บันทึกจากสถานีวิทยุกลางป่าทึบ - ตอนที่ 1 (เรื่องแปลเขย่าขวัญ)

สวัสดีค่ะ วันนี้จะหยิบเอาเรื่องเล่าเขย่าขวัญตอนหนึ่งจากเว็บงานแปลของเราเองที่ชื่อว่า "นอนไม่หลับ" ซึ่งเราเลือกเอาเรื่องเล่าน่ากลัวๆ จากบอร์ด Reddit มาแปลให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน  โดยปกติเราจะอัปเดตบ่อยๆ อาทิตย์ละประมาณ 2-3 เรื่องในเว็บของเราเองชื่อ "นอนไม่หลับ" ค่ะ (‎ลิงก์นี้นะคะ‎ลิงก์นี้นะคะ)

ถ้าอ่านแล้วชอบ สามารถตามไปอ่านตอนอื่นๆ ได้นะคะ  ^^
**ปล. ก่อนแปลทุกครั้ง เราได้ขออนุญาตเจ้าของเรื่องเป็นการส่วนตัว และได้รับอนุญาตจากเจ้าของเรื่องแล้วทั้งสิ้นนะคะ ทั้งนี้สำนวนการแปลเป็นถือเป็นลิขสิทธิ์ของเรา ห้ามก๊อบปี้ไปลงเว็บอื่น หรือเอาไปอ่านลง Youtube โดยไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาดนะคะ**
มาเริ่มกันเลยค่ะ
--------------------------------------------------
 

"บันทึกจากสถานีวิทยุกลางป่าทึบ" - ตอนที่ 1
ฉันเพิ่งเริ่มทำงานในตำแหน่งใหม่ แต่ก็เริ่มคิดว่าควรเริ่มเขียนบันทึกออนไลน์แล้วล่ะ อินเตอร์เน็ตบนนี้ไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ แต่ถ้ายืนตรงจุดเป๊ะๆ ก็พอจะจับสัญญาณได้บ้าง อาจจะฟังดูตลกดีที่สัญญาณแย่ขนาดนี้ทั้งๆ ที่ฉันทำงานที่สถานีวิทยุ สถานที่ที่พวกคุณอาจคิดว่าสัญญาณอินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งสำคัญในการติดต่อกับโลกภายนอก แต่ในช่วงสามอาทิตย์ที่ทำงานที่นี่มา ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวมากที่สุดในชีวิตเลย

พูดตามตรงนะ การทำงานอยู่บนนี้มันทั้งเหงาทั้งน่าเบื่อ แต่บางครั้งก็โครตบ้าคลั่งเลย ในช่วงเวลาที่น่าเบื่อนั่นเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าเอามากๆ ฉันเลยคิดว่าควรจะเอาเวลามาเขียนบันทึกเรื่องต่างๆ เพื่อเล่าให้พวกคุณได้ฟังกัน พวกคุณจะได้รู้ว่าการใช้ชีวิตอยู่บนนี้เป็นยังไง ตอนนี้ฉันนั่งพิงกำแพงห้องน้ำอยู่ มันเป็นจุดเดียวที่หาจับสัญญาณไวไฟได้ พื้นเย็นเฉียบทำเอาก้นชาไปหมดแถมปวดหลังอีกต่างหาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีสัญญาณเลยนั่นแหละนะ

ฉันชื่อเอเวอลีน ฉันรู้ว่าชื่อฉันเหมือนชื่อคนแก่แต่ฉันอายุ 24 และเรียนจบวารสารศาสตร์มา แต่งานที่หาได้ตอนนี้คืองานดีเจสถานีวิทยุ เมื่อสามอาทิตย์ก่อน ฉันเริ่มทำงานที่สถานีวิทยุที่อยู่สูงจากพื้นขึ้นไป 50ฟุตบนเขาระหว่างเมืองเก่าในชนบทที่มีผู้คนอาศัยอยู่ประปรายและป่าทึบ มันเป็นสถานที่พิลึกพิลั่น เงียบเหงา และบางครั้งบ้าคลั่งในแบบที่พวกคุณอาจไม่เคยได้ประสบมาก่อน

ถ้าคุณอาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งฉันแน่ใจเอามากๆ ว่าคงไม่มีใครในพวกคุณที่อยู่ที่นี่ สถานีวิทยุที่ฉันทำงานอยู่คงเป็นสถานีเดียวที่คุณจะหาฟังได้ในพื้นที่ เมืองเล็กๆ นี้รายล้อมด้วยหุบเขาน้อยใหญ่ แต่บางครั้งสัญญาณวิทยุที่นี่ครอบคลุมไปไกลพอให้นักเดินทางที่เดินทางผ่านมาได้ยินบ้าง ถ้าคุณเดินทางผ่านถนนเส้นยาวเหยียดติดกับป่าทึบ และอาจจะแวะทำธุระส่วนตัวข้างทางหลังจากผ่านจุดพักรถที่ห้องน้ำใช้การไม่ได้มาสิบปี บางที.. คุณอาจจะได้ยินเสียงฉันหรือได้ฟังเพลงสองสามเพลง นอกเหนือจากนี้แล้วไม่มีอาคารบ้านช่องที่ไหนอีกต่อไปหลายไมล์ และเมืองของเราจับสัญญาณสถานีวิทยุอื่นๆ ไม่ได้เลยด้วย เราเปิดเพลงหลากหลายแนวเพื่อให้ผู้คนในเมืองได้ฟังแก้เหงา

ที่ฉันพูดว่า “เรา” ฉันหมายถึงตัวฉันเองและเจ้าของสถานีวิทยุซึ่งเป็นเจ้านายฉัน ตอนนี้ฉันเป็นดีเจคนเดียวที่ทำงานที่นี่ พวกคุณอาจจะสงสัยว่าสถานีวิทยุจะให้บริการตลอดเวลาได้ยังไงถ้ามีดีเจแค่คนเดียว มันฟังดูแทบเป็นไปไม่ได้เลยใช่มั้ยล่ะ? นั่นเป็นเพราะว่าฉันอาศัยนอนที่นี่ตั้งแต่เริ่มทำงาน ฉันมีห้องส่วนตัวพร้อมเตียง ตู้เย็น และข้าวของเครื่องใช้พื้นฐานต่างๆ ด้านหลังห้องกระจายเสียง ตอนเที่ยงคืน สถานีจะเล่นเพลย์ลิสต์อัตโนมัติเป็นเวลาหกชั่วโมงเพื่อให้ฉันได้นอนพักผ่อน แต่ฉันตื่นคืนละสองสามรอบเพื่อเช็กว่าเพลงยังเล่นอยู่อย่างไม่ติดขัด การมาอาศัยอยู่ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอที่หลายคนอาจจะปฎิเสธ แต่มันดีพอสำหรับฉัน เพราะฉันเพิ่งเสียบ้านไป แต่นั่นเป็นอีกเรื่องนึงที่ฉันอาจจะโพสต์เล่าให้ฟังทีหลัง ฉันทำงานคนเดียวโดยมีโอกาสได้พูดคุยคนอื่นแค่วันละไม่เกินห้านาทีทางโทรศัพท์ นอกเหนือจากเล่นเพลง ฉันยังต้องทำหน้าที่ประกาศสภาพอากาศ, เตือนคนในท้องที่เกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ, และอ่านข่าวท้องถิ่นออกอากาศบ้าง ไม่ค่อยมีใครโทรเข้ามาบ่อยนัก จนบางครั้งฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีใครเปิดวิทยุฟังกันบ้างหรือเปล่า

แต่นั่นคือส่วนที่น่าเบื่อนะ ฉันพูดไปเมื่อตอนเริ่มต้นว่ามีอะไรที่บ้าคลั่งแถวนี้ด้วยใช่ไหมล่ะ พวกคุณอาจจะคิดว่าฉันพูดถึงโจรขโมยหรือคนจรจัดเพราะที่นี่เป็นพื้นที่ห่างไกล แต่นั่นไม่ใช่เรื่องบ้าคลั่งที่ฉันกำลังพูดถึง

เมื่ออาทิตย์ก่อน เพลงๆ หนึ่งเล่นเองไปเรื่อยๆ ยาวหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ไม่ใช่ว่ามันเล่นวนไปเรื่อยๆ แบบพอจบแล้วเริ่มเล่นเพลงเดิมใหม่นะ มันแค่เล่นเพลงเดียวไปเรื่อยๆ ไม่จบราวกับว่าเพลงนี้ถูกแต่งมาให้มีความยาวเต็มหนึ่งชั่วโมงอย่างนั้นละ ฉันยังจำชื่อเพลงได้เลย คือเพลง “Unchained Melody”

พอเพลงจบก็มีสายคนโทรเข้ามา มันเป็นสายแรกของการทำงานที่นี่ มันเป็นเสียงของชายชรา อ่อนแรงและแหบห้าว เขาพูดแค่ว่า “ขอบ....คุณ...” คำพูดของเขาลากยาวเชื่องช้าเอามากๆ เหมือนกำลังเจ็บปวด แหบแห้งราวกับมีดินเต็มปาก และฉันสาบานได้เลยว่าได้กลิ่นอับเหม็นหึ่งออกมาจากโทรศัพท์ด้วย เขาวางสายก่อนที่ฉันจะมีโอกาสได้พูดอะไร

มีอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีนกห้าตัวบนมาชนกระจกหน้าต่างตาย ชนที่จุดเดียวกันทุกตัว คือมันชนแรงเอามากๆ แล้วร่วงไปตาย จะว่าพวกมันมองไม่เห็นหอคอยนี่ก็คงไม่ใช่ เพราะหอคอยสูงทะมึนเหนือต้นไม้ทุกต้นในพื้นที่ ดีนะที่กระจกไม่แตก แต่ก็ทิ้งคราบเลือดไว้ให้ดูต่างหน้า

นอกจากนี้เรายังมีกฎแปลกๆ อีกด้วย มีกระดานใกล้โต๊ะทำงานที่มีรายการกฎที่เจ้านายบอกให้ทำตาม..

กฏข้อ 1: อย่าปล่อยให้วิทยุเงียบเกินกว่าสองสามนาที ถ้ามีข้อขัดข้องทางเทคนิคให้กดกริ่ง (ฉันก็ไม่รู้ว่าไอ้กริ่งนั่นมันทำงานยังไง รู้แต่ว่ามันมีปุ่มสวิทช์อยู่ปุ่มหนึ่งบนผนัง)

กฏข้อ 2: ดูแลเครื่องมือให้ดี อย่าให้อะไรเสียหาย

กฏข้อ 3: ถ้ามีสายโทรเข้าที่น่าสงสัยต้องทำการอัดเทปเอาไว้ และห้ามอัดทับเด็ดขาด

และกฎข้อ 4: ถ้าหมอกใกล้เข้ามา ห้ามออกจากตัวอาคาร ห้ามเปิดประตู ให้กระจายเสียงแจ้งเหตุฉุกเฉิน

มันก็แปลกที่เจ้านายมีกฏเคร่งครัดเรื่องหมอก มันฟังดูออกจะเกินไปหน่อย หมอกมันทำให้ถึงกับต้องแจ้งเหตุฉุกเฉินเลยเหรอ? แต่แค่สองวันหลังจากนั้นฉันก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าทำไม

ในวันที่สองของการทำงาน ก็เกิดเหตุที่ทำให้ต้องประกาศแจ้งเหตุฉุกเฉินจนได้ คืออย่างนี้นะ ห้องกระจายเสียงมีหน้าต่างรอบทิศที่สามารถสองเห็นได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาทุกทิศทาง ตอนแรกฉันก็นึกว่ามีไว้ให้ได้มีแสงสว่างส่องเข้ามา แต่ตอนนี้ฉันคิดว่ามันใช้สำหรับการเฝ้าระวังเสียมากกว่า

ฉันกำลังเปลี่ยนเพลงไปเรื่อยๆ ตอนเหลือบไปเห็นกลุ่มก้อนคล้ายเมฆสีขาวม้วนตัวที่ขอบฟ้า ฉันปล่อยให้เพลงเริ่มบรรเลง ปิดไมค์ แล้วรีบวิ่งไปที่หน้าต่าง คิดว่าอาจจะมีหิมะถล่มจะมาทางนี้ อาจจะฟังดูเหลือเชื่อแต่มันดูเหมือนแบบนั้นจริงๆ มันดูเหมือนหิมะถล่ม ม้วนตัวเป็นสีขาวและเทา เคลื่อนที่เหมือนคลื่นทะเลทับท่วมตัวเอง และเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แต่.. หมอกมันเดินไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? แต่ตอนนี้ดูกระเพื่อมเหมือนตัวอะไรสักอย่างกำลังเดิน

ฉันรีบกลับไปนั่งประจำที่ หยุดเล่นเพลงแล้วหยิบไมค์

“นี่เป็นประกาศแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินสำหรับไพน์ฮาเวน” ฉันอ่านโพยเสียงเข้ม “นี่เป็นการแจ้งเตือนหมอกหนา ขอย้ำ.. นี่เป็นการแจ้งเตือนหมอกหนาสำหรับเมืองไพน์ฮาเวน ขอให้ทุกคนเดินทางกลับบ้านทันทีและรอคำสั่งต่อไป โปรดล็อกประตูและหน้าต่างทุกบาน…”

ฉันขมวดคิ้วตอนอ่านมาถึงจุดนี้ คำเตือนนี่มันออกจะเกินเหตุไปหน่อยสำหรับแค่การมีหมอกลงหนานะ

ฉันปิดไมค์ จากนั้นหันกลับไปมองลงไปที่กลุ่มหมอกหนาข้างล่าง มันเกือบจะมาถึงสถานีและกำลังขดตัวอยู่ด้านล่างหอคอย ก้อนเมฆยังคงลอยอยู่ใกล้หน้าต่างบานใหญ่รอบทิศ เห็นได้เลยว่าหมอกทอดตัวไปไกลแค่ไหน มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่มองเห็นได้ตอนนี้นอกเหนือไปจากจากยอดต้นสนที่สูงที่สุดสองสามต้น

ตอนนั้นเองโทรศัพท์ดังขึ้น

ฉันวิ่งไปที่โต๊ะเพื่อรับสาย “ฮัลโห–”

“เอเวอลีน! เปิดเพลงต่อเดี่ยวนี้เลย!” เสียงหัวหน้าตะโกนมาตามสาย ฉันนึกภาพเขาตะคอกน้ำลายกระเซ็น

“แต่หัวหน้าคะ ตอนนี้มีเหตุหมอกหนาฉุกเฉินนะคะ” ฉันตอบ

“ผมรู้! แต่ตอนนี้เปิดเพลงได้แล้ว!”

เขาตัดสายก่อนฉันจะมีโอกาสถามคำถาม ฉันวางสายตาเหลือบไปทางหน้าต่าง หมอกหนาขึ้นเรื่อยๆ ยอดไม้หายไปหมดและหมอกบดบังหน้าต่างแทบจะทั้งหมดแล้ว ฉันสาบานได้ว่าตอนนั้นได้เห็นบางอย่างในมวลสีเทาขุ่นที่ค่อยๆ เต้นเป็นจังหวะที่อีกด้านหนึ่งของกระจกหน้าต่าง มันเป็นรูปร่ามืดเคลื่อนไหวได้ที่ซ่อนอยู่ในหมอกที่หนาเกินกว่าที่จะมองเห็นรายละเอียดอื่นได้

ฉันรีบลงนั่ง ใส่หูฟังและเปิดเพลงอีกครั้งพลางถอนใจอย่างโล่งอก นี่ฉันจะรู้สึกโล่งอกไปทำไมกัน? เท่าที่รู้ การลืมเปิดเพลงต่อมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนี่นา

วันแห่งหมอกหนาผ่านไป และนี่ก็ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว ตอนนี้ทุกอย่างแค่พิลึกพิลั่นในระดับ “ปกติ” มีสายแปลกๆ โทรเข้ามาบ้างเป็นครั้งคราว ส่วนมากเป็นชาวเมืองโทรเข้ามาพูดอะไรวนๆ ฟังไม่ได้ศัพท์ หรือไม่ก็เพลงที่เปิดอยู่เริ่มเล่นถอยหลัง บางครั้งฉันแทบจะแน่ใจว่าได้ยินเสียงใครบางคนพูดกันอยู่ในห้องแม้ฉันจะใส่หูฟังอยู่ก็ตาม แต่มันเป็นแค่เสียงอู้อี้แผ่วๆ เมื่อวาน..มีนกมาเกาะที่ขอบหน้าต่างตาจ้องมาที่ฉันและสาบานได้ว่าไอ้นกบ้านั่นมีตาเหมือนตาคน แต่ก็นั่นแหละ ฉันว่ามันอาจเป็นแค่ภาพลวงตาที่เป็นผลมาจากการที่ต้องอยู่คนเดียวมานานก็ได้มั้ง

ยังมีหลายเรื่องที่ฉันอยากเล่าให้คุณฟัง ฉันแน่ใจว่าในอีกไม่กี่วันหรือไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้าจะต้องมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นอีกแน่ แต่พูดตามตรง ตอนนี้ก้นฉันชาไปหมดจากการต้องนั่งบนพื้นห้องน้ำเย็นเฉียบนี่ อีกอย่าง เพลย์ลิสต์ 20 นาทีที่เปิดอยู่ก็ใกล้จบแล้วและฉันต้องไปอ่านสภาพอากาศออกอากาศต่อ บางที.. ถ้าคุณขับรถผ่านมาแถวนี้และกำลังมองหาจุดหยุดพักทำธุระส่วนตัว คุณอาจจะได้ยินเสียงฉัน ถ้าเป็นอย่างนั้น อย่าไปหยุดที่จุดหยุดพักเลย ห้องน้ำที่นั่นเสียมาหลายปีแล้วและกาแฟก็รสชาติเหมือนน้ำมันเบนซิน ใครจะรู้ บางทีมันอาจจะเป็นน้ำมันเบนซินจริงๆ ก็ได้

นี่คือเอเวอลีนจาก เอฟเอ็ม 104.6 ขอให้คืนนี้เป็นคืนที่ปลอดภัย และอย่าลืมระวังตัวกันด้วยนะ

(โปรดติดตามตอนต่อไป...)

------------------------------------------

🙏🙋Thank you "Wendingus, the original author, for allowing me to translate this amazing story. You are awesome! "

*อย่าลืมคอมเม้น, แชร์โพสต์, และโดเนทให้กำลังใจแอดด้วยน้าา ทุกกำลังใจสำคัญและเป็นกำลังให้ทำเว็บนี้ต่อไปค่ะ

😘😘โดเนทให้กำลังใจ:
Buy me a coffee - https://www.buymeacoffee.com/cantsleep101
Prompt Pay: https://cantsleep101.blogspot.com/p/blog-page_20.html

https://cantsleep101.blogspot.com/2023/01/accountsfromabroadcaststation.html?m=1
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่