"A journey of a thousand miles begins with a single step"
สำหรับคนที่อยากเห็นเรื่องราวในรูปแบบของ Video ก็สามารถรับชมได้ตามนี้เลยครับ
ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 3 เดือนก่อนการเดินทาง "โบ๊ท" ได้เดินทางกลับมาไทย หลังจากเรียนจบ ป โท ที่ไต้หวัน และเราได้มีโอกาสนัดเจอและกินข้าวกัน ซึ่งก็เป็นเพื่อนเก่าสมัยมัธยมที่เคยร่วมเดินทางกับผมไปยังที่ต่างๆหลายๆทริป นอกจากนี้โบ๊ทก็เป็นเพื่อนอีกคนที่เคยร่วมทริปเขื่อนรัชชประภาตั้งแต่สมัยปี 2015
ในวันนั้นก็เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว หลังจากการแพร่ระบาดของ Covid มันเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้การเดินทาง และการพบปะสังสรรค์ต่างๆมีความยากมากขึ้น อีกทั้งพวกเราก็อยู่ในวัยทำงานกันแล้ว กว่าจะว่างพร้อมกันและนัดไปเที่ยวกันก็เป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น
ในวันนั้นเรื่องราวที่เราคุยกันเป็นส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเดิมๆสมัยมัธยมที่เราโตมาด้วยกัน ก่อนที่จะได้แยกเส้นทางกันไปตอนเข้ามหาลัย วันนี้เราได้กลับมารวมตัวและคุยเรื่องราวเก่าๆ รวมทั้งทริป "สิงคโปร์" ที่ผม โม และ พังงา ได้ไปทำเรื่องโคตรบ้ากันไว้ หลายเรื่องโชคร้ายที่เกิดขึ้นในทริปนั้นราวกับว่าเป็นทริปต้องสาป เช่น ไปขี่จักรยานแล้วมีงานเทศกาลทำให้สะพานปิด หรือ การต่อแถวรอเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกกว่า 2 ชั่วโมงแล้วเครื่องเสีย และอีกมากมายหลายเหตุการณ์ที่ “ลืมไม่ลง”
พวกเราจึงพูดติดตลกกันว่า รอบหน้าไปล้างคำสาปกันดีกว่า ประกอบกับที่โบ๊ทก็ยังมีแผนอยู่เรียนภาษาต่อที่ไต้หวัน ทำให้เราก็เลยคิดว่า ที่นี่แหละปลายทางถัดไปของเรา "การเดินทางล้างคำสาป"
จากนั้นเวลาก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก เรามีการประชุมทริปกันหลายครั้ง และสรุปทริปเป็น Google Doc กว่า 90 หน้า เพื่อให้มั่นใจว่าทริปนี้แหละที่จะเป็นทริปที่ล้างคำสาปได้ แต่ด้วยความที่งานค่อนข้างเยอะและ Passport ผมก็หมดอายุ จึงทำให้จองเครื่องบินได้ช้า และไม่ได้รอบที่เราอยากจะบินไป ซึ่งคือเที่ยวบินเช้าไปถึงที่ไต้หวันประมาณเที่ยงๆ เพื่อไม่ให้แผนที่วางเอาไว้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เราจึงตัดสินใจบ้าๆอีกครั้ง "งั้นออกบินเร็วหน่อยแล้ว นอนสนามบินกันเลยไหม" ซึ่งในใจทุกคนก็รู้แหละ มันคงไม่ใช่ทริปล้างคำสาปแน่นอน 555
ถ้าคุณอ่านถึงตรงนี้แล้ว พบว่าคุณมีปัญหากว่าจะติดสินใจอะไรได้สักอย่าง จากที่เพื่อนๆในทริป ไม่เลือกไปในทางเดียวกัน ผมขอแนะนำวิธีการแก้ปัญหาแบบง่ายๆที่เรียกว่า “Majority vote” (การเลือกจากเสียงส่วนใหญ่) ซึ่งเป็นกฎการเดินทางที่ผมใช้มาหลายทริป ทำให้เราตัดสินใจทุกอย่างได้ง่ายและรวดเร็ว ทุกคนมีสิทธิเสนอที่ท่องเที่ยวบ้าๆ แค่ไหนก็ได้ และคนที่เหลือก็มีหน้าที่ Vote ถ้าเป็นเสียงส่วนมาก เราก็จะมี แผนเที่ยวที่บ้าๆนั้นในแผนทันที 555
จากเหตุผลนี้ทำให้ทริป ไต้หวันของเรากลายมาเป็น Taiwan without Bubble tea หรือ ไต้หวันที่ไม่มีชานมไข่มุก และเปลี่ยนไต้หวันให้เป็นทริปผจญภัยสุดโหดอีกครั้ง
ก่อนจะเริ่มเนื้อหาผมขอฝาก Page Facebook หน่อยครับ สามารถไปติดตามหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกันที่ :
https://www.facebook.com/aftershutter/ และ Youtube ที่
https://www.youtube.com/@AfterShutter
และฝากบทความเก่าๆ ที่เคยเขียนไว้ใน Pantip หน่อยนะครับ
เมื่อสิงคโปร์กลายเป็น Adventure trip ->
https://ppantip.com/topic/36732844
Mokochu test your limit ->
https://ppantip.com/topic/36046508
[CR] Taiwan without Bubble Tea 2022
สำหรับคนที่อยากเห็นเรื่องราวในรูปแบบของ Video ก็สามารถรับชมได้ตามนี้เลยครับ
ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 3 เดือนก่อนการเดินทาง "โบ๊ท" ได้เดินทางกลับมาไทย หลังจากเรียนจบ ป โท ที่ไต้หวัน และเราได้มีโอกาสนัดเจอและกินข้าวกัน ซึ่งก็เป็นเพื่อนเก่าสมัยมัธยมที่เคยร่วมเดินทางกับผมไปยังที่ต่างๆหลายๆทริป นอกจากนี้โบ๊ทก็เป็นเพื่อนอีกคนที่เคยร่วมทริปเขื่อนรัชชประภาตั้งแต่สมัยปี 2015
ในวันนั้นก็เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว หลังจากการแพร่ระบาดของ Covid มันเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้การเดินทาง และการพบปะสังสรรค์ต่างๆมีความยากมากขึ้น อีกทั้งพวกเราก็อยู่ในวัยทำงานกันแล้ว กว่าจะว่างพร้อมกันและนัดไปเที่ยวกันก็เป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น
ในวันนั้นเรื่องราวที่เราคุยกันเป็นส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเดิมๆสมัยมัธยมที่เราโตมาด้วยกัน ก่อนที่จะได้แยกเส้นทางกันไปตอนเข้ามหาลัย วันนี้เราได้กลับมารวมตัวและคุยเรื่องราวเก่าๆ รวมทั้งทริป "สิงคโปร์" ที่ผม โม และ พังงา ได้ไปทำเรื่องโคตรบ้ากันไว้ หลายเรื่องโชคร้ายที่เกิดขึ้นในทริปนั้นราวกับว่าเป็นทริปต้องสาป เช่น ไปขี่จักรยานแล้วมีงานเทศกาลทำให้สะพานปิด หรือ การต่อแถวรอเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกกว่า 2 ชั่วโมงแล้วเครื่องเสีย และอีกมากมายหลายเหตุการณ์ที่ “ลืมไม่ลง”
พวกเราจึงพูดติดตลกกันว่า รอบหน้าไปล้างคำสาปกันดีกว่า ประกอบกับที่โบ๊ทก็ยังมีแผนอยู่เรียนภาษาต่อที่ไต้หวัน ทำให้เราก็เลยคิดว่า ที่นี่แหละปลายทางถัดไปของเรา "การเดินทางล้างคำสาป"
จากนั้นเวลาก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก เรามีการประชุมทริปกันหลายครั้ง และสรุปทริปเป็น Google Doc กว่า 90 หน้า เพื่อให้มั่นใจว่าทริปนี้แหละที่จะเป็นทริปที่ล้างคำสาปได้ แต่ด้วยความที่งานค่อนข้างเยอะและ Passport ผมก็หมดอายุ จึงทำให้จองเครื่องบินได้ช้า และไม่ได้รอบที่เราอยากจะบินไป ซึ่งคือเที่ยวบินเช้าไปถึงที่ไต้หวันประมาณเที่ยงๆ เพื่อไม่ให้แผนที่วางเอาไว้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เราจึงตัดสินใจบ้าๆอีกครั้ง "งั้นออกบินเร็วหน่อยแล้ว นอนสนามบินกันเลยไหม" ซึ่งในใจทุกคนก็รู้แหละ มันคงไม่ใช่ทริปล้างคำสาปแน่นอน 555
ถ้าคุณอ่านถึงตรงนี้แล้ว พบว่าคุณมีปัญหากว่าจะติดสินใจอะไรได้สักอย่าง จากที่เพื่อนๆในทริป ไม่เลือกไปในทางเดียวกัน ผมขอแนะนำวิธีการแก้ปัญหาแบบง่ายๆที่เรียกว่า “Majority vote” (การเลือกจากเสียงส่วนใหญ่) ซึ่งเป็นกฎการเดินทางที่ผมใช้มาหลายทริป ทำให้เราตัดสินใจทุกอย่างได้ง่ายและรวดเร็ว ทุกคนมีสิทธิเสนอที่ท่องเที่ยวบ้าๆ แค่ไหนก็ได้ และคนที่เหลือก็มีหน้าที่ Vote ถ้าเป็นเสียงส่วนมาก เราก็จะมี แผนเที่ยวที่บ้าๆนั้นในแผนทันที 555
จากเหตุผลนี้ทำให้ทริป ไต้หวันของเรากลายมาเป็น Taiwan without Bubble tea หรือ ไต้หวันที่ไม่มีชานมไข่มุก และเปลี่ยนไต้หวันให้เป็นทริปผจญภัยสุดโหดอีกครั้ง
ก่อนจะเริ่มเนื้อหาผมขอฝาก Page Facebook หน่อยครับ สามารถไปติดตามหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกันที่ : https://www.facebook.com/aftershutter/ และ Youtube ที่ https://www.youtube.com/@AfterShutter
และฝากบทความเก่าๆ ที่เคยเขียนไว้ใน Pantip หน่อยนะครับ
เมื่อสิงคโปร์กลายเป็น Adventure trip -> https://ppantip.com/topic/36732844
Mokochu test your limit -> https://ppantip.com/topic/36046508
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น