารถทรุดตัวลงตามถนนได้ครับ
ตรงนี้ ชาวบ้านที่รู้  ก็จะขอบคุณ ทางหน่วยงาน การทางพิเศษ  ที่ยอมจ่ายเงิน เพื่อให้ชาวบ้านใช้ถนนได้ดีขึ้น ( เมื่อเทียบกับถนนวิภาวดี ใต้โทล์เวย์นะครับ )

เท่าที่ขับรถผ่าน นานๆที   เห็นว่า น่าจะมีแค่บางจุดเท่านั้น  ที่ทำไว้ไม่ดีเท่าไร     เลยมีบางจุดนูนขึ้นนะครับ

ระยะหลัง หลายๆหน่วยงาน  ที่สร้างฐานรากล้ำเข้ามาอยู่ใต้ผิวถนนคอนกรีต  ก็ได้ใช้โครงสร้างที่ว่า มาปรับการทรุดตัวแล้วนะครับ

ถนนเส้นนี้ ที่ไม่ปูด  ขอยกความดี ให้ เจ้าหน้าที่การทางพิเศษในยุคนั้นนะครับ ที่ใส่ใจคุณภาพ
( ผมเอง ไม่ใช่ จนท การทางพิเศษนะครับ )
ความคิดเห็นที่ 16
ภาษาวิศวกรรมเค้าเรียกว่าการ Consolidation ครับ คือต้องเข้าใจก่อนว่าดินในทางวิศวกรรมคือวัสดุที่ประกอบไปด้วยอนุภาคของเม็ดดิน น้ำ และอากาศ คลุกเคล้าเข้าด้วยกันเป็นสัดส่วน ทรายเองก็ถือว่าเป็นดินในรูปแบบหนึ่ง

ทีนี้พื้นดินภาคกลางของประเทศไทยมีลักษณะเป็นแอ่งดินเหนียวขนาดใหญ่และลึกลงไปกว่า 20 เมตร ประเด็นคือดินเหนียวถ้าพูดให้ชาวบ้านเข้าใจง่ายมันก็คือทรายนั่นแหละ แต่เป็นทรายที่เม็ดละเอียดมาก ๆๆๆๆ จนเราเห็นมันเป็นแค่ฝุ่นแป้ง

ไอ้คุณสมบัติความละเอียดของมันนี่แหละที่ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตใด ๆ แล้วล็อกน้ำเอาไว้ได้นานหลายสิบปีไม่ให้ระเหยไปไหน ยิ่งชั้นดินลึก ๆ เข้ายิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่น้ำจะระเหยออกมา

เพราะฉะนั้นการจะรีดน้ำออกจากดินเหนียวมันเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ มากสุดก็ทำได้แค่บดอัดแล้วรีดมันออกมาให้ได้มากที่สุดโดยใช้เทคนิคทางวิศวกรรมใด ๆ ไม่ขอพูดถึง อย่างรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิก็บดอัดกันอยู่หลายปีกว่ามันจะใช้งานได้

ซึ่งก็ใช่แล้วแหละ น้ำหนักกดทับสามารถรีดน้ำออกจากดินได้ เพราะกลไกของน้ำหนักทำให้น้ำเกิดแรงดันแล้วแทรกตัวออกจากอนุภาคของดินไปหาจุดที่มีแรงดันต่ำกว่าซึ่งก็คือชั้นดินที่อยู่ลึกลงไป

ดังนั้นการ Consolidation ก็คือการที่น้ำหนีออกไปจากอนุภาคของเม็ดดินเนื่องจากโดนน้ำหนักกดทับเป็นเวลานาน

ประเด็นคือพอน้ำหายไป ปริมาตรดินก็ลด อนุภาคของเม็ดดินก็ชิดกันมากขึ้น ภาษาชาวบ้านมันก็คือการทรุดตัวนั่นแหละ

แต่ที่ลักษณะถนนมันเป็นลูกคลื่นแบบนั้น เพราะตรงตอม่อสะพานลึกลงไปจะเป็นฐานคอนกรีตแบบแผ่แล้วมีเสาเข็มตอกลงไปลึกหลายเมตรซึ่งมั่นคงมาก ๆ ก็เลยทำให้พื้นที่บริเวณรอบ ๆ ตอม่อมีการทรุดตัวที่น้อยกว่าบริเวณรอบข้าง

ถ้าให้มองดูก็คล้ายเชือกแหละ บริเวณที่มีคนจับมันก็จะไม่หย่อน แต่พอไกลจากบริเวณที่มีคนจับ เชือกมันก็จะตกท้องช้าง กรณีดินเหนียวเวลาเจอตอม่อสะพานก็แบบเดียวกัน

จากรูป Solid + Air + Water = ปริมาตรดิน
พอน้ำหายไปเท่ากับปริมาตรดินหาย ดินมันก็ฟีบลง ส่วน Air ถือว่าน้อยมาก ในการคำนวณเรื่อง Consolidation เราจะไม่สนใจ Air เลย

ในทางวิศวกรรม เราไม่สามารถหยุดการ Consolidation ได้ ทำได้มากสุดแค่บดอัดให้ได้ตามมาตรฐาน ซึ่งจำนวนครั้งการบดอัดดิน น้ำหนักบดอัด และชั้นของทรายที่จะต้องปูไว้ซับน้ำจะมีการคำนวณเป็นพลังงานออกมาเลยว่าต้องใช้กี่จูล ๆ ในการบดอัดให้มันได้เกิน 90% ตรงนี้ต้องส่งตัวอย่างดินเข้าแลปเพื่อทำการทดสอบหาจุดอิ่มตัวของดิน เทียบกับแรงกระแทก ซึ่งแน่นอนมันไม่ 100% แต่ดีสุดของมนุษยชาติก็ทำได้เท่านี้ เพราะถ้าไม่งั้นวิธีสุดท้ายคือปูพรหมฝั่งเสาเข็มถนนทั้งสายไปเลย ซึ่งมันเกินเหตุไปมาก แพงมาก ไม่คุ้ม ต่างประเทศก็ไม่ทำ ถ้าจะทำต้องหาเหตุผลดี ๆ เลยแหละที่มันคุ้มทุนแบบสุด ๆๆๆ



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่