ไปเที่ยวหลังปีใหม่กัน 3 คน พ่อแม่ลูก คนน้อย ขับรถสบายค่ะ
ออกจากกรุงเทพ 10 โมง ขับรถเรื่อย ๆ แวะร้านครัวป้ายืน ที่ชะอำ อากาศดีมาก ๆ คนน้อย มีลูกค้า 3 โต๊ะ อาหารรสชาติดี ปูม้าและกุ้ง ราคาเท่ากัน คือ กิโลกรัมละ 650 บาท สดดีค่ะ สั่งมาอย่างละ ครึ่งกิโล หอยตลับผัดพริกเผา รสชาติดีค่ะ ต้มยำน้ำใส ก็ดีค่ะ ไข่เจียวปู ใช้ได้อยู่ แต่อิ่มมาก เลยกินไม่หมดค่ะ
ราคาทั้งหมด 1,220 บาท
หมาน้อยที่ร้าน ชื่อ ฮาวาย น่ารักมาก ขี้อ้อน เอาตัวมาแตะเรา ให้เราเล่นได้ตามสบาย
ออกจากร้านอาหาร ขับมาที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เพื่อดูช้าง เราไม่สามารถเอารถเข้าไปเองได้นะคะ ต้องเช่ารถของชาวบ้าน มีคนขับ 1 คน และน้องไกด์ นั่งด้านท้ายไปกับเราอีก 1 คน ค่าเช่ารถ 850 บาท ค่าเข้าอุทยาน (คนไทย) คนละ 40 บาทค่ะ น้องไกด์และคนขับรถ ตาดีมาก ๆ จะเห็นสัตว์เร็วมาก และจะรีบหยุดรถให้เราดูทันที
สามีไปคุยกับคนขับรถ เค้าเล่าว่า เงิน 850 บาท ชาวบ้านได้ 500 บาท ส่วนทางอุทยานเก็บไว้ 350 บาท แต่ใบเสร็จที่ออก 850 บาท เป็นของชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี
ตอนที่เข้าไป เกือบห้าโมงเย็นแล้ว จริง ๆ เค้าเริ่มให้เข้าไปตั้งแต่บ่ายสอง แต่ด้วยความเรื่อย ๆ ของบ้านเรา กว่าจะไปถึงก็เกือบห้าโมง เค้ายังอนุญาตให้เข้า แต่บอกว่า ดูได้แป๊บเดียวนะ เพราะต้องออกมาตอนหกโมง
นึกว่า บ้านเราเป็นบ้านสุดท้าย ตอนดูช้างอยู่ ยังมีรถกระบะ พานักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาอีก 1 คัน
ตอนที่เข้าไปมีรถขับกลับออกมาเกือบ 10 คัน เป็นคนต่างชาติทั้งหมด ไม่แน่ใจว่า ถ้ามาตั้งแต่บ่ายสองจะเห็นสัตว์เยอะหรือเปล่านะคะ ที่เราไปเค้าจะมีจุดให้จอดดูช้าง 3 จุด ขาเข้าไป เจอช้างใกล้ ๆ ถนน 1 ตัว เข้าไปจุดสุดท้ายเจอช้างแม่ลูก แต่ตอนขากลับแวะจุดชมช้าง เจอช้างเยอะมาก ๆ กระทิงเยอะ และมีเก้งอีก 2 ตัว ดูสัตว์กินอาหารในทุ่งกว้าง ๆ สงบดีจริง ๆ
ตอนขับออกมาเจอกระทิง 3 - 4 ตัว ตัวนึงวิ่งตัดหน้ารถ อีก 2 ตัวยืนมอง ไม่กล้าวิ่งข้ามถนน แต่ก็ไม่วิ่งเข้าป่า คิดว่า คงห่วงตัวที่วิ่งไปอีกฝั่ง ได้เห็นกระทิงใกล้มาก ๆ หน้าตาน่ารักจริง ๆ
คืนแรกเราพักที่ Little Swiss เป็นที่พักเล็ก ๆ ใกล้กับที่ดูช้างมาก ขับรถประมาณ 10 นาที
ที่พักมีห้องพัก 3 ห้อง ห้องที่เราพักนอนได้ 3 คน มี 1 เตียงใหญ่ และ 1 เตียงเล็ก ค่าที่พัก 1,600 บาท รวมอาหารเช้า วิวที่มองจากห้องพัก คือ ทุ่งหญ้า 1,500 ไร่ ของกรมปศุสัตว์ อากาศดีมาก ๆ ก่อนไปดูช้าง เราสั่งอาหารไว้ล่วงหน้า คือ หมูกระทะ ราคา 299 บาท ถ้าต้องการอาหารตามสั่งอื่น ก็สามารถสั่งได้นะคะ กลับมาได้กินอาหารทันที
ตอนเช้าตื่นมาเปิดม่านเห็นวิวทุ่งหญ้า สวยมาก อากาศดี ตอนเช้าได้ยินเสียงนก เสียงไก่ร้องกันระงมค่ะ
อาหารเช้าเป็นข้าวผัดหมู ไข่ดาว และแตงโมค่ะ
ใกล้ ๆ ที่พักมีถนนลูกรังเล็ก ๆ สองข้างทางมีต้นจามจุรีใหญ่ สามารถมาเดินเล่นได้ค่ะ ขาออกจากที่พัก เพื่อเข้าเมือง จะผ่านอ่างเก็บน้ำ สามารถแวะถ่ายรูปได้ค่ะ
ที่พักดี สะอาด คุณจอย เจ้าของที่พัก ให้คำแนะนำดีค่ะ ถ้าใครอยากไปดูช้าง แต่ไม่อยากขับรถเข้าไปนอนในปราณบุรี / หัวหิน / ชะอำ ลองพักที่นี่ดีเลยค่ะ
คุณจอยเล่าว่า ที่ทุ่งหญ้า 1,500 ไร่ จะมีการแสดงดนตรี ปีละ 1 ครั้ง
ออกจากกุยบุรี เราขับรถมานอนที่บางเวฬา สวนผึ้งค่ะ วันที่มาเป็นวันพุธ ร้านอาหารดัง ๆ ในสวนผึ้งปิดเกือบหมด ในที่สุดแวะไปถามที่บางเวฬา เค้าแนะนำว่า ให้มาที่ร้านมุมโปรด เราไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมาค่ะ
กินข้าวเสร็จ ก็ขับมาที่ Alpaca Hill ค่าเข้ามี 3 ระดับ แต่ละราคาจะสามารถทำกิจกรรมได้แตกต่างกัน แต่เราไปถึงประมาณ 4 โมงครึ่ง เค้าจะปิดตอนหกโมง เลยซื้อแบบราคาต่ำสุด 290 บาท ได้ดูสัตว์ทุกอย่าง และได้ให้อาหารแกะฟรี
ตอนแรกคิดว่า จะมีแต่อัลปาก้า แต่พอเข้าไปแล้ว พบว่า ที่นี่คือ Petting zoo เด็ก ๆ น่าจะชอบ มีอัลปาก้า (เศร้า ๆ) อยู่ 1 ตัว แต่มีสัตว์อื่นอีก เช่น เต่าบก, กระต่าย, เม่นแคระ, หมูแคระ, วัลลาบี, นก, ห่าน, คาปิบาร่า, แมว
ที่ประทับใจ คือ พนักงานจะน่ารักมาก พอเราเดินเข้าไปในเขตของสัตว์ จะมีพนักงานรีบเข้ามาบอกว่า อุ้มได้นะ ลูบได้นะ แต่ไม่ได้กดดันให้ซื้ออาหารสัตว์เลยนะคะ (ราคาอาหารสัตว์ค่อนข้างแพง 3 ถ้วย 100 บาท) พนักงานที่บ้านฮอบบิท จะช่วยต้อนห่านให้เราถ่ายรูป คู่กับห่าน
สัตว์ดูเศร้า ๆ ตามประสาสัตว์ที่อยู่ในสวนสัตว์ หมูแคระหลังแอ่นแทบทุกตัว ไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะอะไรนะคะ
แต่สัตว์ที่ดูจะมีความสุขมากที่สุด น่าจะเป็นแมว เพราะได้อยู่ในห้องแอร์ แล้วมีเหล่าทาสแมวมาค่อยเล่นด้วย คิดว่า น่าจะมีความสุขที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งหมดแล้วค่ะ
คืนที่สองมาพักที่ บางเวฬา เป็นที่พักเล็ก ๆ อยู่ในตัวเมืองสวนผึ้ง แต่เค้าปลูกต้นไม้ ทำให้ร่มรื่นดี ห้องพักมีไม่มาก
ห้องที่เลือกพัก อยู่ด้านหน้า จะติดถนน จะได้ยินเสียงรถวิ่งบ้าง แต่พอค่ำ ๆ เสียงจะเงียบไป ราคาห้องละ 1,200 บาท พักได้ 2 คน เราจอง 2 ห้องค่ะ รวมอาหารเช้า
เนื่องจากที่พักอยู่ในตัวเมือง เผอิญวันที่ไปพัก บ้านตรงข้ามมีการจัดงานศพที่บ้าน เลยจะได้ยินเสียงพระสวด ประมาณสักทุ่มสองทุ่มจะเลิกไปค่ะ
หน้าห้องพักมีบ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟ ติดกับบ่อปลา มีบ่อพักน้ำ ปรากฎว่า มีเขียดอยู่ในนั้น ประมาณเกือบทุ่ม เขียดจะร้องส่งเสียงกัน ดังเข้ามาถึงในห้องนอน ถ้าใครชอบเปิดเสียงธรรมชาติ เพื่อกล่อมให้นอน ห้องนี้น่าจะเหมาะ เพราะเขียดร้องกันทั้งคืน บางครั้งก็มีการประสานเสียงกัน ร้องไม่หยุด จน 7 โมงเช้า ก็ร้องไม่เลิก จนหลังจากกลับจากกินข้าวเช้า มาเก็บของกลับ เขียดจึงหยุดไปพักผ่อน
ถ้าจะให้แนะนำเพื่อน ๆ ที่ต้องการความเงียบ อยากให้เลือกห้องที่เป็นห้องริมลำธาร (จริง ๆ ไม่ริมลำธารซะทีเดียว ต้องเดินไปอีกหน่อย แต่ทางรีสอร์ท เรียกว่า ห้องริมลำธาร) ราคาห้องนี้จะแพงกว่าห้องด้านนอก 200 บาท จะไม่ได้ยินเสียงเขียด หรือเสียงรถค่ะ
แต่จะได้ยินเสียงไก่ขันแทน ไม่ว่าอยู่ห้องไหน จะได้ยินไก่ขันหมด ขันตั้งแต่ตีสามครึ่ง ตีสี่ครึ่ง ตีห้าครึ่ง หกโมงครึ่ง แต่ไก่ดีกว่าเขียด เพราะขันแป๊บเดียวจะหยุด แต่ขันทุกชั่วโมงค่ะ
ที่รับประทานอาหารเช้า สวยมากค่ะ มีต้นไผ่เยอะมาก บรรยากาศร่มรื่นค่ะ อากาศดี แต่ตอนเช้า ได้กลิ่นเผาอะไรสักอย่าง เดาว่า ชาวบ้านแถวนั้นคงเผาอะไร แต่กลิ่นอยู่ไม่นานนะคะ
อาหารเช้ามีข้าวต้ม สลัด ไข่ลวก ขนมปังปิ้ง กาแฟ โอวัลติน ข้าวต้มอร่อยค่ะ ผักสลัดสดดีค่ะ
ที่พักมีหมาอยู่ตัวนึง น่ารักมาก ใจดี ตอนเช้าหกโมงกว่า เดินออกมาจากห้อง เพื่อไปดูตรงลำธาร หมาน้อยก็รีบเดินนำ แล้วจะคอยหันมามองว่า เราเดินมาถูกไหม แล้วก็พาเดินไปถึงริมน้ำค่ะ
ออกจากที่พัก แวะอุทยานหินเขางู ไม่มีค่าเข้าชมค่ะ สวยดีค่ะ เดินได้รอบ ๆ ไม่ไกลค่ะ สบาย ๆ มีลิงอยู่แถวนั้นด้วยนะคะ สามารถซื้ออาหารให้ปลาได้ค่ะ
สุดท้ายก่อนเข้ากรุงเทพ แวะร้าน เอปูเล ซีฟู้ดค่ะ ไม่มีคน ทั้งร้านมีอยู่ 2 โต๊ะ
เสียดายปูไข่นึ่ง ไม่มีของ วันนี้เลยอด
เราสั่งต้มยำ, ปูม้าแกะ, กุ้งแม่น้ำ, หมึกผัดกระเทียมโทน, ปลาทู + ใบชะคราม ราคารวม 2,420 บาท
ชอบใบชะครามกับปลาทู ส่วนต้มยำ รสออกเปรี้ยวไปนิดนึงค่ะ ปลาหมึกอร่อยดี แต่บ้านเราไม่กินไข่ปลาหมึกกัน เลยเขี่ยออก เสียดายอยู่ กุ้งแม่น้ำสดดี ปูก็พอได้ค่ะ กินอาหารไม่หมดอีกตามเคย ห่อกลับบ้านมากินได้อีก 1 มื้อค่ะ
ไปเที่ยว 3 วัน 2 คืน ค่าใช้จ่ายประมาณ 10,000 บาท ค่าน้ำมันน่าจะพันบาทนิด ๆ เติมน้ำมันไป 2 รอบ ครั้งละ 800 บาท ค่ะ แต่ตอนแรกน้ำมันประมาณครึ่งถัง ขากลับที่เติมไป 800 บาท กลับถึงบ้าน น้ำมันยังเหลือเต็มถึง
สรุป ชอบกุยบุรีค่ะ ถึงแม้จะเห็นสัตว์อยู่ไกล ๆ ก็ตาม อากาศดีค่ะ
ส่วนสวนผึ้ง เฉย ๆ ค่ะ มองตามทางเห็นโรงแรมหลายแห่งปิด หรือบางแห่งก็ประกาศขายค่ะ
ถ้าคนที่ชอบเที่ยวคาเฟ่ แล้วถ่ายรูปลง IG น่าจะชอบสวนผึ้งค่ะ
[CR] ครัวป้ายืน ชะอำ + ดูช้างกุยบุรี + Little Swiss + Alpaca Hill + บางเวฬา สวนผึ้ง + เอปูเล ซีฟู้ด
ออกจากกรุงเทพ 10 โมง ขับรถเรื่อย ๆ แวะร้านครัวป้ายืน ที่ชะอำ อากาศดีมาก ๆ คนน้อย มีลูกค้า 3 โต๊ะ อาหารรสชาติดี ปูม้าและกุ้ง ราคาเท่ากัน คือ กิโลกรัมละ 650 บาท สดดีค่ะ สั่งมาอย่างละ ครึ่งกิโล หอยตลับผัดพริกเผา รสชาติดีค่ะ ต้มยำน้ำใส ก็ดีค่ะ ไข่เจียวปู ใช้ได้อยู่ แต่อิ่มมาก เลยกินไม่หมดค่ะ
ราคาทั้งหมด 1,220 บาท
หมาน้อยที่ร้าน ชื่อ ฮาวาย น่ารักมาก ขี้อ้อน เอาตัวมาแตะเรา ให้เราเล่นได้ตามสบาย
ออกจากร้านอาหาร ขับมาที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เพื่อดูช้าง เราไม่สามารถเอารถเข้าไปเองได้นะคะ ต้องเช่ารถของชาวบ้าน มีคนขับ 1 คน และน้องไกด์ นั่งด้านท้ายไปกับเราอีก 1 คน ค่าเช่ารถ 850 บาท ค่าเข้าอุทยาน (คนไทย) คนละ 40 บาทค่ะ น้องไกด์และคนขับรถ ตาดีมาก ๆ จะเห็นสัตว์เร็วมาก และจะรีบหยุดรถให้เราดูทันที
สามีไปคุยกับคนขับรถ เค้าเล่าว่า เงิน 850 บาท ชาวบ้านได้ 500 บาท ส่วนทางอุทยานเก็บไว้ 350 บาท แต่ใบเสร็จที่ออก 850 บาท เป็นของชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี
ตอนที่เข้าไป เกือบห้าโมงเย็นแล้ว จริง ๆ เค้าเริ่มให้เข้าไปตั้งแต่บ่ายสอง แต่ด้วยความเรื่อย ๆ ของบ้านเรา กว่าจะไปถึงก็เกือบห้าโมง เค้ายังอนุญาตให้เข้า แต่บอกว่า ดูได้แป๊บเดียวนะ เพราะต้องออกมาตอนหกโมง
นึกว่า บ้านเราเป็นบ้านสุดท้าย ตอนดูช้างอยู่ ยังมีรถกระบะ พานักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาอีก 1 คัน
ตอนที่เข้าไปมีรถขับกลับออกมาเกือบ 10 คัน เป็นคนต่างชาติทั้งหมด ไม่แน่ใจว่า ถ้ามาตั้งแต่บ่ายสองจะเห็นสัตว์เยอะหรือเปล่านะคะ ที่เราไปเค้าจะมีจุดให้จอดดูช้าง 3 จุด ขาเข้าไป เจอช้างใกล้ ๆ ถนน 1 ตัว เข้าไปจุดสุดท้ายเจอช้างแม่ลูก แต่ตอนขากลับแวะจุดชมช้าง เจอช้างเยอะมาก ๆ กระทิงเยอะ และมีเก้งอีก 2 ตัว ดูสัตว์กินอาหารในทุ่งกว้าง ๆ สงบดีจริง ๆ
ตอนขับออกมาเจอกระทิง 3 - 4 ตัว ตัวนึงวิ่งตัดหน้ารถ อีก 2 ตัวยืนมอง ไม่กล้าวิ่งข้ามถนน แต่ก็ไม่วิ่งเข้าป่า คิดว่า คงห่วงตัวที่วิ่งไปอีกฝั่ง ได้เห็นกระทิงใกล้มาก ๆ หน้าตาน่ารักจริง ๆ
คืนแรกเราพักที่ Little Swiss เป็นที่พักเล็ก ๆ ใกล้กับที่ดูช้างมาก ขับรถประมาณ 10 นาที
ที่พักมีห้องพัก 3 ห้อง ห้องที่เราพักนอนได้ 3 คน มี 1 เตียงใหญ่ และ 1 เตียงเล็ก ค่าที่พัก 1,600 บาท รวมอาหารเช้า วิวที่มองจากห้องพัก คือ ทุ่งหญ้า 1,500 ไร่ ของกรมปศุสัตว์ อากาศดีมาก ๆ ก่อนไปดูช้าง เราสั่งอาหารไว้ล่วงหน้า คือ หมูกระทะ ราคา 299 บาท ถ้าต้องการอาหารตามสั่งอื่น ก็สามารถสั่งได้นะคะ กลับมาได้กินอาหารทันที
ตอนเช้าตื่นมาเปิดม่านเห็นวิวทุ่งหญ้า สวยมาก อากาศดี ตอนเช้าได้ยินเสียงนก เสียงไก่ร้องกันระงมค่ะ
อาหารเช้าเป็นข้าวผัดหมู ไข่ดาว และแตงโมค่ะ
ใกล้ ๆ ที่พักมีถนนลูกรังเล็ก ๆ สองข้างทางมีต้นจามจุรีใหญ่ สามารถมาเดินเล่นได้ค่ะ ขาออกจากที่พัก เพื่อเข้าเมือง จะผ่านอ่างเก็บน้ำ สามารถแวะถ่ายรูปได้ค่ะ
ที่พักดี สะอาด คุณจอย เจ้าของที่พัก ให้คำแนะนำดีค่ะ ถ้าใครอยากไปดูช้าง แต่ไม่อยากขับรถเข้าไปนอนในปราณบุรี / หัวหิน / ชะอำ ลองพักที่นี่ดีเลยค่ะ
คุณจอยเล่าว่า ที่ทุ่งหญ้า 1,500 ไร่ จะมีการแสดงดนตรี ปีละ 1 ครั้ง
ออกจากกุยบุรี เราขับรถมานอนที่บางเวฬา สวนผึ้งค่ะ วันที่มาเป็นวันพุธ ร้านอาหารดัง ๆ ในสวนผึ้งปิดเกือบหมด ในที่สุดแวะไปถามที่บางเวฬา เค้าแนะนำว่า ให้มาที่ร้านมุมโปรด เราไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมาค่ะ
กินข้าวเสร็จ ก็ขับมาที่ Alpaca Hill ค่าเข้ามี 3 ระดับ แต่ละราคาจะสามารถทำกิจกรรมได้แตกต่างกัน แต่เราไปถึงประมาณ 4 โมงครึ่ง เค้าจะปิดตอนหกโมง เลยซื้อแบบราคาต่ำสุด 290 บาท ได้ดูสัตว์ทุกอย่าง และได้ให้อาหารแกะฟรี
ตอนแรกคิดว่า จะมีแต่อัลปาก้า แต่พอเข้าไปแล้ว พบว่า ที่นี่คือ Petting zoo เด็ก ๆ น่าจะชอบ มีอัลปาก้า (เศร้า ๆ) อยู่ 1 ตัว แต่มีสัตว์อื่นอีก เช่น เต่าบก, กระต่าย, เม่นแคระ, หมูแคระ, วัลลาบี, นก, ห่าน, คาปิบาร่า, แมว
ที่ประทับใจ คือ พนักงานจะน่ารักมาก พอเราเดินเข้าไปในเขตของสัตว์ จะมีพนักงานรีบเข้ามาบอกว่า อุ้มได้นะ ลูบได้นะ แต่ไม่ได้กดดันให้ซื้ออาหารสัตว์เลยนะคะ (ราคาอาหารสัตว์ค่อนข้างแพง 3 ถ้วย 100 บาท) พนักงานที่บ้านฮอบบิท จะช่วยต้อนห่านให้เราถ่ายรูป คู่กับห่าน
สัตว์ดูเศร้า ๆ ตามประสาสัตว์ที่อยู่ในสวนสัตว์ หมูแคระหลังแอ่นแทบทุกตัว ไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะอะไรนะคะ
แต่สัตว์ที่ดูจะมีความสุขมากที่สุด น่าจะเป็นแมว เพราะได้อยู่ในห้องแอร์ แล้วมีเหล่าทาสแมวมาค่อยเล่นด้วย คิดว่า น่าจะมีความสุขที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งหมดแล้วค่ะ
คืนที่สองมาพักที่ บางเวฬา เป็นที่พักเล็ก ๆ อยู่ในตัวเมืองสวนผึ้ง แต่เค้าปลูกต้นไม้ ทำให้ร่มรื่นดี ห้องพักมีไม่มาก
ห้องที่เลือกพัก อยู่ด้านหน้า จะติดถนน จะได้ยินเสียงรถวิ่งบ้าง แต่พอค่ำ ๆ เสียงจะเงียบไป ราคาห้องละ 1,200 บาท พักได้ 2 คน เราจอง 2 ห้องค่ะ รวมอาหารเช้า
เนื่องจากที่พักอยู่ในตัวเมือง เผอิญวันที่ไปพัก บ้านตรงข้ามมีการจัดงานศพที่บ้าน เลยจะได้ยินเสียงพระสวด ประมาณสักทุ่มสองทุ่มจะเลิกไปค่ะ
หน้าห้องพักมีบ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟ ติดกับบ่อปลา มีบ่อพักน้ำ ปรากฎว่า มีเขียดอยู่ในนั้น ประมาณเกือบทุ่ม เขียดจะร้องส่งเสียงกัน ดังเข้ามาถึงในห้องนอน ถ้าใครชอบเปิดเสียงธรรมชาติ เพื่อกล่อมให้นอน ห้องนี้น่าจะเหมาะ เพราะเขียดร้องกันทั้งคืน บางครั้งก็มีการประสานเสียงกัน ร้องไม่หยุด จน 7 โมงเช้า ก็ร้องไม่เลิก จนหลังจากกลับจากกินข้าวเช้า มาเก็บของกลับ เขียดจึงหยุดไปพักผ่อน
ถ้าจะให้แนะนำเพื่อน ๆ ที่ต้องการความเงียบ อยากให้เลือกห้องที่เป็นห้องริมลำธาร (จริง ๆ ไม่ริมลำธารซะทีเดียว ต้องเดินไปอีกหน่อย แต่ทางรีสอร์ท เรียกว่า ห้องริมลำธาร) ราคาห้องนี้จะแพงกว่าห้องด้านนอก 200 บาท จะไม่ได้ยินเสียงเขียด หรือเสียงรถค่ะ
แต่จะได้ยินเสียงไก่ขันแทน ไม่ว่าอยู่ห้องไหน จะได้ยินไก่ขันหมด ขันตั้งแต่ตีสามครึ่ง ตีสี่ครึ่ง ตีห้าครึ่ง หกโมงครึ่ง แต่ไก่ดีกว่าเขียด เพราะขันแป๊บเดียวจะหยุด แต่ขันทุกชั่วโมงค่ะ
ที่รับประทานอาหารเช้า สวยมากค่ะ มีต้นไผ่เยอะมาก บรรยากาศร่มรื่นค่ะ อากาศดี แต่ตอนเช้า ได้กลิ่นเผาอะไรสักอย่าง เดาว่า ชาวบ้านแถวนั้นคงเผาอะไร แต่กลิ่นอยู่ไม่นานนะคะ
อาหารเช้ามีข้าวต้ม สลัด ไข่ลวก ขนมปังปิ้ง กาแฟ โอวัลติน ข้าวต้มอร่อยค่ะ ผักสลัดสดดีค่ะ
ที่พักมีหมาอยู่ตัวนึง น่ารักมาก ใจดี ตอนเช้าหกโมงกว่า เดินออกมาจากห้อง เพื่อไปดูตรงลำธาร หมาน้อยก็รีบเดินนำ แล้วจะคอยหันมามองว่า เราเดินมาถูกไหม แล้วก็พาเดินไปถึงริมน้ำค่ะ
ออกจากที่พัก แวะอุทยานหินเขางู ไม่มีค่าเข้าชมค่ะ สวยดีค่ะ เดินได้รอบ ๆ ไม่ไกลค่ะ สบาย ๆ มีลิงอยู่แถวนั้นด้วยนะคะ สามารถซื้ออาหารให้ปลาได้ค่ะ
สุดท้ายก่อนเข้ากรุงเทพ แวะร้าน เอปูเล ซีฟู้ดค่ะ ไม่มีคน ทั้งร้านมีอยู่ 2 โต๊ะ
เสียดายปูไข่นึ่ง ไม่มีของ วันนี้เลยอด
เราสั่งต้มยำ, ปูม้าแกะ, กุ้งแม่น้ำ, หมึกผัดกระเทียมโทน, ปลาทู + ใบชะคราม ราคารวม 2,420 บาท
ชอบใบชะครามกับปลาทู ส่วนต้มยำ รสออกเปรี้ยวไปนิดนึงค่ะ ปลาหมึกอร่อยดี แต่บ้านเราไม่กินไข่ปลาหมึกกัน เลยเขี่ยออก เสียดายอยู่ กุ้งแม่น้ำสดดี ปูก็พอได้ค่ะ กินอาหารไม่หมดอีกตามเคย ห่อกลับบ้านมากินได้อีก 1 มื้อค่ะ
ไปเที่ยว 3 วัน 2 คืน ค่าใช้จ่ายประมาณ 10,000 บาท ค่าน้ำมันน่าจะพันบาทนิด ๆ เติมน้ำมันไป 2 รอบ ครั้งละ 800 บาท ค่ะ แต่ตอนแรกน้ำมันประมาณครึ่งถัง ขากลับที่เติมไป 800 บาท กลับถึงบ้าน น้ำมันยังเหลือเต็มถึง
สรุป ชอบกุยบุรีค่ะ ถึงแม้จะเห็นสัตว์อยู่ไกล ๆ ก็ตาม อากาศดีค่ะ
ส่วนสวนผึ้ง เฉย ๆ ค่ะ มองตามทางเห็นโรงแรมหลายแห่งปิด หรือบางแห่งก็ประกาศขายค่ะ
ถ้าคนที่ชอบเที่ยวคาเฟ่ แล้วถ่ายรูปลง IG น่าจะชอบสวนผึ้งค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้