หนังสือ Different seasons ของ Stephen king เล่มนี้มีสี่บทย่อย แต่ละบทจะแทนด้วยเรื่องเล่าสี่ฤดูกาล เริ่มด้วยฤดูใบ้ไม้ผลิ ตอนความหวังผลิบานนิรันดร์ ที่มีชื่อว่า รีต้า เฮย์เวิร์ธกับการไถ่บาปที่ชอว์แชงก์…หลายคนอาจจะเคยดูหนังชอว์แชงก์มาแล้ว หารู้ไหมว่ามาจากหนังสือเล่มนี้แหละครับ เป็นอีกเล่มที่เขียนดีมากๆ และมีเนื้อหาที่มีความหมายลึกซึ้ง และจัดเป็นหนังสือประเภทหายากมากอีกด้วย ราคาในท้องตลาดมือสองอยู่ที่ 950-1,300 บาทครับ
เรื่องเล่าของ รีต้า เฮย์เวิร์ธกับการไถ่บาปที่ชอว์แชงก์ เรื่องราวทั้งหมดถูกเล่าผ่านเร้ด ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของแอนดี้ ดูแฟรส์น ชายผู้อับโชค เขาเปรียบเสมือนกับนกที่ถูกจองจำในกรงขัง แต่เขาต่างกับนกตัวอื่นๆ ตรงที่กรงขังไม่ได้ขังหัวใจที่เป็นอิสระของเขาไปด้วย นี้คือเหตุผลที่เขาต่างจากนักโทษคนอื่นๆ
เล่มนี้ถือว่าเป็นงานเขียนชั้นครูอีกเล่มที่เขียนเรื่องราวที่ซ้อนของซ้อน และซ้อนอีกไปชั้น มีนัยยะที่ซ่อนอยู่เยอะมาก ตั้งแต่ชื่อเรื่องที่มีชื่อของรีต้า เฮย์เวิร์ธ ภาพถ่ายของรีต้าในห้องขัง ร่วมทั้งภาพอื่นๆที่เปลี่ยนตามยุคสมัยตลอด 28 ปีที่แอนดี้ถูกจองจำในคุกที่ชอว์แชงก์ สำหรับเพื่อนนักโทษ ร่วมทั้ง เร้ด พัสดี และผู้คุมขัง อาจจะเข้าใจว่า มันเป็นแค่ภาพที่ปลอบประโลมหัวใจของนักโทษที่ถูกขังในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ แต่สำหรับแอนดี้ เขาไม่ได้มองแค่ภาพถ่ายของรีต้าหรือภาพถ่ายของคนอื่นๆที่คนในคุกเข้าใจกัน แต่เขามองที่องค์ประกอบอื่นๆ อย่างชายหาด แสงแดดที่สาดส่องบนพื้นทราย กลิ่นอายของอิสรภาพในรูปภาพเหล่านั้นต่างหาก แล้วเขามองไปลึกกว่านั้นอีก มองไปยังข้างหลังของภาพเหล่านั้น เพราะมันมีโพรงที่เขาขุดปิดบังทุกคนไว้ เป็นโพรงที่จะนำแอนดี้สู่อิสรภาพที่เขาโหยหา
จุดที่น่าสนใจ คือช่วงเวลาที่แอนดี้สนทนากับเร้ด เป็นช่วงที่มีชีวิตชีวาที่สุดแล้ว เร้ดเองยังสารภาพว่า มันราวกับว่าทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในคุกที่ชอว์แชงค์อีกแล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริง เขาทั้งสองยังอยู่ในคุก และเร้ดเองก็ไม่กล้าที่จะคิดว่า จะได้ออกจากกำแพงอิฐสีเทานี้อีกแล้ว ข้างนอกนั้นมันกว้างใหญ่ไพศาลจนเขาเองกลัวจนขาดใจตายเลยก็ได้ เร้ด มักจะชอบพูดว่า ที่นี้คือครอบครัวเล็กๆที่แสนสุข อาจจะเป็นรังที่ปลอดภัยมากกว่ากรงขังของแอนดี้
“เมื่อใดก็ตามที่คุณพรากอิสรภาพไปจากมนุษย์คนหนึ่ง และสอนให้เขาใช้ชีวิตในห้องขัง เขาจะสูญเสียความสามารถในการคิดอ่านให้รอบด้าน เขาจะเป็นเหมือนกระต่ายน้อย ที่ยืนตัวแข็งกลางแสงไฟของรถบรรทุกที่กำลังจะปลิดชีพมัน…”
คงไม่ต่างจากตาเฒ่าบรูกซี่ โลกที่อยู่ข้างนอกกำแพงช่างเลวร้าย “พวกเขาฝึกตาเฒ่าให้ชอบชีวิตในรูขี้แห่งนี้ จากนั้นก็จับเขาโยนออไป”
ความน่าสนใจอยู่ที่คำว่า คุกของคนเรามันมีความหมายที่ต่างกันออกไปจริงๆ ใช่หรือไม่ว่า คุกที่แท้จริง คือคุกที่ขังหัวใจ คุกที่ทำให้หัวใจไร้อิสรภาพ ไร้จินตนาการ และใช้ชีวิตอยู่อย่างนักโทษในกรงขังของตัวเอง นี้อาจจะเป็นบทสรุปและเป็นอีกหนึ่งความหมายของคำว่า คุก ครับ
-ริฎวาน ศอลิห์วงศ์สกุล-
รีวิวหนังสือเรื่องเล่าต่างฤดู ตอน รีต้า เฮย์เวิร์ธกับการไถ่บาปที่ชอว์แชงก์ ของ Stephen King
เรื่องเล่าของ รีต้า เฮย์เวิร์ธกับการไถ่บาปที่ชอว์แชงก์ เรื่องราวทั้งหมดถูกเล่าผ่านเร้ด ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของแอนดี้ ดูแฟรส์น ชายผู้อับโชค เขาเปรียบเสมือนกับนกที่ถูกจองจำในกรงขัง แต่เขาต่างกับนกตัวอื่นๆ ตรงที่กรงขังไม่ได้ขังหัวใจที่เป็นอิสระของเขาไปด้วย นี้คือเหตุผลที่เขาต่างจากนักโทษคนอื่นๆ
เล่มนี้ถือว่าเป็นงานเขียนชั้นครูอีกเล่มที่เขียนเรื่องราวที่ซ้อนของซ้อน และซ้อนอีกไปชั้น มีนัยยะที่ซ่อนอยู่เยอะมาก ตั้งแต่ชื่อเรื่องที่มีชื่อของรีต้า เฮย์เวิร์ธ ภาพถ่ายของรีต้าในห้องขัง ร่วมทั้งภาพอื่นๆที่เปลี่ยนตามยุคสมัยตลอด 28 ปีที่แอนดี้ถูกจองจำในคุกที่ชอว์แชงก์ สำหรับเพื่อนนักโทษ ร่วมทั้ง เร้ด พัสดี และผู้คุมขัง อาจจะเข้าใจว่า มันเป็นแค่ภาพที่ปลอบประโลมหัวใจของนักโทษที่ถูกขังในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ แต่สำหรับแอนดี้ เขาไม่ได้มองแค่ภาพถ่ายของรีต้าหรือภาพถ่ายของคนอื่นๆที่คนในคุกเข้าใจกัน แต่เขามองที่องค์ประกอบอื่นๆ อย่างชายหาด แสงแดดที่สาดส่องบนพื้นทราย กลิ่นอายของอิสรภาพในรูปภาพเหล่านั้นต่างหาก แล้วเขามองไปลึกกว่านั้นอีก มองไปยังข้างหลังของภาพเหล่านั้น เพราะมันมีโพรงที่เขาขุดปิดบังทุกคนไว้ เป็นโพรงที่จะนำแอนดี้สู่อิสรภาพที่เขาโหยหา
จุดที่น่าสนใจ คือช่วงเวลาที่แอนดี้สนทนากับเร้ด เป็นช่วงที่มีชีวิตชีวาที่สุดแล้ว เร้ดเองยังสารภาพว่า มันราวกับว่าทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในคุกที่ชอว์แชงค์อีกแล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริง เขาทั้งสองยังอยู่ในคุก และเร้ดเองก็ไม่กล้าที่จะคิดว่า จะได้ออกจากกำแพงอิฐสีเทานี้อีกแล้ว ข้างนอกนั้นมันกว้างใหญ่ไพศาลจนเขาเองกลัวจนขาดใจตายเลยก็ได้ เร้ด มักจะชอบพูดว่า ที่นี้คือครอบครัวเล็กๆที่แสนสุข อาจจะเป็นรังที่ปลอดภัยมากกว่ากรงขังของแอนดี้
“เมื่อใดก็ตามที่คุณพรากอิสรภาพไปจากมนุษย์คนหนึ่ง และสอนให้เขาใช้ชีวิตในห้องขัง เขาจะสูญเสียความสามารถในการคิดอ่านให้รอบด้าน เขาจะเป็นเหมือนกระต่ายน้อย ที่ยืนตัวแข็งกลางแสงไฟของรถบรรทุกที่กำลังจะปลิดชีพมัน…”
คงไม่ต่างจากตาเฒ่าบรูกซี่ โลกที่อยู่ข้างนอกกำแพงช่างเลวร้าย “พวกเขาฝึกตาเฒ่าให้ชอบชีวิตในรูขี้แห่งนี้ จากนั้นก็จับเขาโยนออไป”
ความน่าสนใจอยู่ที่คำว่า คุกของคนเรามันมีความหมายที่ต่างกันออกไปจริงๆ ใช่หรือไม่ว่า คุกที่แท้จริง คือคุกที่ขังหัวใจ คุกที่ทำให้หัวใจไร้อิสรภาพ ไร้จินตนาการ และใช้ชีวิตอยู่อย่างนักโทษในกรงขังของตัวเอง นี้อาจจะเป็นบทสรุปและเป็นอีกหนึ่งความหมายของคำว่า คุก ครับ
-ริฎวาน ศอลิห์วงศ์สกุล-