หนูเป็นนักเรียนชั้นม.6ค่ะ อยู่ในช่วงของtcas66 รู้ตัวว่าตัวเองมีปัญหาตั้งแต่ตอนที่ขึ้นม.5ตอนนั้นเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้านก็คิดขึ้นมาได้ว่าควรหามหาลัยที่ตนเองจะเรียนได้แล้ว ตัวหนูเป็นคนที่ชอบการวาดภาพแนวอนิเมะมากๆ แต่ผู้ใหญ่ส่วนมากเห็นหนูวาดภาพแล้วบอกว่าน่าจะเข้าคณะสถาปัตย์เพราะหนูเคยไปแข่งเกี่ยวกับวาดภาพหลายรายการ แต่หนูคิดว่าไม่ใช่แนวการวาดที่หนูชอบ จึงดูคณะเกี่ยวดิจิทัลมีเดียไว้ ชอบแรกๆก็ฝึกวาดภาพพัฒนาตัวเองไปปกติค่ะ มีความสุขมากๆที่ได้วาด เป็นคนที่ชอบเข้าทวิตและเสพงานวาดของทางญี่ปุ่นและมักจะเซฟภาพเอาไว้อย่างมีความสุข แต่ก็มีจุดผลิกผันคือจากที่หนูเขาทวิตและเสพงานคนอื่นอย่างมีความสุข มันกลับกลายเป็นว่าหนูเห็นผลงานพวกนั้นแล้วทำให้ตัวเองรู้สึกเครียด รู้สึกไม่ดีมากๆ ว่าทำไมเรายังวาดไม่ได้เหมือนเขา ตอนนั้นหนูเข้าใจดีว่าบางคนเห็นผลงานคนอื่นแล้วนำมาเป็นกำลังให้ตัวเอง แต่ในกรณีของหนูคือหนูไม่สามารถเซฟรูปที่ชอบได้อีกถึงขั้นที่ไม่อยากเข้าทวิตไปนานเลยค่ะ พอเกิดปัญหานี้ขึ้นก็ทำให้สมองหนูคิดตามมาว่าถ้าเข้าคณะนี่จริงจะมีงานทำจริงๆไหม ปัญหาความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายก็ตามมา ถ้าเรียนไปแล้วไม่ได้อะไรกลับคืนมา เนื่องจากทางครอบครับหนูไม่ได้มีฐานะอะไรขนาดนั้นบวกกับการที่หนูเคยทำงานพิเศษเล็กๆน้อยๆเก็บเงินเอง ทำให้หนูรู้ว่าการหาเงินมายากแค่ไหนและประสบการณ์ที่พี่ชายหนูเคยซิ่วมาเนื่องจากเกิดปัญหาที่มหาลัย ทำให้ทางครอบครัวพูดมาตลอดว่า ไม่นานซิ่วมาเลย ถ้าไม่ซิ่วมาก็จบไปแล้ว จากการที่พี่ชายโดนพูดมาแบบนี้บ่อยครั้งทำให้หนูเกิดความกลัวว่าถ้าเป็นตนเองจะต้องเป็นแบบเดียวกันแน่ และทางครอบครัวก็บอกให้หนูไปสอบตำรวจเพราะมาสวัสดิการที่ดี แต่หนูรู้เลยว่าไม่ใช่ทางของตนเองแน่นอน หนูเป็นคนที่ร้องไห้ง่ายโดนเฉพาะถ้าพ่อขึ้นเสียใส่หรือพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจ ถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนอื่นแต่น้ำตาหนูก็ไหลออกมาตลอดตอนที่เขาเริ่มขึ้นเสียงใส่
เคยมีครั้งนึงนั่งร้องไห้อยู่ในห้องเพราะเครียดเรื่องมหาลัยเพราะเขาพูดเหมือนอยากให้ไปสอบตำรวจมากก ทั้งบอกว่าถ้าน้องชายสอบตำรวจก็จะได้มาเลี้ยงครอบครัว อีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้หนูกังวลใจคือการที่ญาติเขาบอกว่าโตขึ้นจะเลี้ยงเขาไหม เก่งหนิสอบนู้น สอบนี่เลย มันทำให้หนูสงสัยว่าถ้าไม่เลี้ยงหนูจะมีประโยชน์อะไรอีกไหม หลังจากนั้นหนูก็ตัดสินใจไปคุยกับพ่อ ทำให้วันนั้นผ่านมาได้เพราะว่าเขาบอกว่าเรียนอะไรก็เรียนไป แต่ทุกวันนนี้เขาก็ยังพูดว่าอยากให้หนูสอบตำรวจอยู่ดี สุดท้ายหนูตัดสินใจไม่เข้าคณะดิจิทัลมีเดียตามที่ตัวเองหวัง เพราะรู้สึกว่าตัวเองชอบวาดภาพมากก แต่ไม่ชอบความกดดันคิดเลยว่าตัวเองไม่สามารถพัฒนาได้ภายใต้ความกดดันแน่นอน
จึงคิดจะไปทางสายวิทสุขภาพ ทั้งๆที่ไม่ได้ชอบทั้งชีวะ ฟิสิกส์ เคมี คณิตศาสตร์ คิดแต่ว่าเรียนไปจบมีงานมีเงินก็พอ ตั้งแต่นั้นมาก็ติวอย่างมีไฟมาตลอด จนเปิดเทอมก็ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ พอขึ้นม.6ก็รู้เลยความเครียดที่แท้จริง ส่งพร็อต อ่านหนังสือ แต่ที่เศร้าที่สุดคือการที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่อยากทำจริงๆแล้วคืออะไร ความรู้สึกที่ว่าเพื่อนลงสตอรี่อ่านหนังสือแล้วเรา ความรู้สึกผิดในใจ ว่าเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่อยากเปิดหรือแตะหนังสือ ทำไมเพื่อนทำได้ ทำไมเราทำไมได้ ถ้าเราทำแบบเพื่อนเราจะพัฒนาได้อีก เหมือนไฟเรามันมอดไปหมดแล้ว อยากอยู่เฉยๆ แต่อยู่เฉยๆก็เครียดมากจะมีมหาลัยไหม หนูไม่ได้กลัวเลยว่าจะมีมหาลัยรึเปล่าหนูรู้เลยว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่ดีมากๆ เวลาเห็นเพื่อนได้ดีก็อยากกดเพื่อนคนนั้นให้อยู่ต่ำกว่าตัวเอง พอได้น้อยกว่าเพื่อนก็รู้สึกแย่ แต่ก่อนเป็นเอามากๆก็คือพูดแซะเพื่อน หนูก็รู้ตัวดีเดี๋ยวนี้ก็เลยคิดก่อนพูดมากขึ้น พยายามคิดว่าเพื่อนได้ดีต้องยินดีกับเพื่อน ที่เป็นปัญหาก็คิดสมองของหนูมันมักจะคิดในแง่ลบตลอด พูดดูถูกตัวเอง ไม่มั่นใจในตัวเอง โดนว่านิดหน่อยก็ร้องง่าย รู้สึกไม่มีค่าเลย จะมีอนาคตไหมจะโดนว่าแบบพี่ชายรึเปล่า
ตัวหนูเองชื่นชมพี่ชายมากที่เขามีความฝันถึงแม้ว่าคนรอบข้างจะดูถูกเขาแต่เขาก็ยังมีแนวถามเป็นของตัวเองมีความสามารถที่ตัวเองถนัด หนูรุ้ว่าไม่ควรเปรียบเทียบกัน แต่หนูไม่มีอะไรที่ชอบหรือสิ่งที่อยากเป็นจริงๆ ไม่มีแม้แต่ความมั่นใจ หรือความรักในตัวเอง รู้สึกทุกอย่างมันเฉื่อยชาไปหมด ไม่อยากทำอะไรเลยค่ะ รู้ว่าควรพักแต่ช่วงนี้คือช่วงใกล้สอบยังมีอีกหลายวิชาที่ยังไม่อ่านรู้ว่าอ่านไม่ทันแน่แต่ก็รู้สึกไม่อยากทำ พยายามฮีลใจตัวเองสุดๆ ช่วงนี้อารมณ์แปรปรวนง่ายด้วยค่ะ โดนพูดว่าอะไรนิดหน่อยก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ พอจะมีอะไรแนะนำไหมคะ
ตอนนี้รู้สึกตัวเองมีปัญหาทางสุขภาพค่ะ แต่ก่อนเป็นคนที่ชอบออกกำลังกาย+ทานอาหารตามที่คำนวณไว้ได้ แต่ตอนนี้ไม่ไปออกกำลังกายเพราะเวลาที่ไปออกก็กังวลว่างทำไมเราไม่เอาเวลานี้ไปอ่านหนังสือ และช่วงนี้กินเยอะกว่าปกติมากค่ะ ไม่ได้หิวแต่แค่อยากก็หาอะไรกินแล้วคิดกับตัวเองว่าพอกินแล้วสมองจะโล่งขึ้น อารมณ์ฉุนเฉียว แปรปรวนขึ้นเยอะค่ะ
ไม่ทราบว่าพอจะมีทางแก้เบื้องต้นไหมค่ะ กลัวกระทบกับการสอบ tcas66 ในรอบต่อไปมากค่ะ ไม่รู้สึกอยากทำอะไรเลย
ขอคำปรึกษาให้เด็กม.6คนนี้หน่อยค่ะ
เคยมีครั้งนึงนั่งร้องไห้อยู่ในห้องเพราะเครียดเรื่องมหาลัยเพราะเขาพูดเหมือนอยากให้ไปสอบตำรวจมากก ทั้งบอกว่าถ้าน้องชายสอบตำรวจก็จะได้มาเลี้ยงครอบครัว อีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้หนูกังวลใจคือการที่ญาติเขาบอกว่าโตขึ้นจะเลี้ยงเขาไหม เก่งหนิสอบนู้น สอบนี่เลย มันทำให้หนูสงสัยว่าถ้าไม่เลี้ยงหนูจะมีประโยชน์อะไรอีกไหม หลังจากนั้นหนูก็ตัดสินใจไปคุยกับพ่อ ทำให้วันนั้นผ่านมาได้เพราะว่าเขาบอกว่าเรียนอะไรก็เรียนไป แต่ทุกวันนนี้เขาก็ยังพูดว่าอยากให้หนูสอบตำรวจอยู่ดี สุดท้ายหนูตัดสินใจไม่เข้าคณะดิจิทัลมีเดียตามที่ตัวเองหวัง เพราะรู้สึกว่าตัวเองชอบวาดภาพมากก แต่ไม่ชอบความกดดันคิดเลยว่าตัวเองไม่สามารถพัฒนาได้ภายใต้ความกดดันแน่นอน
จึงคิดจะไปทางสายวิทสุขภาพ ทั้งๆที่ไม่ได้ชอบทั้งชีวะ ฟิสิกส์ เคมี คณิตศาสตร์ คิดแต่ว่าเรียนไปจบมีงานมีเงินก็พอ ตั้งแต่นั้นมาก็ติวอย่างมีไฟมาตลอด จนเปิดเทอมก็ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ พอขึ้นม.6ก็รู้เลยความเครียดที่แท้จริง ส่งพร็อต อ่านหนังสือ แต่ที่เศร้าที่สุดคือการที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่อยากทำจริงๆแล้วคืออะไร ความรู้สึกที่ว่าเพื่อนลงสตอรี่อ่านหนังสือแล้วเรา ความรู้สึกผิดในใจ ว่าเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่อยากเปิดหรือแตะหนังสือ ทำไมเพื่อนทำได้ ทำไมเราทำไมได้ ถ้าเราทำแบบเพื่อนเราจะพัฒนาได้อีก เหมือนไฟเรามันมอดไปหมดแล้ว อยากอยู่เฉยๆ แต่อยู่เฉยๆก็เครียดมากจะมีมหาลัยไหม หนูไม่ได้กลัวเลยว่าจะมีมหาลัยรึเปล่าหนูรู้เลยว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่ดีมากๆ เวลาเห็นเพื่อนได้ดีก็อยากกดเพื่อนคนนั้นให้อยู่ต่ำกว่าตัวเอง พอได้น้อยกว่าเพื่อนก็รู้สึกแย่ แต่ก่อนเป็นเอามากๆก็คือพูดแซะเพื่อน หนูก็รู้ตัวดีเดี๋ยวนี้ก็เลยคิดก่อนพูดมากขึ้น พยายามคิดว่าเพื่อนได้ดีต้องยินดีกับเพื่อน ที่เป็นปัญหาก็คิดสมองของหนูมันมักจะคิดในแง่ลบตลอด พูดดูถูกตัวเอง ไม่มั่นใจในตัวเอง โดนว่านิดหน่อยก็ร้องง่าย รู้สึกไม่มีค่าเลย จะมีอนาคตไหมจะโดนว่าแบบพี่ชายรึเปล่า
ตัวหนูเองชื่นชมพี่ชายมากที่เขามีความฝันถึงแม้ว่าคนรอบข้างจะดูถูกเขาแต่เขาก็ยังมีแนวถามเป็นของตัวเองมีความสามารถที่ตัวเองถนัด หนูรุ้ว่าไม่ควรเปรียบเทียบกัน แต่หนูไม่มีอะไรที่ชอบหรือสิ่งที่อยากเป็นจริงๆ ไม่มีแม้แต่ความมั่นใจ หรือความรักในตัวเอง รู้สึกทุกอย่างมันเฉื่อยชาไปหมด ไม่อยากทำอะไรเลยค่ะ รู้ว่าควรพักแต่ช่วงนี้คือช่วงใกล้สอบยังมีอีกหลายวิชาที่ยังไม่อ่านรู้ว่าอ่านไม่ทันแน่แต่ก็รู้สึกไม่อยากทำ พยายามฮีลใจตัวเองสุดๆ ช่วงนี้อารมณ์แปรปรวนง่ายด้วยค่ะ โดนพูดว่าอะไรนิดหน่อยก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ พอจะมีอะไรแนะนำไหมคะ
ตอนนี้รู้สึกตัวเองมีปัญหาทางสุขภาพค่ะ แต่ก่อนเป็นคนที่ชอบออกกำลังกาย+ทานอาหารตามที่คำนวณไว้ได้ แต่ตอนนี้ไม่ไปออกกำลังกายเพราะเวลาที่ไปออกก็กังวลว่างทำไมเราไม่เอาเวลานี้ไปอ่านหนังสือ และช่วงนี้กินเยอะกว่าปกติมากค่ะ ไม่ได้หิวแต่แค่อยากก็หาอะไรกินแล้วคิดกับตัวเองว่าพอกินแล้วสมองจะโล่งขึ้น อารมณ์ฉุนเฉียว แปรปรวนขึ้นเยอะค่ะ
ไม่ทราบว่าพอจะมีทางแก้เบื้องต้นไหมค่ะ กลัวกระทบกับการสอบ tcas66 ในรอบต่อไปมากค่ะ ไม่รู้สึกอยากทำอะไรเลย