สวัสดีคะ ดิฉันมีปัญหาเกี่ยวกับครอบครัวของตัวเองมากๆคะ ขอท้าวความก่อนนะคะ คือ ครอบครัว B มีพี่น้องทั้งหมด 3 คนคะ
ตอนนี้ เหลือ แค่แม่คะ ส่วนพ่อ เสียไปตอนปี 60
-พี่สาวคนโต อายุ 42 แยกออกไปอยู่กับสามี
(ทางพี่สาวไม่ค่อยโทรหาแม่ไม่ค่อยสนิทหรือติดต่อกับทางแม่เท่าไหร่ เพราะว่า เขาไม่ได้อยู่กับแม่ตั้งแต่เล็กคะ)
-น้องสาว อายุ 28 คนสุดท้อง ทำงานไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง เดียวเข้าเดียวออก น้องสาวชอบสร้างปัญหาในบ้านคะ เช่น ติดสถานพินิจ มาแล้วคดีปล้นทรัพย์
ยาเสพติด พอออกจากสถานพินิจมา B ก็เอาน้องมาทำงานด้วย พอทำได้สักประมาณ 7 เดือน นางไปขโมยสายชาร์จ แล้วไปกู้ยืมเงิน พม่าในโรงงานแล้วไม่จ่ายคะ จนเจ้าของบริษัท โทรมาหา B ว่า ไล่ออกแล้วนะ น้องเธอมาสร้างปัญหาให้บริษัท (ก่อนที่จะให้น้องไปทำงานด้วย ทางแม่บอกว่า ให้ฝากน้อง ไปทำงานที่โรงงานด้วยสิ เงินดีอะ ตอนนั้น B ลังเลอยู่คะว่าจะเอาไปดีไหม สามีก็บอกว่า คิดดีๆนะจะเอาคนแบบนี้ไป Bเลยบอกว่า ก็แม่บังคับให้เอาไปฝากงานด้วยให้มันทำงานด้วยสิ จะให้มันไปหางานที่ไหน เงินก็ไม่ดีที่ทำมันเงินดี เราเลยตัดสินใจเอาว่ะ เออฝากก็ฝาก สรุปนางก็สร้างปัญหาเหมือนเดิม )
ตอนที่น้องสร้างปัญหา ที่โรงงาน B อยุ่ในช่วงลาคลอดคะ ท้องคนที่ 2)
-ส่วน B เอง ทำงานเป็นบริษัท ตำแหน่งบัญชีการเงิน ช่วยดูเกี่ยวกับการเงินของเจ้าของบริษัท
เมื่อก่อนทำงานอยู่กับสามีที่ จ.ระยอง ซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นคุณพ่ออยู่กับแม่คะ ที่ สมุทรปราการ จนคุณพ่อมาล้มป่วยด้วยโรคร้ายและก็จากไป
แล้วแม่ก็เลยต้องอยู่คนเดียว ทางB เองไม่อยากปล่อยให้แม่อยู่คนเดียวคะ เลยย้ายกลับมาอยู่กับแม่ที่สมุทรปราการ ช่วยดูหลานให้ โดยแต่ละเดือน ค่าใช้จ่าย ค่ากิน ค่าของใช้ เราเป็นคนซื้อให้หมด ทุกอย่าง น้องสาวก็อยู่ด้วย และไม่ได้ออกช่วยอะไร เพราะว่าเราไม่เรียกร้องอะไรคะ
B ไม่ได้ให้เงินแม่ แต่ก็มีเป็นบ้างเดือนที่เราให้เขาบ้าง หรือ ถ้าโบนัสออกเราก็ให้เขาเป็นก้อน
(ที่บ้านมีห้องแถวให้เช่า แม่ได้รายได้จากค่าเช่าทุกเดือน ) เครื่องซักผ้ายอดเหรียญ B ซื้อให้แม่เอาไว้เก็บจากคนมาซักผ้า เรายกให้เขาเลยคะโดยไม่เรียกร้องอะไร เพราะว่า เพื่อตัวเองได้ซักด้วย ส่วนสามี ก็ทำงานระยองโอนเงินให้ใช้ทุกเดือน คือ เงินออกเขาก็โอนให้เลย เมื่อ ก่อนที่น้ำมันยังไม่แพง เดือนนึงเข้ามาหา B 2-3 ครั้งคะ แต่เดียวนี้ น้ำมันแพงมาก Bเลยบอกว่าไม่ต้องมาบ่อยนะ เติมน้ำมันไม่ไหวคะ แต่อย่างว่าละคะ เขาอยากมาหาลูกเพราะคิดถึงลูก
แต่คราวนี้ปัญหาเริ่มเกิดคะ ช่วงที่เราติดโควิค เราไปกักตัวบ้านที่ระยอง น้องสาว B ไปขโมยเงินของ B ในตู้หมดเลยคะ ซึ่งเงินนั้นเราเก็บไว้ให้ลูกและเป็นเงินที่ทางย่า ให้มาด้วย รวมๆ 30,000กว่าบาท ตอนนั้น Bโกรธมากๆคะ สามีก็ โกรธมากทำไมหักหลังกันได้ ส่วนแม่ บอกว่า ให้มันหาเงินมาใช้คืน
B เลยบอกว่า มันจะเอาเงินที่ไหนมาคืน จะกินแต่ละวันมันยังขอกับแม่เลย แม่เราก็พูดว่า จะให้ทำยังไง ในเมื่อมันเป็นคนแบบนี้ เราก็อิ้งคะ
สามีเรา เลยบอกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ไหวนะ พ้านเงินหมดไปเท่าไหร่ ให้เท่าไหร่ก็ไม่พอ Bเองก็เครียดมากคะ ไม่รู้จะทำยังไง คนนี้ก็น้อง คนนี้ก็แม่ คนนี้ก็สามีตัวเอง
B ตัดสินใจคะ ว่า จะออกจากงานที่สมุทรปราการ (ทำงานที่นี้ มา5 ปีแล้วคะ) แล้วหางานใหม่ที่ระยอง จนตอนนี้ได้งานแล้วคะและเงินเดือนค่อยข้างขจะเยอะกว่าที่เก่าด้วย แต่ยังไม่ได้แจ้งกับบริษัท สามีบอกว่า ให้ย้ายกับไปอยู่ระยองแล้วเอาลูกไปอยู่ด้วยเลย ทั้ง 2 คน B เลยถามแม่ว่า จะไปด้วยไหม แม่บอกว่า ยังไปไม่ได้ ใครจะดูบ้าน ไม่มีคนดูบ้าน Bเลยบอกว่า ไม่เป็นไรเดียวจ้างคนเลี้ยงเอง แล้วปีนี้ บริษัท B ไม่ได้ให้ โบนัส บริษัทบอกว่าขาดทุน (แม่เขาไม่เชื่อคะ )ตอนต้นธันวา เราให้เงินเขาไปก้อนนึงแล้ว คะ สามีบ่นๆแล้วคะ ว่าให้เท่าไหร่ไม่เคยพอ
B เองภาระค่อยข้างเยอะคะ จ่ายบ้าน จ่ายประกัน 5 คน ไหนจะค่ากิน ค่านมลูกค่าของใช้ คือ ทุกอย่างจริงๆคะ เราแยกกันอยู่กับสามีมา 5 ปีแล้วคะ ไม่ได้เลิกกันนะคะ เรามีแพลนอีกคะ ว่า จะซื้อบ้านเดี่ยวอีกหลังปี 66 เพราะว่า B กับสามี ทำงาน 2 คน เงินเดือนค่อยข้างเยอะอยู่คะ
ใครที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้แสดงความคิดเห็นได้คะ ว่าจะจัดการยังไงดี ใจ B บอกตรงๆคะ ว่า อยากย้ายกลับไปอยู่กับสามี และชวนแม่ไปอยู่ด้วย แต่เขาไม่ไปคะ ใจนึงอดห่วงแม่ไม่ได้ แม่อายุ 62 แล้วคะ
#ถ้าอ่านแล้ว งง ๆ ยังไง ก็ขออภัยด้วยนะคะ
เครียดปัญหากับแม่ตัวเองและสามีของตัวเอง
ตอนนี้ เหลือ แค่แม่คะ ส่วนพ่อ เสียไปตอนปี 60
-พี่สาวคนโต อายุ 42 แยกออกไปอยู่กับสามี
(ทางพี่สาวไม่ค่อยโทรหาแม่ไม่ค่อยสนิทหรือติดต่อกับทางแม่เท่าไหร่ เพราะว่า เขาไม่ได้อยู่กับแม่ตั้งแต่เล็กคะ)
-น้องสาว อายุ 28 คนสุดท้อง ทำงานไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง เดียวเข้าเดียวออก น้องสาวชอบสร้างปัญหาในบ้านคะ เช่น ติดสถานพินิจ มาแล้วคดีปล้นทรัพย์
ยาเสพติด พอออกจากสถานพินิจมา B ก็เอาน้องมาทำงานด้วย พอทำได้สักประมาณ 7 เดือน นางไปขโมยสายชาร์จ แล้วไปกู้ยืมเงิน พม่าในโรงงานแล้วไม่จ่ายคะ จนเจ้าของบริษัท โทรมาหา B ว่า ไล่ออกแล้วนะ น้องเธอมาสร้างปัญหาให้บริษัท (ก่อนที่จะให้น้องไปทำงานด้วย ทางแม่บอกว่า ให้ฝากน้อง ไปทำงานที่โรงงานด้วยสิ เงินดีอะ ตอนนั้น B ลังเลอยู่คะว่าจะเอาไปดีไหม สามีก็บอกว่า คิดดีๆนะจะเอาคนแบบนี้ไป Bเลยบอกว่า ก็แม่บังคับให้เอาไปฝากงานด้วยให้มันทำงานด้วยสิ จะให้มันไปหางานที่ไหน เงินก็ไม่ดีที่ทำมันเงินดี เราเลยตัดสินใจเอาว่ะ เออฝากก็ฝาก สรุปนางก็สร้างปัญหาเหมือนเดิม )
ตอนที่น้องสร้างปัญหา ที่โรงงาน B อยุ่ในช่วงลาคลอดคะ ท้องคนที่ 2)
-ส่วน B เอง ทำงานเป็นบริษัท ตำแหน่งบัญชีการเงิน ช่วยดูเกี่ยวกับการเงินของเจ้าของบริษัท
เมื่อก่อนทำงานอยู่กับสามีที่ จ.ระยอง ซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นคุณพ่ออยู่กับแม่คะ ที่ สมุทรปราการ จนคุณพ่อมาล้มป่วยด้วยโรคร้ายและก็จากไป
แล้วแม่ก็เลยต้องอยู่คนเดียว ทางB เองไม่อยากปล่อยให้แม่อยู่คนเดียวคะ เลยย้ายกลับมาอยู่กับแม่ที่สมุทรปราการ ช่วยดูหลานให้ โดยแต่ละเดือน ค่าใช้จ่าย ค่ากิน ค่าของใช้ เราเป็นคนซื้อให้หมด ทุกอย่าง น้องสาวก็อยู่ด้วย และไม่ได้ออกช่วยอะไร เพราะว่าเราไม่เรียกร้องอะไรคะ
B ไม่ได้ให้เงินแม่ แต่ก็มีเป็นบ้างเดือนที่เราให้เขาบ้าง หรือ ถ้าโบนัสออกเราก็ให้เขาเป็นก้อน
(ที่บ้านมีห้องแถวให้เช่า แม่ได้รายได้จากค่าเช่าทุกเดือน ) เครื่องซักผ้ายอดเหรียญ B ซื้อให้แม่เอาไว้เก็บจากคนมาซักผ้า เรายกให้เขาเลยคะโดยไม่เรียกร้องอะไร เพราะว่า เพื่อตัวเองได้ซักด้วย ส่วนสามี ก็ทำงานระยองโอนเงินให้ใช้ทุกเดือน คือ เงินออกเขาก็โอนให้เลย เมื่อ ก่อนที่น้ำมันยังไม่แพง เดือนนึงเข้ามาหา B 2-3 ครั้งคะ แต่เดียวนี้ น้ำมันแพงมาก Bเลยบอกว่าไม่ต้องมาบ่อยนะ เติมน้ำมันไม่ไหวคะ แต่อย่างว่าละคะ เขาอยากมาหาลูกเพราะคิดถึงลูก
แต่คราวนี้ปัญหาเริ่มเกิดคะ ช่วงที่เราติดโควิค เราไปกักตัวบ้านที่ระยอง น้องสาว B ไปขโมยเงินของ B ในตู้หมดเลยคะ ซึ่งเงินนั้นเราเก็บไว้ให้ลูกและเป็นเงินที่ทางย่า ให้มาด้วย รวมๆ 30,000กว่าบาท ตอนนั้น Bโกรธมากๆคะ สามีก็ โกรธมากทำไมหักหลังกันได้ ส่วนแม่ บอกว่า ให้มันหาเงินมาใช้คืน
B เลยบอกว่า มันจะเอาเงินที่ไหนมาคืน จะกินแต่ละวันมันยังขอกับแม่เลย แม่เราก็พูดว่า จะให้ทำยังไง ในเมื่อมันเป็นคนแบบนี้ เราก็อิ้งคะ
สามีเรา เลยบอกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ไหวนะ พ้านเงินหมดไปเท่าไหร่ ให้เท่าไหร่ก็ไม่พอ Bเองก็เครียดมากคะ ไม่รู้จะทำยังไง คนนี้ก็น้อง คนนี้ก็แม่ คนนี้ก็สามีตัวเอง
B ตัดสินใจคะ ว่า จะออกจากงานที่สมุทรปราการ (ทำงานที่นี้ มา5 ปีแล้วคะ) แล้วหางานใหม่ที่ระยอง จนตอนนี้ได้งานแล้วคะและเงินเดือนค่อยข้างขจะเยอะกว่าที่เก่าด้วย แต่ยังไม่ได้แจ้งกับบริษัท สามีบอกว่า ให้ย้ายกับไปอยู่ระยองแล้วเอาลูกไปอยู่ด้วยเลย ทั้ง 2 คน B เลยถามแม่ว่า จะไปด้วยไหม แม่บอกว่า ยังไปไม่ได้ ใครจะดูบ้าน ไม่มีคนดูบ้าน Bเลยบอกว่า ไม่เป็นไรเดียวจ้างคนเลี้ยงเอง แล้วปีนี้ บริษัท B ไม่ได้ให้ โบนัส บริษัทบอกว่าขาดทุน (แม่เขาไม่เชื่อคะ )ตอนต้นธันวา เราให้เงินเขาไปก้อนนึงแล้ว คะ สามีบ่นๆแล้วคะ ว่าให้เท่าไหร่ไม่เคยพอ
B เองภาระค่อยข้างเยอะคะ จ่ายบ้าน จ่ายประกัน 5 คน ไหนจะค่ากิน ค่านมลูกค่าของใช้ คือ ทุกอย่างจริงๆคะ เราแยกกันอยู่กับสามีมา 5 ปีแล้วคะ ไม่ได้เลิกกันนะคะ เรามีแพลนอีกคะ ว่า จะซื้อบ้านเดี่ยวอีกหลังปี 66 เพราะว่า B กับสามี ทำงาน 2 คน เงินเดือนค่อยข้างเยอะอยู่คะ
ใครที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้แสดงความคิดเห็นได้คะ ว่าจะจัดการยังไงดี ใจ B บอกตรงๆคะ ว่า อยากย้ายกลับไปอยู่กับสามี และชวนแม่ไปอยู่ด้วย แต่เขาไม่ไปคะ ใจนึงอดห่วงแม่ไม่ได้ แม่อายุ 62 แล้วคะ
#ถ้าอ่านแล้ว งง ๆ ยังไง ก็ขออภัยด้วยนะคะ