ทฤษฎีรูปนาม (สสารพลังงาน) ของพระพุทธเจ้าจึงเป็นความจริงหรือ?

กาลามสตูร วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดความสงสัย หรือ อย่าเช่ืออะไรโดยง่าย 
กาลามสูตรเป็นคาสอนของพระพุทธเจ้า ว่าไม่ให้เชื่อสิ่งใดๆ ก่อนที่จะ ใช้สติปัญญาของตนเองพิจารณาว่าเป็นสิ่งดีหรือไม่ดี กาลามสูตรไม่ได้ห้ามไม่ให้เช่ือ แต่สอนว่าอย่ารีบเชื่อข่าวลือ ข่าวทางหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ ข่าวท่ีส่งต่อมา ทางอินเทอร์เนต หรือคาพูดของคนท่ีน่าจะเช่ือถือได้ ควรไตร่ตรองคิดให้ดี ด้วยปัญญาของตนเองเสียก่อน เพราะอาจเป็นเรื่องที่ไม่จริง บิดเบือน หรือมีการ ตั้งใจหลอกลวง หากพิจารณาเห็นว่าเหมาะสมแล้วจึงค่อยเชื่อ 

พระพุทธเจ้าทรงตอบว่า “ที่ท่านสงสัยนั้นถูกต้องแล้ว” และทรงสอน ต่อไปว่า “ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงาย โดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริง ถึงคุณโทษ หรือความดีไม่ดี ก่อนที่จะทาหรืองดเว้นการกระทาใดๆต่อไป” 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ข้อ 10. อย่าปลงใจเชื่อเพราะนับถือว่าผู้บอกเล่า เป็นครูหรือ เป็นศาสดา ของตน (มา สมโณ โน ครูติ, ) 
หากเมื่อใด ที่ท่านทั้งหลายได้สอบสวนพิจารณาจนรู้ด้วยตนเองว่า สิ่งใดเป็นสิ่งไม่ดี เป็นอกุศล หรือมีโทษ ควรถูกตาหนิ ครหาติเตียน สิ่งใดที่ทาแล้ว เกิดสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ นาไปสู่อันตราย ทาให้เกิดทุกข์หรือป่วยไข้ จงงดเว้น ไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีนั้น 

สิ่งที่ผมอยากทราบคือ: จากเอกสารข้างล่างนี้ในสปอย:
ข้อ ๔. ทฤษฎีไอน์สไตน์ว่าด้วยกฎแห่งความคงอยู่ของพลังงาน ได้แสดงว่า "พลังงานเป็นสิ่งที่ไม่สูญหายไปจากเอกภพ ในขณะที่สสารซึ่งเป็นรูปธรรมของพลังงานอาจแตกสลายไปได้" ดังนั้น ทฤษฎีรูปนาม (สสารพลังงาน) ของพระพุทธเจ้าจึงเป็นความจริง  

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

นั้นหมายถึง เมื่อร่างกายสลายดับสูญไปแล้ว จิตวิญญาณยังคงมีอยู่ใช่หรือไม่ครับ?

   มีใครสามารถที่จะอธิบายให้ผมทราบได้ไหมครับ ว่าสอดคล้องกับ  The most famous equation in the world, E=mc2  ได้อย่างไร?
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่