JJNY : ก้าวไกล-เพื่อไทยจัด 30 ขุนพล| ปลอดประสพรับรันทดใจ เรื่องฉาวกรมอุทยาน | เด็กก้าวไกล ย้อนอนุทิน| “ชวน”คาด“ยุบสภา”

ก้าวไกล-เพื่อไทย จัด 30 ขุนพลอภิปราย ม.152 หวังเด็ดบิ๊กตู่ ปมทุจริต-ปากท้อง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3750702
 
 
ก้าวไกล-เพื่อไทย จัด 30 ขุนพลอภิปราย ม.152 หวังเด็ดบิ๊กตู่ ปมทุจริต-ปากท้อง
 
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่า สำหรับประเด็นที่จะใช้ในการอภิปรายพรรคร่วมฝ่ายค้านหารือร่วมกันมาตลอด และครั้งนี้เป็นการอภิปรายรัฐบาลในภาพรวม แต่ในข้อเท็จจริงจะมีรายละเอียดของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงเพิ่มเติม พรรค ก.ก.ไม่ได้เอารัฐมนตรีเป็นตัวตั้ง แต่เริ่มจากการที่ให้ ส.ส.นำเสนอประเด็นและข้อเสนอการแก้ปัญหาในเรื่องนั้นตามกรอบนโยบายของพรรค เบื้องต้นได้กลุ่ม ส.ส.ที่จะอภิปรายมาจำนวนหนึ่งแล้วคือประมาณ 15 คน แต่ยังไม่ได้หารือกันกับวิปฝ่ายค้าน วิปรัฐบาลหรือตัวแทนจากประธานสภา เพราะยังไม่รู้ว่าทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีความพร้อมเมื่อไหร่ รวมถึงกรอบระยะเวลาที่จะได้ใช้ในการอภิปราย หากมีเวลา 4-5 วัน เราก็พร้อมที่จะใช้ ส.ส.อภิปราย 15 คน แต่หากไม่ถึงก็จะมาดูกันอีกครั้งว่าจะอภิปรายกี่คน
 
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้แทบจะไม่แตกต่างจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มีการลงมติ ขาดแค่ไม่ได้มีการยกมือเท่านั้น เพราะมีทั้งประเด็นการทุจริตคอร์รัปชั่น และการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งจะต้องรอดูว่าอาจจะมีตั๋วอีกรอบหนึ่งที่ไม่น้อยหน้าไปกว่าตั๋วภาคหนึ่ง และตั๋วภาคสอง นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องปากท้อง และการเกษตรที่จะถูกพูดถึงมากขึ้นในรอบนี้ รวมถึงกระบวนการยุติธรรม และเรื่องการเมือง ขณะเดียวกันยังมีประเด็นอดีตรัฐมนตรี และองคาพยพที่ไปเกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระ เพราะทุกครั้งหลังการอภิปรายพรรคฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังองค์กรอิสระ แต่กลับไม่มีความคืบหน้า เราจึงใช้โอกาสนี้ซักฟอก และในตอนท้ายพรรค ก.ก.จะนำเสนอแนวทางให้รัฐบาลนำไปแก้ไข เพื่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน หากไม่รับไปทำพรรค ก.ก.จะนำไปใช้เป็นนโยบายหาเสียงเมื่อได้เป็นรัฐบาล
 
เมื่อถามว่า หากดูจากญัตติมีความเป็นไปได้ที่จะสะเทือนถึงผลการเลือกตั้งหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ความจริง นั่นจะเป็นผลที่จะตามมามากกว่า เพราะการอภิปรายทั่วไปจะมีทั้งส่วนที่พูดถึงปัญหา และการเสนอแนะ แต่ย้ำว่าเป้าหมายของพรรคร่วมฝ่ายค้านคือ หากรัฐบาลรับข้อเสนอไปแก้ไขจริง แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ เพราะหากเกิดการยุบสภา จะยังมีรัฐมนตรีที่รักษาการเพื่อทำงานต่อได้ ส่วนกรณีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งพบมากขึ้นในช่วงปลายรัฐบาล เช่น การใช้ตำแหน่งเอื้อประโยชน์ให้ได้เงินที่จะใช้ในการหาเสียง หากเนื้อหาดี ความจริงไม่ต้องให้ยกมือ รัฐมนตรีคนนั้นคงต้องแสดงความรับผิดชอบบางอย่าง อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถทำให้แต่ละพรรคร่วมรัฐบาลไปถอดถอนรัฐมนตรี หรือส่งผลสะเทือนต่อตำแหน่งได้ แต่จะทำให้ประชาชนเห็นอย่างชัดเจนว่า ฉายาที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า แปดเปื้อน โดยข้อเท็จจริงเป็นเช่นนั้น และอาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ
 
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พรรค พท.ได้เตรียมขุนพลในการอธิบายไว้ประมาณ 15 คน และมีข้อมูลครบแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการซ้อมอภิปราย เพื่อให้การอภิปรายมีน้ำหนักมากขึ้น โดยจะเน้นอภิปรายไปที่นายกรัฐมนตรีเป็นหลัก เพราะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ทั้งนี้การอภิปรายตามมาตรา 152 สามารถอภิปรายรัฐมนตรีได้ทั้งคณะ และเป็นการอภิปรายภาพรวมไม่ได้เจาะจงรัฐมนตรี ส่วนระยะเวลาการอภิปรายคาดว่า 3 วันน่าจะเหมาะสม เพราะเดิมได้แค่ 2 วัน แต่ครั้งนี้ปัญหาการบริหารราชการของรัฐบาลมีปัญหาจึงต้องได้รับคำแนะนำ และได้รับการแก้ไขเพราะการอภิปรายตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 152 เป็นการชี้ให้เห็น และให้คำแนะนำเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อปัญหามากก็ต้องใช้เวลาพอสมควร
 
เมื่อถามว่า หากดูจากญัตติมีความเป็นไปได้ที่จะสะเทือนถึงผลการเลือกตั้งหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า มีผลเพราะเราจะชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดและความล้มเหลว ซึ่งรัฐบาลเดินทางมาถึงปลายทางแล้ว คิดว่าเวลาที่เหลือแค่ 2 เดือนกว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหวังให้รัฐบาลมาแก้ไข แต่อย่างน้อยที่สุดบางเรื่องที่จะเกิดความเสียหาย ก็ไม่ควรจะทำต่อฉะนั้นเชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ และจะสั่นสะเทือนรัฐบาลได้ โดยพรรค พท.ได้แบ่งประเด็นการอภิปรายประมาณ 10 ด้าน เช่น การไม่สามารถทำตามนโยบายที่บอกไว้กับประชาชนได้ บางนโยบายของรัฐบาลที่ไม่ควรเดินหน้าต่อ และการทำงานของรัฐบาลที่ส่อไปในทางทุจริต
 


ปลอดประสพ รับรันทดใจ เรื่องฉาวกรมอุทยาน เล่าย้อน 27 ปี วันนี้มีสิ่งน่ารังเกียจกลับมา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3750523

เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง แด่กรมอุทยานฯด้วยความรัก และเศร้าใจ โดยมีเนื้อหาดังนี้

ผมเขียน FB ส่งท้ายปีเก่านี้ด้วยความรันทดเสียใจ ในฐานะเป็นผู้ก่อตั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะเป็นอธิบดีกรมป่าไม้มานานถึง 5 ปี ซึ่งเป็นต้นกำเนิดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมกับเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่อธิบดีคนแรกควบคู่ไปกับการเป็นปลัดกระทรวงด้วย จึงรู้สึกเศร้าใจและอับอายอย่างยิ่ง และขอถือโอกาสนี้ขอโทษประชาชนทุกคนไว้ด้วย
ผมจะไม่ตำหนิด่าว่าแบบหยาบคายให้เกิดความเสียหายไปมากกว่านี้ แต่ผมจะเล่าถึงเรื่องเดิมซึ่งคล้ายกันและครั้งหนึ่งแทบจะทำให้ศรัทธาต่อกรมป่าไม้ของสาธารณชนสูญสิ้นไป
 
เรื่องมีดังนี้
  
27 ปีมาแล้ว ป่าสาละวินมีการขโมยตัดไม้จำนวนมากมายจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและอุทยานแห่งชาติสาละวิน ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนพม่า โดยแอบอ้างว่า เป็นไม้จากพม่า มีการขนไม้เข้ากรุงเทพฯและถูกจับกุม มีขบวนการของข้าราชการเลวที่แอบปล่อยไม้ของกลาง มีการทำผิดติดสินบนเจ้าหน้าที่โดยเอาเงิน 5 ล้านบาท ใส่กล่องไปให้รองอธิบดีและพวก ท่านอดีตนายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย ตั้งคณะกรรมการสอบสวนระดับชาติ พบว่า มีการจ่ายเงินทั้งรายเดือน/รายกรณีให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถูกโยกย้ายและลงโทษหลายคนทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจและพลเรือน โดยเฉพาะกรมป่าไม้ ท่านอดีตนายกฯบรรหาร ศิลปอาชา ได้เรียกผมไปพบและบอกว่า ต้องเปลี่ยนแปลงเลือดอธิบดีกรมป่าไม้แล้ว ต้องการคนที่เก่ง กล้าและมีประสบการณ์เป็นอธิบดีมาแล้ว และได้ถามว่า ผมพร้อมไหมในงานที่ยากและเสี่ยงแบบนี้
 
เมื่อผมมาเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ ผมเป็นอธิบดีมาแล้ว 2 กรม 9 ปี และเป็นรองปลัดกระทรวงมาแล้ว และในวันแรกก็ได้ประกาศกฎและนโยบาย 101 ข้อ ผมประกาศว่า “คนไม่ใช่สัตว์” จึงเอามาค้าขายไม่ได้ การแต่งตั้งจะใช้ระบบอาวุโสเป็นสำคัญ และถ้าปรากฏมีการฝาก นอกจากไม่ได้ตำแหน่งแล้วยังจะถูกลงโทษทันที ต้องไม่มีการส่งเงินจากเปอร์เซ็นต์งบประมาณ อธิบดีจะไม่ทานข้าวประจำเดือนกับผู้ค้าไม้และโรงเลื่อย (ชอบลืมเงินไว้บนโต๊ะ) จะไม่เล่นการพนันกับลูกน้อง (แอบซุกเงินให้เล่นและแกล้งแพ้) ไม่รับกินเลี้ยง (เพราะมีกินมาแต่เกิด) ไม่รับแขกในห้อง (ใช้ห้องรับรอง) ไม่ให้มีตู้เซฟในห้องทำงาน และจะตรวจราชการทุก 2 อาทิตย์โดยจะค้างในหน่วย (ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน) หากมีการปฏิบัติการที่สำคัญอธิบดีจะนำทัพเอง จะนัดพบคุยแบบลูกผู้ชายกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล โดยมีข้อตกลงในระดับคำว่า “ตาย” เป็นเดิมพัน พวกคุณต้องกล้าเผชิญกับนักการเมือง กับรัฐมนตรี ถ้าผิดก็ต้องจับแม้เขาจะย้ายคุณ ผมโดนมาแล้ว มติ ครม.ให้ย้ายแต่ไม่มีการโปรดเกล้าฯ
 
ในที่สุดหลายปีผ่านไป ทุกอย่างก็ดีขึ้น ไฟป่าลดลงมาก พื้นที่ป่าไม้ (วัดจาก forest cover) สูงสุดในรอบหลายสิบปี (33%) มีการปฏิบัติการจับกุมขนาดใหญ่เช่นที่ ดงลาน บ้านสามหลัง วังสามหมอ เกาะเสม็ดและโรงงานเถื่อนทำไม้เถื่อนริมชายแดนพม่า อุทยานและเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า 2 กลุ่มป่าใหญ่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก อาคารบ้านเรือนในทุกอุทยาน และโดยเฉพาะในกรมป่าไม้เพิ่มขึ้น แม้แต่สลัมในกรมป่าไม้ 3 จุดก็หายมลายไป มีเครื่องแบบที่สง่างามเป็นที่เกรงขาม และมีอาวุธปืนยิงเร็วเพียงพอที่จะปฏิบัติงานป้องกันรักษาป่า ผู้คนท่องเที่ยวในอุทยานเพิ่มมากขึ้นหลายร้อยเท่า และต่อมาในภายหลัง คนจากกรมป่าไม้ก็สามารถเติบโตไปเป็นปลัดกระทรวงในกระทรวงอื่นๆ ถึง 3 กระทรวง เป็นอธิบดีได้เกือบทุกกรมในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยเสด็จฯประทับแรมในป่าหลายๆ ครั้ง
 
แต่มาวันนี้ สิ่งที่น่าชิงชังรังเกียจกลับมาเกิดอีกแล้ว คนไม่ดีน่ะมีไม่มาก แต่คนเหล่านี้แหละที่เห็นกับประโยชน์ส่วนตนและทำให้กรมเสียหาย ต่อไปจงอย่ายอมก้มหัวให้ เกิดเป็นลูกผู้ชายอย่ากลัว ต้องกล้าหาญเผชิญภัยได้ทุกอย่าง อย่าให้คนเลวมีอำนาจ ผมเองก็ได้ปฏิบัติเช่นนั้นแม้ตัวเองจะมีภัยก็ยอม เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริง จำไว้ “เป็นราชสีห์อย่าร้อง เอ๋ง”
 
เกือบ 30 ปีที่ผ่านมา ผมและพวกพี่ๆ ของพวกคุณเคยทำได้ สามารถกู้ชื่อเสียงของกรมไว้ได้ พวกคุณก็ต้องทำได้ ผมขอให้กำลังใจ สำหรับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีก็ต้องเลือกเฟ้นคนที่ดีที่สุดมาทำงาน อย่าเอาแต่พรรคพวก และที่สำคัญอย่าได้เป็นต้นตอของการหาเงินเป็นอันขาด เพราะเรื่องนี้สังคมเขาเชื่อกันว่า เงินที่ได้มากมายนี้ถูกส่งต่อไปอีก (ไม่ใช่เพื่อแจกลูกน้องแน่นอนเพราะเพิ่งเก็บจากเขามา) กรมป่าไม้และกรมอุทยานฯล้วนก่อกำเนิดมาจากตราแผ่นดินที่ศักดิ์สิทธิ์ในรัชกาลที่ 5 นะครับ
 


 
เด็กก้าวไกล ย้อนอนุทิน อย่าเพิ่งคิดไกลได้เป็น รบ. มั่นใจ ปชช.ไม่เลือกคนไร้จุดยืน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3750219

‘ณัฐชา’ เย้ย ‘เสี่ยหนู’ อย่าคิดไกลได้เป็น รบ. เชื่อ ปชช.ไม่เลือกพรรคไร้จุดยืน-นักการเมืองพลิกลิ้น
 
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ระบุพร้อมร่วมรัฐบาลกับทุกพรรคว่าใครจะเป็นรัฐบาล ใครจะเป็นฝ่ายค้าน ให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน ถ้านายอนุทินลองไปเดินตลาดเดินถนนน่าจะต้องพิจารณาตัวเองใหม่ เพราะประชาชนทั่วไปอยากเปลี่ยนขั้วรัฐบาล และพรรค ก.ก.มีแนวทางชัดเจนมาตั้งแต่อดีตพรรคอนาคตใหม่ว่าไม่มีทางร่วมรัฐบาลกับพรรคสืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร 
 
ผมจำได้ว่าก่อนเลือกตั้ง พรรค ภท.และนายอนุทินเองพูดปาวๆ ตามเวทีหาเสียงว่าไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ อยู่คนละขั้วกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แต่พอเลือกตั้งเสร็จกลับคำไปร่วมรัฐบาลกับพรรค พปชร. ครั้งนี้เลยไม่อยากให้นายอนุทินด่วนสรุปว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมกับใคร เดี๋ยวจะต้องลำบากกลับคำอีกเหมือนครั้งที่แล้ว จะเสียเครดิตเปล่าๆ” นายณัฐชากล่าว
 
นายณัฐชากล่าวต่อว่า สิ่งที่ทำให้หัวหน้าพรรค ภท.มองข้ามช็อตไปถึงการจับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคโน้นพรรคนี้ คงไม่ใช่เพราะมั่นใจว่าประชาชนจะตัดสินใจเลือก แต่เพราะมั่นใจว่าพรรค ภท.มีพลังดูด ดูดแบบไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชน และจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล จะอยู่กับใครฝั่งไหนก็ได้ทั้งนั้น เชื่อว่าประชาชนจะไม่เทคะแนนให้นักการเมืองและพรรคการเมืองที่ไม่มีจุดยืนแบบนี้อย่างแน่นอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่