สวัสดีค่ะ มีเรื่องอยากระบายค่ะ มันอัดอั้นตันใจมากค่ะ พูดกับใครมากไม่ได้
เรากับแฟนแต่งงานกันมาแล้ว 9 ปีค่ะ มีลูกด้วยกัน 1 คน ครอบครัวของเราทั้งคู่มีฐานะไม่ได้ร่ำรวยมาก พอมีพอกินค่ะ แต่ครอบครัวของแฟน ค่อนข้างลำบากกว่า แต่เราก็ไม่เคยรังเกียจครอบครัวของเค้านะคะ ไม่งั้นก็คงไม่แต่งงานด้วย
ตอนที่คบกัน ยังไม่ได้แต่งงาน ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากค่ะ เค้าให้เราเป็นคนถือเงินเดือนเค้า และเราก็ช่วย ๆ กันทำงานหาเงิน แล้วก็มีบ้างที่เราช่วยเหลือทางฝั่งครอบครัวของเค้าค่ะ (ครอบครัวเราเราก็ให้อยู่ตลอดค่ะ) ครอบครัวของเค้ามีพ่อ แม่ ตัวเค้าแล้วก็น้องสาวค่ะ น้องสาวมีลูกกับแฟนเก่า 1 คนค่ะ แต่ตอนนี้แฟนทิ้งไป ครอบครัวเค้าก็เลยช่วยกันเลี้ยงค่ะ ตอนเล็ก ๆ ลูกของน้องสาวแฟนจะป่วยบ่อยมาก เราก็อาสาพาไปหาหมอ (ขี่รถมอเตอร์ไซต์พาไปหาหมอในเมือง ราว ๆ 40 กิโลค่ะ) และจ่ายค่ายาให้ทุกครั้ง บางครั้งน้องสาวแฟนก็ชอบมาขอเงินที่บ้าน (น้องสาวแฟนไม่ได้ทำงานค่ะ) เราก็ไม่ได้คิดอะไรมากนะคะ ไม่เคยบอกแฟนและครอบครัวของแฟนด้วย ว่าน้องสาวเค้ามาขอเงิน เวลาเราไปบ้านแฟน ก็มีของติดไม้ติดมือไปฝากครอบครัวเค้าเป็นประจำค่ะ เป็นแบบนั้นมาตลอด เรากับแฟน แทบจะไม่ได้ทะเลาะกันเลยค่ะ กับลูกของน้องสาว เราก็รักเหมือนลูก ไปไหนมาไหนก็พาไปด้วยตลอดค่ะ
จนกระทั่งแต่งงานกัน (ก่อนแต่ง แม่ก็เคยเตือนแล้วว่า อย่าแต่งเลย แต่เราก็คิดแค่ว่า แม่คงจะไม่ชอบแฟน เพราะครอบครัวเค้าไม่มีสมบัติอะไร) เค้าก็ย้ายมาอยู่บ้านเราค่ะ แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวันนะคะ เพราะเค้าทำงานอีกอำเภอนึง ต้องไปเช้าวันจันทร์ กลับวันศุกร์ตอนเย็นค่ะ อยู่บ้านแค่เสาร์-อาทิตย์ จันทร์ - ศุกร์อยู่บ้านพักพนักงานค่ะ หลังจากนั้นไม่นาน รู้สึกเหมือนทุกอย่างมันเปลี่ยนไปมาก แฟนเริ่มหวงเงินเดือน ไม่ให้เราถือเงินให้เหมือนแต่ก่อน ครอบครัวเค้าก็มาขอเงินบ่อย น้องสาวก็มาขอเงินไปทำเรื่องไร้สาระ เช่น เอาไปเลี้ยงวันเกิดเพื่อน แฟนก็ให้ไปแบบไม่คิดอะไร จนเราเริ่มเป็นหนี้ เราก็เริ่มไม่ไหว เพราะถ้าเป็นแบบนี้ จะเอาเงินที่ไหนไปสร้างครอบครัวของเราเอง เราทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องเงินบ่อยมาก และเริ่มไม่มีเวลาให้เรา แต่เราก็ยังปฏิบัติกับครอบครัวของเค้าเหมือนเดิมนะคะ ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่ความรู้สึกมันเริ่มจะนอยด์ ๆ ไปแล้วค่ะ
อยู่มาวันนึง แม่ของแฟนมาบอกว่า อยากจะให้เรารับเอาลูกของน้องสาวแฟนมาเลี้ยง เพราะน้องสาวเค้าจะไปแต่งงานใหม่ (แฟนใหม่ของน้องสาวเค้า รับลูกติดของน้องสาวไม่ได้ค่ะ ก็เลยมาขอให้เราช่วยรับเลี้ยง) เค้ามาแบบเราไม่ทันได้ตั้งตัว จู่ ๆ ก็ยิงคำถามมาเลย เราก็ฉุกคิดในใจว่า ปัญหาต้องมาแน่ เราเลยบอกแม่แฟนไปว่า ขอเวลาปรึกษากับแฟนก่อน พอแม่เค้ากลับไป เราก็บอกแฟนไปเลยว่า เราไม่เอานะ เราก็ต้องมีลูกของเรารึเปล่า แฟนก็ไม่ได้ว่าอะไร
ตอนที่แต่งงานใหม่ ๆ เราคิดว่า เราจะใช้ชีวิตคู่กัน 2 คนซัก 1 ปีก่อน แล้วถึงจะมีลูก แต่แต่งได้ประมาณ 3 เดือน แม่แฟนก็มาขอให้เรารับลูกของน้องสาวแฟนมาเลี้ยงเป็นลูก เราก็เลยติดสินใจว่า มีลูกของตัวเองไปเลยดีกว่า เพื่อตัดปัญหา
พอเรามีลูก แฟนก็เริ่มเปลี่ยนไปค่ะ มีเวลาให้เรากับลูกมากขึ้น เงินเดือนทุกบาททุกสตางค์ก็ยกให้เราหมด มีที่เค้ามาขอเพื่อให้ครอบครัวเค้าบ้าง เราก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ เราก็ยังคงซื้อนั่นซื้อนี่ไปฝากเหมือนเดิม แต่จะให้มากเหมือนเมื่อก่อน คงไม่ได้แล้ว เพราะเราก็ต้องใช้เงินเลี้ยงลูกเหมือนกัน
ในช่วงที่มีลูกแรก ๆ ดูเหมือนจะไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ ครอบครัวเค้าเหมือนจะเกรงใจเรา ไม่ค่อยมาขอเงินเหมือนเมื่อก่อน แม่แฟนก็แวะเวียนมาดูหลานบ้างเป็นครั้งคราว แต่พอลูกเราอายุได้ประมาณขวบเศษ ๆ ลูกก็ไม่ค่อยสบายบ่อย ตามประสาเด็กเล็ก มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่ลูกไม่สบายตรงกับวันลอยกระทงพอดี เราก็กลัว ทำอะไรไม่ค่อยถูก เพราะปกติแม่จะเป็นคนช่วยจัดการ แต่บังเอิญวันนั้นแม่ไม่สะดวก ติดธุระ เราก็เลยต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกที่ไม่สบายกับแฟนเรา อยู่ ๆ แม่ของแฟนก็โทรมาบอกว่า ให้แฟนเราพาหลานเค้า (ที่เป็นลูกของน้องสาว) ไปเที่ยวงานลอยกระทงหน่อย แฟนก็บอกแม่เค้าไปว่า ลูกเราไม่สบาย แม่เค้าก็เหมือนจะเซ้าซี้ให้พาไปให้ได้ แฟนก็ถามเราว่า "ไปได้มั้ย" เราก็บอกไปว่า "ลูกไม่สบายอยู่ ไม่เห็นรึไง ให้ฉันอยู่คนเดียว ฉันกลัวนะ" แต่สุดท้าย แฟนก็เลือกแม่กับหลานเค้า ทิ้งให้เราอยู่กับลูกเพียงลำพัง เราเสียใจมาก พอแฟนกลับมา (หายไปพักใหญ่ ๆ แหละ) ด้วยความโมโห เราก็เลยใส่ไปชุดใหญ่เลยค่ะ ว่า "ลูกไม่สบายอยู่ยังมีอารมณ์พาหลานไปเที่ยวนะ แม่ก็เหมือนกัน รู้ทั้งรู้ว่าลูกเราไม่สบาย ก็ยังจะให้พาหลานอีกคนไปเที่ยว คืออะไร" (เราไม่ได้พูดคำหยาบอะไรเลยนะคะ ตอนนั้นถึงจะโมโห แต่ก็มีสติ จำได้ทุกอย่าง ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง) แฟนก็โกรธ และออกจากบ้านกลับบ้านแม่ ทิ้งเรากับลูกไปทั้งอย่างนั้น เราโทรไปถามว่าอยู่ไหน นางก็บอกว่าอยู่บ้านแม่ เราก็จัดไปอีกดอก แล้วก็ได้ยินเสียงแม่เค้าลอดออกมาทางโทรศัพท์ว่า "เรื่องแค่นี้เอง จะอะไรกันนักกันหนา" เราได้ยินแล้วก็อึ้ง "เรื่องแค่นี้" เหรอ แม่เค้าพูดมาได้ยังไง ลูกของเราซึ่งก็เป็นหลานของเค้าอีกคนไม่สบายอยู่นะ นอกจากจะไม่ถามไถ่ว่าเป็นยังไงบ้างแล้ว ยังมาพูดแบบนี้อีก เราวางสายไปแบบอึ้ง ๆ หลังจากนั้น แฟนก็หายออกไปจากบ้าน 3 วัน โดยที่ไม่โทรมาถามอาหารของลูกเลยซักคำเดียว เราเสียใจมาก ในสิ่งที่เค้ากับแม่เค้าทำ
พอ 3 วันหลังจากนั้น แฟนก็กลับมาบ้าน เราก็ไม่พูดอะไรค่ะ ยังเสียใจและโกรธไม่หาย แต่เหมือนเค้าจะอยู่เป็นนะคะ ทำมาเป็นช่วยดูลูก เอาใจทุกอย่าง จนเราใจอ่อน หลังจากนั้นก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีเรื่องอะไรอีกเท่าไหร่ค่ะ เหมือนนางจะคิดได้หรืออะไรก็ไม่รู้นะคะ ก็พยายามให้เวลาให้ลูกให้ครอบครัวตลอดมา
จนกระทั่งล่าสุด เราเริ่มสร้างรถยนต์ ดูเหมือนทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีค่ะ แต่ไม่เลย แม่แฟนเริ่มติดการพนัน เล่นหวยจนต้องไปกู้เงินนอกระบบมา ลามมาถึงเงินที่แฟนเราให้ทุก ๆ เดือนบวกกับเงินที่เค้าทำงานหามาได้เริ่มไม่พอใช้ (ทั้ง ๆ ที่เรากับแฟนก็ให้เงินรายเดือนและซื้อข้าวสารอาหารแห้ง หมู ไก่ อาหารทะเล ของดี ๆ ไปให้ประจำ) และเริ่มมาวุ่นวายกับแม่เราค่ะ ไปนั่งเฝ้านอนเฝ้ายืมเงินแม่เรา (ใช้คำว่ายืม แต่ไม่เคยคืน) เวลาไม่สบาย โรงพยาบาลก็ไม่ไป จะไปคลินิคอย่างเดียว หลาน (ลูกของน้องสาวที่เกิดกับแฟนเก่านาง) ไม่สบาย ก็ไปแต่คลินิค และให้แฟนเราเป็นคนพาไปและเป็นคนจ่ายค่ายา ทั้ง ๆ ที่แม่เค้าก็มีรึเปล่า แล้วก็มีแบบนี้ด้วยค่ะ โทรไปบอกแฟนเราว่าท้องเสีย เพลีย เราจะพาไปหาหมอ ก็ไม่ยอมไป บอกว่าจะรอแฟนเรากลับมาพาไป แกบอกว่าแกเพลีย ท้องเสียทั้งวัน แต่แม่เราบอกว่า เห็นแกขี่มอเตอร์ไซค์ตั้งแต่เช้ายันเย็นค่ะ และไปนอนเฝ้าแม่เราเพื่อจะขอยืมเงินทั้งวัน ไม่เห็นเข้าห้องน้ำเลยซักครั้ง เราเชื่อแม่เราค่ะ เพราะเราก็ไม่เห็นว่าแกจะอิดโรยอะไรเลย และคนอื่นที่เห็นแกเค้าก็พูดว่าเห็นแกขี่รถมอเตอร์ไซค์อยู่ แฟนก็บอกว่า ตอนหัวรุ่ง แกยังออกไปใส่บาตรพระอยู่เลย (คนท้องเสีย เพลีย มีแรงทำกับข้าวไปใส่บาตรพระด้วยรึ เรางง) พอแฟนเรากลับมาวันศุกร์ แกก็บอกให้แฟนเราพาไปหาหมอที่คลินิค ไปให้น้ำเกลือ หมดไป 2000 กว่าจ้า คนจ่ายเงินคือเรา เพราะเราเป็นคนถือเงินกองกลางของครอบครัว คือเราไม่ได้อะไรหรอกนะคะ เรื่องไปหาหมอ แต่ถ้าไม่ได้เป็นหนักขนาดนั้น หรือหายแล้ว ทำไมต้องหาเรื่องให้ลูกไปจ่ายตังค์อีก โรงบาลก็ไม่ไป บอกว่าขี้เกียจไปรอ
(มีต่อค่ะ)
มีปัญหากับแฟน เพราะครอบครัวของแฟน
เรากับแฟนแต่งงานกันมาแล้ว 9 ปีค่ะ มีลูกด้วยกัน 1 คน ครอบครัวของเราทั้งคู่มีฐานะไม่ได้ร่ำรวยมาก พอมีพอกินค่ะ แต่ครอบครัวของแฟน ค่อนข้างลำบากกว่า แต่เราก็ไม่เคยรังเกียจครอบครัวของเค้านะคะ ไม่งั้นก็คงไม่แต่งงานด้วย
ตอนที่คบกัน ยังไม่ได้แต่งงาน ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากค่ะ เค้าให้เราเป็นคนถือเงินเดือนเค้า และเราก็ช่วย ๆ กันทำงานหาเงิน แล้วก็มีบ้างที่เราช่วยเหลือทางฝั่งครอบครัวของเค้าค่ะ (ครอบครัวเราเราก็ให้อยู่ตลอดค่ะ) ครอบครัวของเค้ามีพ่อ แม่ ตัวเค้าแล้วก็น้องสาวค่ะ น้องสาวมีลูกกับแฟนเก่า 1 คนค่ะ แต่ตอนนี้แฟนทิ้งไป ครอบครัวเค้าก็เลยช่วยกันเลี้ยงค่ะ ตอนเล็ก ๆ ลูกของน้องสาวแฟนจะป่วยบ่อยมาก เราก็อาสาพาไปหาหมอ (ขี่รถมอเตอร์ไซต์พาไปหาหมอในเมือง ราว ๆ 40 กิโลค่ะ) และจ่ายค่ายาให้ทุกครั้ง บางครั้งน้องสาวแฟนก็ชอบมาขอเงินที่บ้าน (น้องสาวแฟนไม่ได้ทำงานค่ะ) เราก็ไม่ได้คิดอะไรมากนะคะ ไม่เคยบอกแฟนและครอบครัวของแฟนด้วย ว่าน้องสาวเค้ามาขอเงิน เวลาเราไปบ้านแฟน ก็มีของติดไม้ติดมือไปฝากครอบครัวเค้าเป็นประจำค่ะ เป็นแบบนั้นมาตลอด เรากับแฟน แทบจะไม่ได้ทะเลาะกันเลยค่ะ กับลูกของน้องสาว เราก็รักเหมือนลูก ไปไหนมาไหนก็พาไปด้วยตลอดค่ะ
จนกระทั่งแต่งงานกัน (ก่อนแต่ง แม่ก็เคยเตือนแล้วว่า อย่าแต่งเลย แต่เราก็คิดแค่ว่า แม่คงจะไม่ชอบแฟน เพราะครอบครัวเค้าไม่มีสมบัติอะไร) เค้าก็ย้ายมาอยู่บ้านเราค่ะ แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวันนะคะ เพราะเค้าทำงานอีกอำเภอนึง ต้องไปเช้าวันจันทร์ กลับวันศุกร์ตอนเย็นค่ะ อยู่บ้านแค่เสาร์-อาทิตย์ จันทร์ - ศุกร์อยู่บ้านพักพนักงานค่ะ หลังจากนั้นไม่นาน รู้สึกเหมือนทุกอย่างมันเปลี่ยนไปมาก แฟนเริ่มหวงเงินเดือน ไม่ให้เราถือเงินให้เหมือนแต่ก่อน ครอบครัวเค้าก็มาขอเงินบ่อย น้องสาวก็มาขอเงินไปทำเรื่องไร้สาระ เช่น เอาไปเลี้ยงวันเกิดเพื่อน แฟนก็ให้ไปแบบไม่คิดอะไร จนเราเริ่มเป็นหนี้ เราก็เริ่มไม่ไหว เพราะถ้าเป็นแบบนี้ จะเอาเงินที่ไหนไปสร้างครอบครัวของเราเอง เราทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องเงินบ่อยมาก และเริ่มไม่มีเวลาให้เรา แต่เราก็ยังปฏิบัติกับครอบครัวของเค้าเหมือนเดิมนะคะ ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่ความรู้สึกมันเริ่มจะนอยด์ ๆ ไปแล้วค่ะ
อยู่มาวันนึง แม่ของแฟนมาบอกว่า อยากจะให้เรารับเอาลูกของน้องสาวแฟนมาเลี้ยง เพราะน้องสาวเค้าจะไปแต่งงานใหม่ (แฟนใหม่ของน้องสาวเค้า รับลูกติดของน้องสาวไม่ได้ค่ะ ก็เลยมาขอให้เราช่วยรับเลี้ยง) เค้ามาแบบเราไม่ทันได้ตั้งตัว จู่ ๆ ก็ยิงคำถามมาเลย เราก็ฉุกคิดในใจว่า ปัญหาต้องมาแน่ เราเลยบอกแม่แฟนไปว่า ขอเวลาปรึกษากับแฟนก่อน พอแม่เค้ากลับไป เราก็บอกแฟนไปเลยว่า เราไม่เอานะ เราก็ต้องมีลูกของเรารึเปล่า แฟนก็ไม่ได้ว่าอะไร
ตอนที่แต่งงานใหม่ ๆ เราคิดว่า เราจะใช้ชีวิตคู่กัน 2 คนซัก 1 ปีก่อน แล้วถึงจะมีลูก แต่แต่งได้ประมาณ 3 เดือน แม่แฟนก็มาขอให้เรารับลูกของน้องสาวแฟนมาเลี้ยงเป็นลูก เราก็เลยติดสินใจว่า มีลูกของตัวเองไปเลยดีกว่า เพื่อตัดปัญหา
พอเรามีลูก แฟนก็เริ่มเปลี่ยนไปค่ะ มีเวลาให้เรากับลูกมากขึ้น เงินเดือนทุกบาททุกสตางค์ก็ยกให้เราหมด มีที่เค้ามาขอเพื่อให้ครอบครัวเค้าบ้าง เราก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ เราก็ยังคงซื้อนั่นซื้อนี่ไปฝากเหมือนเดิม แต่จะให้มากเหมือนเมื่อก่อน คงไม่ได้แล้ว เพราะเราก็ต้องใช้เงินเลี้ยงลูกเหมือนกัน
ในช่วงที่มีลูกแรก ๆ ดูเหมือนจะไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ ครอบครัวเค้าเหมือนจะเกรงใจเรา ไม่ค่อยมาขอเงินเหมือนเมื่อก่อน แม่แฟนก็แวะเวียนมาดูหลานบ้างเป็นครั้งคราว แต่พอลูกเราอายุได้ประมาณขวบเศษ ๆ ลูกก็ไม่ค่อยสบายบ่อย ตามประสาเด็กเล็ก มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่ลูกไม่สบายตรงกับวันลอยกระทงพอดี เราก็กลัว ทำอะไรไม่ค่อยถูก เพราะปกติแม่จะเป็นคนช่วยจัดการ แต่บังเอิญวันนั้นแม่ไม่สะดวก ติดธุระ เราก็เลยต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกที่ไม่สบายกับแฟนเรา อยู่ ๆ แม่ของแฟนก็โทรมาบอกว่า ให้แฟนเราพาหลานเค้า (ที่เป็นลูกของน้องสาว) ไปเที่ยวงานลอยกระทงหน่อย แฟนก็บอกแม่เค้าไปว่า ลูกเราไม่สบาย แม่เค้าก็เหมือนจะเซ้าซี้ให้พาไปให้ได้ แฟนก็ถามเราว่า "ไปได้มั้ย" เราก็บอกไปว่า "ลูกไม่สบายอยู่ ไม่เห็นรึไง ให้ฉันอยู่คนเดียว ฉันกลัวนะ" แต่สุดท้าย แฟนก็เลือกแม่กับหลานเค้า ทิ้งให้เราอยู่กับลูกเพียงลำพัง เราเสียใจมาก พอแฟนกลับมา (หายไปพักใหญ่ ๆ แหละ) ด้วยความโมโห เราก็เลยใส่ไปชุดใหญ่เลยค่ะ ว่า "ลูกไม่สบายอยู่ยังมีอารมณ์พาหลานไปเที่ยวนะ แม่ก็เหมือนกัน รู้ทั้งรู้ว่าลูกเราไม่สบาย ก็ยังจะให้พาหลานอีกคนไปเที่ยว คืออะไร" (เราไม่ได้พูดคำหยาบอะไรเลยนะคะ ตอนนั้นถึงจะโมโห แต่ก็มีสติ จำได้ทุกอย่าง ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง) แฟนก็โกรธ และออกจากบ้านกลับบ้านแม่ ทิ้งเรากับลูกไปทั้งอย่างนั้น เราโทรไปถามว่าอยู่ไหน นางก็บอกว่าอยู่บ้านแม่ เราก็จัดไปอีกดอก แล้วก็ได้ยินเสียงแม่เค้าลอดออกมาทางโทรศัพท์ว่า "เรื่องแค่นี้เอง จะอะไรกันนักกันหนา" เราได้ยินแล้วก็อึ้ง "เรื่องแค่นี้" เหรอ แม่เค้าพูดมาได้ยังไง ลูกของเราซึ่งก็เป็นหลานของเค้าอีกคนไม่สบายอยู่นะ นอกจากจะไม่ถามไถ่ว่าเป็นยังไงบ้างแล้ว ยังมาพูดแบบนี้อีก เราวางสายไปแบบอึ้ง ๆ หลังจากนั้น แฟนก็หายออกไปจากบ้าน 3 วัน โดยที่ไม่โทรมาถามอาหารของลูกเลยซักคำเดียว เราเสียใจมาก ในสิ่งที่เค้ากับแม่เค้าทำ
พอ 3 วันหลังจากนั้น แฟนก็กลับมาบ้าน เราก็ไม่พูดอะไรค่ะ ยังเสียใจและโกรธไม่หาย แต่เหมือนเค้าจะอยู่เป็นนะคะ ทำมาเป็นช่วยดูลูก เอาใจทุกอย่าง จนเราใจอ่อน หลังจากนั้นก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีเรื่องอะไรอีกเท่าไหร่ค่ะ เหมือนนางจะคิดได้หรืออะไรก็ไม่รู้นะคะ ก็พยายามให้เวลาให้ลูกให้ครอบครัวตลอดมา
จนกระทั่งล่าสุด เราเริ่มสร้างรถยนต์ ดูเหมือนทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีค่ะ แต่ไม่เลย แม่แฟนเริ่มติดการพนัน เล่นหวยจนต้องไปกู้เงินนอกระบบมา ลามมาถึงเงินที่แฟนเราให้ทุก ๆ เดือนบวกกับเงินที่เค้าทำงานหามาได้เริ่มไม่พอใช้ (ทั้ง ๆ ที่เรากับแฟนก็ให้เงินรายเดือนและซื้อข้าวสารอาหารแห้ง หมู ไก่ อาหารทะเล ของดี ๆ ไปให้ประจำ) และเริ่มมาวุ่นวายกับแม่เราค่ะ ไปนั่งเฝ้านอนเฝ้ายืมเงินแม่เรา (ใช้คำว่ายืม แต่ไม่เคยคืน) เวลาไม่สบาย โรงพยาบาลก็ไม่ไป จะไปคลินิคอย่างเดียว หลาน (ลูกของน้องสาวที่เกิดกับแฟนเก่านาง) ไม่สบาย ก็ไปแต่คลินิค และให้แฟนเราเป็นคนพาไปและเป็นคนจ่ายค่ายา ทั้ง ๆ ที่แม่เค้าก็มีรึเปล่า แล้วก็มีแบบนี้ด้วยค่ะ โทรไปบอกแฟนเราว่าท้องเสีย เพลีย เราจะพาไปหาหมอ ก็ไม่ยอมไป บอกว่าจะรอแฟนเรากลับมาพาไป แกบอกว่าแกเพลีย ท้องเสียทั้งวัน แต่แม่เราบอกว่า เห็นแกขี่มอเตอร์ไซค์ตั้งแต่เช้ายันเย็นค่ะ และไปนอนเฝ้าแม่เราเพื่อจะขอยืมเงินทั้งวัน ไม่เห็นเข้าห้องน้ำเลยซักครั้ง เราเชื่อแม่เราค่ะ เพราะเราก็ไม่เห็นว่าแกจะอิดโรยอะไรเลย และคนอื่นที่เห็นแกเค้าก็พูดว่าเห็นแกขี่รถมอเตอร์ไซค์อยู่ แฟนก็บอกว่า ตอนหัวรุ่ง แกยังออกไปใส่บาตรพระอยู่เลย (คนท้องเสีย เพลีย มีแรงทำกับข้าวไปใส่บาตรพระด้วยรึ เรางง) พอแฟนเรากลับมาวันศุกร์ แกก็บอกให้แฟนเราพาไปหาหมอที่คลินิค ไปให้น้ำเกลือ หมดไป 2000 กว่าจ้า คนจ่ายเงินคือเรา เพราะเราเป็นคนถือเงินกองกลางของครอบครัว คือเราไม่ได้อะไรหรอกนะคะ เรื่องไปหาหมอ แต่ถ้าไม่ได้เป็นหนักขนาดนั้น หรือหายแล้ว ทำไมต้องหาเรื่องให้ลูกไปจ่ายตังค์อีก โรงบาลก็ไม่ไป บอกว่าขี้เกียจไปรอ
(มีต่อค่ะ)