***เราขอโทษไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ***
เราเป็นคนที่อาจจะอธิบายวนไปวนมา และกระทู้นี้เราจะเขียนเล่ายาวหน่อย อ่านแล้วอาจจะทำให้หงุดหงิดบ้าง แต่เราอยากขอคำปรึกษาและขอความคิดเห็นจากผู้อ่านทุกคนหน่อยค่ะ ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านจบแล้วแสดงความคิดเห็นไว้ล่วงหน้าค่ะ
[0] ขอเกริ่นก่อนว่าตอนนี้เราอยู่ในวัยมหาลัย แต่ไม่ได้เรียนอยู่นะคะ ลาออกมา 1 ปีครึ่งแล้ว และกำลังหาทางสมัครเรียนใหม่ค่ะ
.
[1] เริ่มจากตอนแรกที่เราพึ่งเรียนจบด้วยวุฒิ ปวช.มา เราก็ไปสมัครต่อที่มหาลัยเอกชนที่หนึ่งได้ แต่เราเรียนไปได้ปีครึ่งแล้วรู้สึกว่าเรียนไม่ไหวเลยขอที่บ้านลาออกมาเพราะคิดว่าเราเรียนไม่จบๆแน่ ซึ่งที่บ้านก็อนุญาตให้ลาออกค่ะ และบอกให้เราสมัครเรียนต่อ แต่เรายังไม่รู้ว่าเราจะเรียนอะไรดี เลยอยากหาตัวเองก่อน
.
[2] หลังจากที่ลาออกจากมหาลัย ที่บ้านก็ให้เราจัดการตัวเองและหาที่สมัครเรียนต่อเองค่ะ ซึ่งเรารู้สึกว่าอยากหาช่องทางหาเงินที่เราชอบมันด้วย เราเลยตัดสินใจจะไลฟ์สตรีมเล่นเกม เพราะเราชอบเล่นเกม เลยของบสำหรับอุปกรณ์ที่จำเป็นนั่นก็คือ โต๊ะเก้าอี้ใหม่ และคอมพิวเตอร์จากคุณแม่ค่ะ โดยจะผ่อนในแอปสีส้มที่ทุกคนรู้จักกันดี และขอให้คุณแม่ช่วยออกค่าวางดาวน์ แล้วค่าผ่อนที่เหลือเราจะจ่ายเอง ซึ่งเรามีพี่สาวหนึ่งคนที่อายุเราห่างกันประมาณหนึ่ง และเขาค่อยข้างเก่ง IT เพราะเขาทำงานเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์ เขาไม่เห็นด้วยค่ะที่จะให้เราซื้อคอมแบบที่เราอยากได้ เขามองว่าคอมที่เราอยากได้นั้นสิ้นเปลืองเกินไป และจะลดสเปคคอมของเรา แต่เรามองว่าสเปคที่เราเลือกมันเหมาะสมแล้วสำหรับจะนำมาใช้ไลฟ์สตรีมในระยะยาวและนานกว่าจะได้เปลี่ยน เลยตื้อคุณแม่จนใจอ่อนซื้อให้ค่ะ
.
[3] หลังจากที่เราได้คอมตามที่ต้องการ เราก็ลงมือทำตามที่ตั้งใจไว้ค่ะ ตั้งใจไลฟ์สตรีมมาเรื่อยๆ แต่พูดตามตรงว่ามันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดไว้เลย รายได้จากการสตรีมมันไม่ได้มากพอที่จะเอามาใช้จ่ายรวมถึงผ่อนค่าคอมพิวเตอร์เลย เราเลยต้องให้คุณแม่ช่วยออกค่าผ่อนในแต่ละเดือนไปก่อนแล้วเราตั้งใจว่าจะคืนให้เมื่อเราสามารถหาเงินได้มากขึ้น แล้วเราก็ตั้งใจที่จะไลฟ์สตรีมเรื่อยๆ วันละ 3-4 ชม. หรือบางวันก็มากกว่านั้น อย่างน้อยสัปห์ดาละ 5 วัน เราทำมาเรื่อยๆมาปีกว่าค่ะ
.
[4] จนถึงปลายปีที่ผ่านมา มีอยู่วันหนึ่งพี่เราได้เข้ามาถามเราด้วยน้ำเสียงดุๆว่า "เรื่องเรียนไปถึงไหนแล้ว จะได้เรียนต่อมั้ย" เราก็ตอบไปว่าเราคิดจะเข้าคณะนิเทศ สาขาสื่อดิจิตอล มหาลัยธรรมศาสตร์ เพราะเรามองว่ามันเอามาต่อยอดกับอาชีพสตรีมเมอร์ที่เราทำอยู่ได้ พี่เราก็พูดว่า "มั่นใจขนาดไหนว่าจะสอบเข้าธรรมศาสตร์ได้ ตัวเองมีความรู้ขนาดไหน" คำพูดนี้มันทำให้เรารู้สึกว่าโดนดูถูกมาก ซึ่งเราก็รู้ว่ามันยาก แต่เรามั่นใจว่าถ้าเราตั้งใจเราก็สอบเข้าได้ แต่นี่เรายังไม่ได้ลองด้วยซ้ำก็โดนดูถูกแล้วหรอ หลังจากนั้นพี่เขาก็จี้ถามเราเกี่ยวกับการสมัครสอบทุกอย่าง ว่าจะสมัครยังไง สอบอะไรบ้าง ถามจี้ทุกอย่าง เราก็ตอบบ้างไม่ได้บ้าง จนเหมือนพี่เขาพอใจก็ถึงจะเลิกถามแล้วบอกให้เราไปศึกษาให้มันดีๆหน่อย
.
[5] จนมาถึงช่วงใกล้ๆสิ้นปี พี่สาวเราก็เข้ามา(อีกแล้ว) แล้วก็จี้เราเหมือนเดิม ถามคำถามเดิมๆเกี่ยวกับเรื่องสอบเข้า แล้วพี่เขาก็ถามเรื่อง gat pat สอบวันไหน เราก็บอกยังไม่ถึงเลยรีบไปไหน มหาลัยเปิดสอบตั้งปีหน้า พี่เราก็นิ่งไปพักนึงแล้วถามเราว่า ได้สอบ gat pat หรือยัง แล้วพี่เขาก็ไปหาข้อมูลเรื่องการสอบ จนเขารู้ว่าระบบมันเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนจาก gat pat เป็น tgat tpat และก็ถามจี้เราใหม่ จนเจอคำถามจากพี่ว่า "สมัครสอบหรือยัง" ทำให้เราได้ไปค้นหาใหม่แล้วพบว่า เราไม่ได้สอบสมัคร tcas เลย เราเข้าใจทันทีเลยว่าเราพลาดแล้ว หลังจากนั้นเราโดนพี่ด่ายับ ด่าแรงมากจนเราแทบจะรับไม่ไหวกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ แต่เราก็กลั้นจนพี่เขาด่าจนพอใจแล้วออกจากห้องไป เราก็น้ำตาแตกทันที เป็นวันที่เราหดหู่มากวันนึงเลย ว่าทำไมต้องด่ากันแรงขนาดนั้น
.
[6] หลังจากวันที่ด่าเราวันนั้น พี่เราก็ไม่เข้ามาคุยกับเราพักใหญ่ ประมาณ 2 สัปดาห์ได้ เราก็ใช้ชีวิตของเราไปปกติ จนมีวันหนึ่งจู่ๆ พี่เขาก็เข้ามาอีกพร้อมกับส่งลิงค์การสมัครเรียนรอบที่ไม่ใช้คะแนน tgat tpat ให้เรา แล้วบอกให้เราเลือกว่าจะเข้ามหาลัยไหน ไม่ก็หามหาลัยอื่นที่ไม่ต้องใช้ tgat tpat เหมือนกัน เราก็เลยบอกว่า เราอยากเข้ามหาลัยเดิมที่เคยบอกไป ถ้าไม่ได้เราก็จะขอไปเอกชนดีกว่าที่จะต้องไปมหาลัยที่พี่เราหามาให้ พี่เราก็ฉุนขาดทันทีแล้วบอกว่า "รู้มั้ยว่าที่เก่ามันแพงมากนะรู้มั้ย หนี้ค่าเทอมจากที่เก่ายังไม่หมดเลย ก็ยังจ่ายไม่หมดเลย นี่ยังจะไปเอกชนอีก ไม่ได้คิดอะไรเลยใช่ไหม" คำพูดของพี่ทำให้เรารู้สึกเหมือนว่าพี่เขามองเราว่าเป็นตัวถ่วงของบ้านเลย หลังจากนั้นพี่เขาก็เอาเรื่องคอมที่เราขอแม่ซื้อเมื่อปีที่แล้วมาพูดต่อว่า "ไหนอ่ะ ที่บอกว่าจะผ่อนคอมเอง สุดท้ายเป็นไงอ่ะ สุดท้ายก็ต้องมาให้คนอื่นจ่ายให้ ที่พูดขายแม่วันนั้นไว้ดิบดี คืออะไรอ่ะ แถไปงั้นเพื่อให้ได้ของว่างั้น" เราก็ทนไม่ไหวกับการกดดันและการดูถูก เราก็เลยพูดไปว่า "ก็ใช่ไง หนูไม่ได้ฉลาดเหมือนพี่นี่ หนูทำอะไรมันก็ไม่ได้เรื่องซักอย่างใช่มั้ยล่ะ หนูมันก็แค่ลูกที่คอยกินตังแม่เอง" แล้ววิ่งออกจากห้องไปเลยค่ะ
.
[Final] หลังจากนั้นพี่เราก็ไม่คุยกับเราตรงๆอีกเลยจนถึงทุกวันนี้ เพราะตอนนี้คุณแม่เป็นคนมาคอยตามเราเรื่องการสมัครเรียนแทน ซึ่งเราก็รู้ว่าคุณแม่ไปคุยปรึกษากับพี่สาวเราก่อนจะมาคุยกับเราแทน เพราะคำพูดหรือสิ่งต่างๆที่คุณแม่เอามาถามมันไม่ใช่ปกติที่คุณแม่เราจะถาม มันทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่มีค่า และจนถึงตอนนี้เราก็ยังตัดสินใจได้ไม่ชัดเจนว่าจะเรียนต่อที่ไหน เพราะที่ที่อยากไปก็ไปไม่ได้เพราะเป็นเอกชนหรือโดนดูถูกว่าสอบไม่ติดหรอก หรือที่อื่นๆที่พี่ให้มามันก็ดูเหมือนจบมาก็คงหางานทำยาก
.
จริงๆแล้วยังมีต่อค่ะ แต่จะขอเล่าไว้เท่านี้ เพราะจุดนี้คือทำร้ายจิตใจเราที่สุดแล้ว สุดท้ายนี้เราอยากถามความคิดเห็นของผู้อ่านทุกคนค่ะ ทำไมพี่เขาต้องพูดแรงขนาดนี้ และอยากขอคำปรึกษาว่าหนูควรเอายังไงต่อดี มีอะไรที่หนูทำได้ หรือควรทำอีกบ้าง รบกวนทุกคนด้วยนะคะ เพราะหนูไม่รู้จะไปปรึกษาใครดีค่ะ ขอบคุณผู้อ่านทุกคนอีกครั้งค่ะ
ควรจัดการหรือทำยังไงกับการกดดันและการดูถูกจากที่บ้านคะ ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ
[0] ขอเกริ่นก่อนว่าตอนนี้เราอยู่ในวัยมหาลัย แต่ไม่ได้เรียนอยู่นะคะ ลาออกมา 1 ปีครึ่งแล้ว และกำลังหาทางสมัครเรียนใหม่ค่ะ
.
[1] เริ่มจากตอนแรกที่เราพึ่งเรียนจบด้วยวุฒิ ปวช.มา เราก็ไปสมัครต่อที่มหาลัยเอกชนที่หนึ่งได้ แต่เราเรียนไปได้ปีครึ่งแล้วรู้สึกว่าเรียนไม่ไหวเลยขอที่บ้านลาออกมาเพราะคิดว่าเราเรียนไม่จบๆแน่ ซึ่งที่บ้านก็อนุญาตให้ลาออกค่ะ และบอกให้เราสมัครเรียนต่อ แต่เรายังไม่รู้ว่าเราจะเรียนอะไรดี เลยอยากหาตัวเองก่อน
.
[2] หลังจากที่ลาออกจากมหาลัย ที่บ้านก็ให้เราจัดการตัวเองและหาที่สมัครเรียนต่อเองค่ะ ซึ่งเรารู้สึกว่าอยากหาช่องทางหาเงินที่เราชอบมันด้วย เราเลยตัดสินใจจะไลฟ์สตรีมเล่นเกม เพราะเราชอบเล่นเกม เลยของบสำหรับอุปกรณ์ที่จำเป็นนั่นก็คือ โต๊ะเก้าอี้ใหม่ และคอมพิวเตอร์จากคุณแม่ค่ะ โดยจะผ่อนในแอปสีส้มที่ทุกคนรู้จักกันดี และขอให้คุณแม่ช่วยออกค่าวางดาวน์ แล้วค่าผ่อนที่เหลือเราจะจ่ายเอง ซึ่งเรามีพี่สาวหนึ่งคนที่อายุเราห่างกันประมาณหนึ่ง และเขาค่อยข้างเก่ง IT เพราะเขาทำงานเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์ เขาไม่เห็นด้วยค่ะที่จะให้เราซื้อคอมแบบที่เราอยากได้ เขามองว่าคอมที่เราอยากได้นั้นสิ้นเปลืองเกินไป และจะลดสเปคคอมของเรา แต่เรามองว่าสเปคที่เราเลือกมันเหมาะสมแล้วสำหรับจะนำมาใช้ไลฟ์สตรีมในระยะยาวและนานกว่าจะได้เปลี่ยน เลยตื้อคุณแม่จนใจอ่อนซื้อให้ค่ะ
.
[3] หลังจากที่เราได้คอมตามที่ต้องการ เราก็ลงมือทำตามที่ตั้งใจไว้ค่ะ ตั้งใจไลฟ์สตรีมมาเรื่อยๆ แต่พูดตามตรงว่ามันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดไว้เลย รายได้จากการสตรีมมันไม่ได้มากพอที่จะเอามาใช้จ่ายรวมถึงผ่อนค่าคอมพิวเตอร์เลย เราเลยต้องให้คุณแม่ช่วยออกค่าผ่อนในแต่ละเดือนไปก่อนแล้วเราตั้งใจว่าจะคืนให้เมื่อเราสามารถหาเงินได้มากขึ้น แล้วเราก็ตั้งใจที่จะไลฟ์สตรีมเรื่อยๆ วันละ 3-4 ชม. หรือบางวันก็มากกว่านั้น อย่างน้อยสัปห์ดาละ 5 วัน เราทำมาเรื่อยๆมาปีกว่าค่ะ
.
[4] จนถึงปลายปีที่ผ่านมา มีอยู่วันหนึ่งพี่เราได้เข้ามาถามเราด้วยน้ำเสียงดุๆว่า "เรื่องเรียนไปถึงไหนแล้ว จะได้เรียนต่อมั้ย" เราก็ตอบไปว่าเราคิดจะเข้าคณะนิเทศ สาขาสื่อดิจิตอล มหาลัยธรรมศาสตร์ เพราะเรามองว่ามันเอามาต่อยอดกับอาชีพสตรีมเมอร์ที่เราทำอยู่ได้ พี่เราก็พูดว่า "มั่นใจขนาดไหนว่าจะสอบเข้าธรรมศาสตร์ได้ ตัวเองมีความรู้ขนาดไหน" คำพูดนี้มันทำให้เรารู้สึกว่าโดนดูถูกมาก ซึ่งเราก็รู้ว่ามันยาก แต่เรามั่นใจว่าถ้าเราตั้งใจเราก็สอบเข้าได้ แต่นี่เรายังไม่ได้ลองด้วยซ้ำก็โดนดูถูกแล้วหรอ หลังจากนั้นพี่เขาก็จี้ถามเราเกี่ยวกับการสมัครสอบทุกอย่าง ว่าจะสมัครยังไง สอบอะไรบ้าง ถามจี้ทุกอย่าง เราก็ตอบบ้างไม่ได้บ้าง จนเหมือนพี่เขาพอใจก็ถึงจะเลิกถามแล้วบอกให้เราไปศึกษาให้มันดีๆหน่อย
.
[5] จนมาถึงช่วงใกล้ๆสิ้นปี พี่สาวเราก็เข้ามา(อีกแล้ว) แล้วก็จี้เราเหมือนเดิม ถามคำถามเดิมๆเกี่ยวกับเรื่องสอบเข้า แล้วพี่เขาก็ถามเรื่อง gat pat สอบวันไหน เราก็บอกยังไม่ถึงเลยรีบไปไหน มหาลัยเปิดสอบตั้งปีหน้า พี่เราก็นิ่งไปพักนึงแล้วถามเราว่า ได้สอบ gat pat หรือยัง แล้วพี่เขาก็ไปหาข้อมูลเรื่องการสอบ จนเขารู้ว่าระบบมันเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนจาก gat pat เป็น tgat tpat และก็ถามจี้เราใหม่ จนเจอคำถามจากพี่ว่า "สมัครสอบหรือยัง" ทำให้เราได้ไปค้นหาใหม่แล้วพบว่า เราไม่ได้สอบสมัคร tcas เลย เราเข้าใจทันทีเลยว่าเราพลาดแล้ว หลังจากนั้นเราโดนพี่ด่ายับ ด่าแรงมากจนเราแทบจะรับไม่ไหวกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ แต่เราก็กลั้นจนพี่เขาด่าจนพอใจแล้วออกจากห้องไป เราก็น้ำตาแตกทันที เป็นวันที่เราหดหู่มากวันนึงเลย ว่าทำไมต้องด่ากันแรงขนาดนั้น
.
[6] หลังจากวันที่ด่าเราวันนั้น พี่เราก็ไม่เข้ามาคุยกับเราพักใหญ่ ประมาณ 2 สัปดาห์ได้ เราก็ใช้ชีวิตของเราไปปกติ จนมีวันหนึ่งจู่ๆ พี่เขาก็เข้ามาอีกพร้อมกับส่งลิงค์การสมัครเรียนรอบที่ไม่ใช้คะแนน tgat tpat ให้เรา แล้วบอกให้เราเลือกว่าจะเข้ามหาลัยไหน ไม่ก็หามหาลัยอื่นที่ไม่ต้องใช้ tgat tpat เหมือนกัน เราก็เลยบอกว่า เราอยากเข้ามหาลัยเดิมที่เคยบอกไป ถ้าไม่ได้เราก็จะขอไปเอกชนดีกว่าที่จะต้องไปมหาลัยที่พี่เราหามาให้ พี่เราก็ฉุนขาดทันทีแล้วบอกว่า "รู้มั้ยว่าที่เก่ามันแพงมากนะรู้มั้ย หนี้ค่าเทอมจากที่เก่ายังไม่หมดเลย ก็ยังจ่ายไม่หมดเลย นี่ยังจะไปเอกชนอีก ไม่ได้คิดอะไรเลยใช่ไหม" คำพูดของพี่ทำให้เรารู้สึกเหมือนว่าพี่เขามองเราว่าเป็นตัวถ่วงของบ้านเลย หลังจากนั้นพี่เขาก็เอาเรื่องคอมที่เราขอแม่ซื้อเมื่อปีที่แล้วมาพูดต่อว่า "ไหนอ่ะ ที่บอกว่าจะผ่อนคอมเอง สุดท้ายเป็นไงอ่ะ สุดท้ายก็ต้องมาให้คนอื่นจ่ายให้ ที่พูดขายแม่วันนั้นไว้ดิบดี คืออะไรอ่ะ แถไปงั้นเพื่อให้ได้ของว่างั้น" เราก็ทนไม่ไหวกับการกดดันและการดูถูก เราก็เลยพูดไปว่า "ก็ใช่ไง หนูไม่ได้ฉลาดเหมือนพี่นี่ หนูทำอะไรมันก็ไม่ได้เรื่องซักอย่างใช่มั้ยล่ะ หนูมันก็แค่ลูกที่คอยกินตังแม่เอง" แล้ววิ่งออกจากห้องไปเลยค่ะ
.
[Final] หลังจากนั้นพี่เราก็ไม่คุยกับเราตรงๆอีกเลยจนถึงทุกวันนี้ เพราะตอนนี้คุณแม่เป็นคนมาคอยตามเราเรื่องการสมัครเรียนแทน ซึ่งเราก็รู้ว่าคุณแม่ไปคุยปรึกษากับพี่สาวเราก่อนจะมาคุยกับเราแทน เพราะคำพูดหรือสิ่งต่างๆที่คุณแม่เอามาถามมันไม่ใช่ปกติที่คุณแม่เราจะถาม มันทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่มีค่า และจนถึงตอนนี้เราก็ยังตัดสินใจได้ไม่ชัดเจนว่าจะเรียนต่อที่ไหน เพราะที่ที่อยากไปก็ไปไม่ได้เพราะเป็นเอกชนหรือโดนดูถูกว่าสอบไม่ติดหรอก หรือที่อื่นๆที่พี่ให้มามันก็ดูเหมือนจบมาก็คงหางานทำยาก
.
จริงๆแล้วยังมีต่อค่ะ แต่จะขอเล่าไว้เท่านี้ เพราะจุดนี้คือทำร้ายจิตใจเราที่สุดแล้ว สุดท้ายนี้เราอยากถามความคิดเห็นของผู้อ่านทุกคนค่ะ ทำไมพี่เขาต้องพูดแรงขนาดนี้ และอยากขอคำปรึกษาว่าหนูควรเอายังไงต่อดี มีอะไรที่หนูทำได้ หรือควรทำอีกบ้าง รบกวนทุกคนด้วยนะคะ เพราะหนูไม่รู้จะไปปรึกษาใครดีค่ะ ขอบคุณผู้อ่านทุกคนอีกครั้งค่ะ