หลังป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีข้าวจีทูจีลอตสอง หมอโด่งและพวก ว่ามีการกระทำทุจริตผิดกฎหมายจริง แต่ยกคำร้องในส่วนของนางสาวยิ่งลักษณ์ นางเยาวภา และนายทักษิณ ชินวัตร
ปรากฏว่า ลิ่วล้อ บริวาร โฆษกของพรรคการเมืองในครอบครัวชินวัตร ออกมา “ฟอกขาว”กันเกินเลย
การกระทำเช่นนี้ เป็นที่น่าเวทนาสำหรับคนที่ติดตามข้อมูลข่าวสารคดีโกงนักการเมืองมาโดยตลอด และออกจะดูเป็นการดูหมิ่นสติปัญญาคนฟังที่เป็นผู้สนับสนุนตนเองเอามากๆ
1. เป็นที่
น่าอัศจรรย์จริง ที่นายบุญทรงถูกกันไว้เป็นพยาน แล้วก็ให้การในแบบที่หาประโยชน์ในการขยายผลเอาผิดตัวการคนอื่นๆ ไม่ได้เลย แล้วตนเองก็รอดไปด้วยในฐานะที่ถูกกันเป็นพยาน
ทั้งๆ ที่ ข้าวจีทูจี ลอตสอง นายบุญทรง คือ รัฐมนตรีพาณิชย์ที่กำกับดูแล เซ็นเองโดยตรง ถ้าให้การไม่เกิดประโยชน์ ก็จะกันไว้เป็นพยานทำสวรรค์วิมานอะไร ป.ป.ช.จะต้องชี้แจงให้ชัดเจน ทำไมจึงออกมาเช่นนี้
2. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา กรณีที่มีข่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ถูกตีตกข้อกล่าวหา ในคดีระบายข้าว จีทูจี 2 นั้นยืนยันว่า เป็นความจริง เพราะหลักฐานเชื่อมโยงไปไม่ถึง โดยเฉพาะการเป็นผู้สั่งการ “ในชั้นการรวบรวมข้อมูลคดี มีพยานให้การถึงบุคคลเหล่านี้ แต่พอ ป.ป.ช.ไปรวบรวมหลักฐาน โดยเฉพาะข้อมูลสำคัญว่าเป็นผู้สั่งการ ก็พบว่าหลักฐานไปไม่ถึง ไม่ชัดเจน ถ้าหากยื่นเรื่องต่อไปที่ศาลฯ สุดท้ายศาลฯก็ต้องยกอยู่ดี” นายนิวัติไชยระบุ
นายนิวัติไชยกล่าวถึงผลการชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องในคดีระบายข้าว จีทูจี ภาค 2 และคดีระบายมันสำปะหลัง (นายบุญทรงและพวก ถูกชี้มูลความผิดทุจริตมันจีทูจี) ระบุว่า คดีนี้เหล่านี้ มีการเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ไปหมดแล้ว แต่เนื่องจากแต่ละเรื่องมีรายละเอียดค่อนข้างมาก จึงต้องขอเวลารวบรวมอีกที และคงจะมีการเปิดแถลงข่าวเป็นทางการต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง
นอกจากนี้ ป.ป.ช.ได้มีมติตั้งไต่สวนคดีร่ำรวยผิดปกติ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จริงแต่รายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผย เนื่องจากอยู่ระหว่างขั้นตอนการไต่สวน
3. อย่าลนลานเอาเรื่อง ป.ป.ช.ยกคำร้องทักษิณ เยาวภา ยิ่งลักษณ์ คดีข้าวจีทูจีลอต 2 มาฟอกขาว ถึงขณะนี้ ถ้าจะกล่าวอย่างเป็นธรรมที่สุด คือ
การทุจริตข้าวจีทูจี มีการทุจริตจริงๆ โกงกันฉืบหาย คำพิพากษาศาลฎีกาฯ ชี้ขาดถึงที่สุดแล้วติดคุกกันอยู่ก็หลายคน หนีคดี หนีคุกอยู่ก็หลายคน แต่ยังไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดนายทักษิณนางเยาวภา และนางสาวยิ่งลักษณ์ ว่าสั่งการคดีทุจริตข้าวจีทูจี นายทักษิณ ก็หนีโทษจำคุกคดีทุจริตประพฤติมิชอบอื่นอยู่อีกหลายคดี ส่วนนางเยาวภา เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีคดีทุจริตประพฤติมิชอบติดตัว
4. ในส่วนของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ตามที่มีโฆษกพรรคการเมืองออกมาสื่อสารทำให้สังคมสับสนโดยกล่าวทำนองว่า ไม่มีคำพิพากษาระบุว่านางสาวยิ่งลักษณ์กระทำผิดทุจริตประพฤติมิชอบ
นั่นเป็นข้อมูลบิดเบือนที่หวังผลฟอกตัวให้ผู้หลบหนีคดี หนีคุก ถ้าไม่มีการทุจริตจริง แล้ว
หนีไปทำไม กลับมาได้แล้ว
ความจริง คือ
4.1 ศาลฎีกาฯ พิพากษาชี้ขาด คดีถึงที่สุดไปแล้วว่า ยิ่งลักษณ์มีความผิดจริง โทษจำคุก 5 ปี ศาลฎีกาฯ ชี้ว่า ในกรณีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐในสัญญา 4 ฉบับ พบว่า
มีการแก้ไขสัญญาในยุคที่มีนายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการระบายข้าว และยัง
ทำในรูปแบบซื้อขายหน้าคลังสินค้า ซึ่งไม่ใช่การซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ
และยังใช้สกุลเงินบาทในการซื้อขาย ซึ่งเป็นพิรุธ
ประกอบกับไม่พบว่ามีการส่งข้าวไปยังจีน แต่ในสัญญากลับระบุการซื้อขายข้าวนับล้านตัน ทั้งที่มีการนำข้าวออกไม่เท่ากับที่สัญญาระบุไว้
และ
เป็นการขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ ทำให้เอกชนได้รับประโยชน์จากส่วนต่างในราคากว่า 3 พันบาทต่อตัน โดยยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า บริษัทเอกชนในกลุ่มของ
นายอภิชาติจันทร์ สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง ที่มีความสนิทกับนายทักษิณ พี่ชายของจำเลย ก็ได้รับประโยชน์จากพฤติการณ์ที่สมอ้างว่าสัญญาระบายข้าวเป็นแบบรัฐต่อรัฐ
“...สําหรับความเสียหายอันเกิดขึ้นจากการทุจริตในขั้นตอนระบายข้าว โดยการแอบอ้างทําสัญญาขายแบบรัฐต่อรัฐ ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า จําเลยรับรู้จากการแจ้งเตือนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง การตั้งกระทู้ถามสด กระทู้ทั่วไป การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของฝ่ายข้าราชการการเมือง และข่าวสารจากสื่อมวลชน
...ในส่วนการระบายข้าว ที่แอบอ้างว่าเป็นการขายแบบรัฐต่อรัฐก็เช่นเดียวกัน จําเลยมีเวลาเพียงพอที่จะระงับยับยั้งการส่งมอบข้าวตามสัญญาที่ยังไม่ได้ส่งมอบไว้ก่อนก็ย่อมกระทําได้ตามอํานาจหน้าที่ แต่จําเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาลและประธาน กขช. ซึ่งมีอํานาจหน้าที่โดยตรงในการควบคุมตรวจสอบกํากับดูแล การปฏิบัติตามนโยบาย วางมาตรการโครงการที่อนุมัติไปแล้ว ทั้งมีอํานาจสั่งการข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ในการกํากับดูแล การระงับยับยั้งหรือแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการทุจริตในขั้นตอน การระบายข้าว
แต่จําเลยกลับมีพฤติการณ์ในการละเว้นหน้าที่ตามกฎหมาย ส่อแสดงเจตนาออกโดย แจ้งชัดอันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ นายบุญทรงกับพวกแสวงหาผลประโยชน์จากโครงการรับจํานําข้าว
โดยการแอบอ้างนําบริษัท GSSG และบริษัท Hainan grain เข้ามาทําสัญญาซื้อข้าวในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด ตามประกาศของกรมการค้าภายใน แล้วมีการหาประโยชน์ที่ทับซ้อน โดยทุจริตได้ข้าวส่วนต่าง จากราคาข้าวตามสัญญาซื้อขาย ๔ ฉบับ อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศและเกิดผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินโดยตรง ถือได้ว่า
เป็นการกระทําทุจริตต่อหน้าที่ในความหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔”
นี่คือคดีที่ศาลฎีกาพิพากษาชี้ขาด คดีถึงที่สุดแล้ว
ศาลฎีกาฯ พิพากษาว่า “..การกระทําของจําเลย (ยิ่งลักษณ์) จึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในตําแหน่งโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงการคลัง ประเทศชาติ หรือผู้หนึ่งผู้ใด อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 123/1”
4.2 คดีที่ศาลปกครองกลางพิพากษา (คดียังไม่ถึงที่สุด) เป็นเรื่องค่าสินไหมทดแทน ศาลปกครองกลางสั่งให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง และคำสั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่อง ศาลปกครองกลางไม่ได้เพิกถอนคำพิพากษาศาลฎีกาฯ และไม่มีอำนาจจะไปเพิกถอน ศาลปกครองไม่มีอำนาจชี้ขาดว่าใครโกงหรือไม่โกง อันนั้นเป็นความผิดทางอาญา และศาลฎีกาฯ ชี้ขาดไปแล้วว่ายิ่งลักษณ์ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ประการสำคัญ คือ ศาลปกครองกลางมิได้บอกว่าโครงการจำนำข้าวไม่มีการทุจริตโกงกิน
ขณะนี้ คดีศาลปกครอง ได้มีการอุทธรณ์คดีไปที่ศาลปกครองสูงสุด ต้องคอยดูว่าศาลปกครองสูงสุดจะพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง หรือแก้คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง
เรื่องนี้ เกี่ยวกับคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว จำนวน 20% หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ของความเสียหายทั้งหมด 1.78 แสนล้านบาท
คดีนี้ ยังไม่ถึงที่สุด แต่ที่แน่ๆ จนถึงวันนี้ หนี้จากโครงการจำนำข้าว ยังเหลืออยู่กว่า 2 แสนล้านบาท รัฐบาลยังต้องทยอยใช้หนี้เป็นประจำทุกๆ ปี ซึ่งถ้าไม่มีนักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ ร่วมกันโกงในโครงการจำนำข้าว ยอดภาระหนี้สินต่อประเทศชาติย่อมจะไม่มหาศาลขนาดนี้
อ่านระหว่างบรรทัด สันติสุข มะโรงศรี
https://www.naewna.com/politic/columnist/53750
ยิ่งลักษณ์-ทักษิณหนีคุก บุญทรงไม่รอดคุก
ปรากฏว่า ลิ่วล้อ บริวาร โฆษกของพรรคการเมืองในครอบครัวชินวัตร ออกมา “ฟอกขาว”กันเกินเลย
การกระทำเช่นนี้ เป็นที่น่าเวทนาสำหรับคนที่ติดตามข้อมูลข่าวสารคดีโกงนักการเมืองมาโดยตลอด และออกจะดูเป็นการดูหมิ่นสติปัญญาคนฟังที่เป็นผู้สนับสนุนตนเองเอามากๆ
1. เป็นที่น่าอัศจรรย์จริง ที่นายบุญทรงถูกกันไว้เป็นพยาน แล้วก็ให้การในแบบที่หาประโยชน์ในการขยายผลเอาผิดตัวการคนอื่นๆ ไม่ได้เลย แล้วตนเองก็รอดไปด้วยในฐานะที่ถูกกันเป็นพยาน
ทั้งๆ ที่ ข้าวจีทูจี ลอตสอง นายบุญทรง คือ รัฐมนตรีพาณิชย์ที่กำกับดูแล เซ็นเองโดยตรง ถ้าให้การไม่เกิดประโยชน์ ก็จะกันไว้เป็นพยานทำสวรรค์วิมานอะไร ป.ป.ช.จะต้องชี้แจงให้ชัดเจน ทำไมจึงออกมาเช่นนี้
2. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา กรณีที่มีข่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ถูกตีตกข้อกล่าวหา ในคดีระบายข้าว จีทูจี 2 นั้นยืนยันว่า เป็นความจริง เพราะหลักฐานเชื่อมโยงไปไม่ถึง โดยเฉพาะการเป็นผู้สั่งการ “ในชั้นการรวบรวมข้อมูลคดี มีพยานให้การถึงบุคคลเหล่านี้ แต่พอ ป.ป.ช.ไปรวบรวมหลักฐาน โดยเฉพาะข้อมูลสำคัญว่าเป็นผู้สั่งการ ก็พบว่าหลักฐานไปไม่ถึง ไม่ชัดเจน ถ้าหากยื่นเรื่องต่อไปที่ศาลฯ สุดท้ายศาลฯก็ต้องยกอยู่ดี” นายนิวัติไชยระบุ
นายนิวัติไชยกล่าวถึงผลการชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องในคดีระบายข้าว จีทูจี ภาค 2 และคดีระบายมันสำปะหลัง (นายบุญทรงและพวก ถูกชี้มูลความผิดทุจริตมันจีทูจี) ระบุว่า คดีนี้เหล่านี้ มีการเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ไปหมดแล้ว แต่เนื่องจากแต่ละเรื่องมีรายละเอียดค่อนข้างมาก จึงต้องขอเวลารวบรวมอีกที และคงจะมีการเปิดแถลงข่าวเป็นทางการต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง
นอกจากนี้ ป.ป.ช.ได้มีมติตั้งไต่สวนคดีร่ำรวยผิดปกติ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จริงแต่รายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผย เนื่องจากอยู่ระหว่างขั้นตอนการไต่สวน
3. อย่าลนลานเอาเรื่อง ป.ป.ช.ยกคำร้องทักษิณ เยาวภา ยิ่งลักษณ์ คดีข้าวจีทูจีลอต 2 มาฟอกขาว ถึงขณะนี้ ถ้าจะกล่าวอย่างเป็นธรรมที่สุด คือการทุจริตข้าวจีทูจี มีการทุจริตจริงๆ โกงกันฉืบหาย คำพิพากษาศาลฎีกาฯ ชี้ขาดถึงที่สุดแล้วติดคุกกันอยู่ก็หลายคน หนีคดี หนีคุกอยู่ก็หลายคน แต่ยังไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดนายทักษิณนางเยาวภา และนางสาวยิ่งลักษณ์ ว่าสั่งการคดีทุจริตข้าวจีทูจี นายทักษิณ ก็หนีโทษจำคุกคดีทุจริตประพฤติมิชอบอื่นอยู่อีกหลายคดี ส่วนนางเยาวภา เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีคดีทุจริตประพฤติมิชอบติดตัว
4. ในส่วนของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ตามที่มีโฆษกพรรคการเมืองออกมาสื่อสารทำให้สังคมสับสนโดยกล่าวทำนองว่า ไม่มีคำพิพากษาระบุว่านางสาวยิ่งลักษณ์กระทำผิดทุจริตประพฤติมิชอบนั่นเป็นข้อมูลบิดเบือนที่หวังผลฟอกตัวให้ผู้หลบหนีคดี หนีคุก ถ้าไม่มีการทุจริตจริง แล้วหนีไปทำไม กลับมาได้แล้ว
ความจริง คือ
4.1 ศาลฎีกาฯ พิพากษาชี้ขาด คดีถึงที่สุดไปแล้วว่า ยิ่งลักษณ์มีความผิดจริง โทษจำคุก 5 ปี ศาลฎีกาฯ ชี้ว่า ในกรณีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐในสัญญา 4 ฉบับ พบว่า มีการแก้ไขสัญญาในยุคที่มีนายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการระบายข้าว และยังทำในรูปแบบซื้อขายหน้าคลังสินค้า ซึ่งไม่ใช่การซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ
และยังใช้สกุลเงินบาทในการซื้อขาย ซึ่งเป็นพิรุธ ประกอบกับไม่พบว่ามีการส่งข้าวไปยังจีน แต่ในสัญญากลับระบุการซื้อขายข้าวนับล้านตัน ทั้งที่มีการนำข้าวออกไม่เท่ากับที่สัญญาระบุไว้
และเป็นการขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ ทำให้เอกชนได้รับประโยชน์จากส่วนต่างในราคากว่า 3 พันบาทต่อตัน โดยยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า บริษัทเอกชนในกลุ่มของ นายอภิชาติจันทร์ สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง ที่มีความสนิทกับนายทักษิณ พี่ชายของจำเลย ก็ได้รับประโยชน์จากพฤติการณ์ที่สมอ้างว่าสัญญาระบายข้าวเป็นแบบรัฐต่อรัฐ
“...สําหรับความเสียหายอันเกิดขึ้นจากการทุจริตในขั้นตอนระบายข้าว โดยการแอบอ้างทําสัญญาขายแบบรัฐต่อรัฐ ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า จําเลยรับรู้จากการแจ้งเตือนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง การตั้งกระทู้ถามสด กระทู้ทั่วไป การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของฝ่ายข้าราชการการเมือง และข่าวสารจากสื่อมวลชน
...ในส่วนการระบายข้าว ที่แอบอ้างว่าเป็นการขายแบบรัฐต่อรัฐก็เช่นเดียวกัน จําเลยมีเวลาเพียงพอที่จะระงับยับยั้งการส่งมอบข้าวตามสัญญาที่ยังไม่ได้ส่งมอบไว้ก่อนก็ย่อมกระทําได้ตามอํานาจหน้าที่ แต่จําเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาลและประธาน กขช. ซึ่งมีอํานาจหน้าที่โดยตรงในการควบคุมตรวจสอบกํากับดูแล การปฏิบัติตามนโยบาย วางมาตรการโครงการที่อนุมัติไปแล้ว ทั้งมีอํานาจสั่งการข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ในการกํากับดูแล การระงับยับยั้งหรือแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการทุจริตในขั้นตอน การระบายข้าว แต่จําเลยกลับมีพฤติการณ์ในการละเว้นหน้าที่ตามกฎหมาย ส่อแสดงเจตนาออกโดย แจ้งชัดอันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ นายบุญทรงกับพวกแสวงหาผลประโยชน์จากโครงการรับจํานําข้าว
โดยการแอบอ้างนําบริษัท GSSG และบริษัท Hainan grain เข้ามาทําสัญญาซื้อข้าวในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด ตามประกาศของกรมการค้าภายใน แล้วมีการหาประโยชน์ที่ทับซ้อน โดยทุจริตได้ข้าวส่วนต่าง จากราคาข้าวตามสัญญาซื้อขาย ๔ ฉบับ อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศและเกิดผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินโดยตรง ถือได้ว่า เป็นการกระทําทุจริตต่อหน้าที่ในความหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔”
นี่คือคดีที่ศาลฎีกาพิพากษาชี้ขาด คดีถึงที่สุดแล้ว
ศาลฎีกาฯ พิพากษาว่า “..การกระทําของจําเลย (ยิ่งลักษณ์) จึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในตําแหน่งโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงการคลัง ประเทศชาติ หรือผู้หนึ่งผู้ใด อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 123/1”
4.2 คดีที่ศาลปกครองกลางพิพากษา (คดียังไม่ถึงที่สุด) เป็นเรื่องค่าสินไหมทดแทน ศาลปกครองกลางสั่งให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง และคำสั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่อง ศาลปกครองกลางไม่ได้เพิกถอนคำพิพากษาศาลฎีกาฯ และไม่มีอำนาจจะไปเพิกถอน ศาลปกครองไม่มีอำนาจชี้ขาดว่าใครโกงหรือไม่โกง อันนั้นเป็นความผิดทางอาญา และศาลฎีกาฯ ชี้ขาดไปแล้วว่ายิ่งลักษณ์ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ประการสำคัญ คือ ศาลปกครองกลางมิได้บอกว่าโครงการจำนำข้าวไม่มีการทุจริตโกงกิน
ขณะนี้ คดีศาลปกครอง ได้มีการอุทธรณ์คดีไปที่ศาลปกครองสูงสุด ต้องคอยดูว่าศาลปกครองสูงสุดจะพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง หรือแก้คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง
เรื่องนี้ เกี่ยวกับคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว จำนวน 20% หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ของความเสียหายทั้งหมด 1.78 แสนล้านบาท
คดีนี้ ยังไม่ถึงที่สุด แต่ที่แน่ๆ จนถึงวันนี้ หนี้จากโครงการจำนำข้าว ยังเหลืออยู่กว่า 2 แสนล้านบาท รัฐบาลยังต้องทยอยใช้หนี้เป็นประจำทุกๆ ปี ซึ่งถ้าไม่มีนักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ ร่วมกันโกงในโครงการจำนำข้าว ยอดภาระหนี้สินต่อประเทศชาติย่อมจะไม่มหาศาลขนาดนี้
อ่านระหว่างบรรทัด สันติสุข มะโรงศรี https://www.naewna.com/politic/columnist/53750