สวัสดีค่ะ เราจะมาแจ้งว่าเราโดนรูดบัตรเครดิตไปอีกแล้วจากกระทู้เก่าเราตอนปีที่แล้ว
นี่กระทู้แรกเราค่ะ
https://ppantip.com/topic/40434695/comment13?utm_source=newsletter&utm_medium=email&utm_campaign=newcomment&utm_content=40434695
รอบนี้ประมาณสองหมื่นกว่าบาทค่ะ (21,020.85 บาท)
ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2565 เวลา 21.18 น. (ตามที่ข้อความแจ้งเข้ามาในมือถือ)
เนื่องด้วยเรามาจับโทรศัพท์ตอนประมาณสี่ทุ่มกว่า เจอข้อความ SMS เข้ามาในมือถือว่าบัตรโดนรูดใช้งานไป
จำนวน 769,000.00 KRW (วอน) จาก Apple Korea ค่ะ เราด้วยความเจออีกแล้ว เลยทำการโทรหาธนาคารเพื่ออายัดบัตรและปฏิเสธรายการทันทีค่ะ !!!
เหมือนเรารู้ว่าต้องทำอย่างไรก่อนเพราะเคยเจอมาเมื่อต้นปีที่แล้ว
หลังจากนั้นทำการสอบถามธนาคารเหมือนรอบแรกว่าเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง
โอกาสของความผิดพลาดนี้มาจากไหน เพราะรอบที่แล้วเราโดนหักจาก FACEBOOK รอบนั้นเราไม่เคยผูกบัตรกับทางแอพเลย
แต่รอบนี้ธนาคารสอบถามว่าเราเคยทำธุรกรรม ผ่านอินเตอร์เน็ตกับทาง Apple มั้ย
ขอตอบเลยว่า "เคยค่ะ" เพราะก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้สะดวกเดินทางไปที่ apple แล้วก็ตอนนั้นมีการรอของจาก apple ด้วยเลยทำการทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ไป แต่ตอนนั้นเหมือนจะเป็นการโทรติดต่อไปทาง apple ค่ะ เราคิดว่า apple save เราในการทำธุรกรรมในระดับนึงเลย
ทางเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าที่เราเจอรอบนี้ เราขอบอกว่าเราไม่ประทับใจเลยค่ะ ให้ข้อมูลแบบขอไปที เราได้ยินเสียงถอนหายใจจากปลายสาย
เหมือนไม่สบอารมณ์ เรามองว่าดีที่เราเคยเจอเลยรู้ว่าต้องทำยังไง เราก็ถามย้ำถึงข้อมูล และรายละเอียดที่เราต้องรู้ พร้อมทั้งถามในกรณีฉุกเฉินแบบเราจะรู้ได้ยังไง แม้รู้แก่ใจเรื่องการดำเนินการของธนาคารว่าเป็นยังไง ก็อยากลองศึกษา
พนักงานบริการรอบนี้เรายอมรับว่าเฟลนะคะ เราประเมินปรับปรุงทางปลายสายไปแล้วค่ะ
ทางพนักงานบริการลูกค้าผ่าน call center เราขอตอบแบบเราขอรวบรัดไปเลยนะคะ เพราะเราจำคำพูดพูดไม่ได้ทั้งหมด ทางธนาคารตอบมาประมาณว่าลูกค้าเคยทำธุรกรรมผ่านทางอินเตอร์เน็ต ทางเราก็ไม่รู้วิธีการของมิชฉาชีพ เลยไม่รู้ว่าเอาไปได้ยังไง คือเราไม่ได้อยากรู้ว่าเอาไปได้ยังไง เราแค่อยากรู้วิธีการป้องกันอยากฟังของฝั่งธนาคาร และตัวเราเองว่าควรทำอย่างไร การที่เราผูกบัตรเครดิตผ่านออนไลน์ บางทีมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ค่ะ บางคนมันก็ต้องทำ ใจจริงมันก็อยากเดินไปรูดบัตรด้วยตัวเองนั่นแหละค่ะ ทั้งนี้ธนาคารตอบคือมันเสี่ยงอยู่แล้วค่ะคุณลูกค้า เพราะผูกธุรกรรมบัตรผ่านออนไลน์
เราคือ.....แบบถ้าไม่อยากให้ผูกก็ไม่ต้องมีระบบนี้ดีมั้ยคะหรือยังไง
เราจะเขียน step คร่าวๆให้เพื่อเป็นแนวทางนะคะ
1. ทำการโทรไปอายัดบัตร ธนาคารจะถามเหตุผลก็แจ้งไปตามจริงค่ะ ว่าบัตรโดนรูดไป พร้อมทั้งปฏิเสธรายการที่โดนรูดไปเลยค่ะ
2. ธนาคารจะทำการส่งบัตรมาให้ใหม่เป็นบัตรใหม่ อะไรที่เคยผูกไว้กับบัตรเก่าทุกอย่าง ประวัติทุกอย่างจะหายไปนะคะ
(ส่วนบางคน อาจจะมียอดที่เราทั้งใช้จริง และถูกรูดโดยไม่ได้เกิดจากเราใช่มั้ยคะ ให้เราปฏิเสธแค่ยอดที่เราไม่ได้ใช้ค่ะ เดี๋ยวธนาคารจะตรวจสอบแล้วโอนข้อมูลที่เราใช้จริงและวงเงินที่คงเหลือไว้ที่บัตรใหม่ค่ะ)
3. ธนาคารแจ้งว่าบัตรใหม่จะดำเนินการส่งมาภายใน 10 วันค่ะ (ถ้าเราจำผิดขออภัยนะคะ ตอนนั้นเฟลกับการตอบของพนักงานค่ะ) และรหัสจะส่งมาทีหลัง เป็นรหัสที่เราจะใช้กดเงินจากบัตรค่ะ ธนาคารแจ้งมาแบบนี้ ทั้งๆที่เราก็งงว่า เราใช้บัตรเครดิตไม่ใช่บัตรกดเงินสด เราไม่เคยใช้รหัสไรเลย นอกจาก PIN ที่มีแค่เราที่รู้ อันนี้เพิ่มเติมใครพอรู้ข้อมูลแนะนำเราได้ค่ะ เผื่อเราเข้าใจผิด
4. รอค่ะ เป็นเวลา 21 วัน จะมี SMS ส่งเข้ามาแจ้งเรา อันนั้นธนาคารแจ้งเรามาค่ะ ว่าเราต้องจ่ายหรือไม่ต้องจ่ายยอดที่เราปฏิเสธไป เราสอบถามธนาคารคือสรุปได้แค่ว่า คอลเซนเตอร์รับเรื่องนะ จะส่งเรื่องต่อเรื่องของเรา ใดๆก็ต้องรอนะ call center ช่วยได้แค่นี้ อันนี้ที่เราได้รับสารมา แบบเราเฟลๆหน่อยๆ ถึงเราจะรู้ถึงวิธีดำเนินการก็เฟลแหละ พูดแบบนี้ ใช่เพราะเราเคยเจอ เราเลยพอจะมีสติ คนที่ไม่เคยเจอล่ะ เขาจะรู้วิธีดำเนินอะไรต่างๆมั้ย ยอมรับนะคะว่ารอบแรกที่เราโดน เราเครียดมาก ยอดไรเป็นหมื่นไม่ได้รูด เราโทรหาธนาคารบ่อยมาก ธนาคารคุยกับเราดีมากค่ะ ต่างจากครั้งนี้ชัดเจน
5. เราถามย้ำๆว่า worst case ที่สุดสมมติเราต้องจ่ายเงินยอดนั้นล่ะ ทั้งๆที่วันนี้เราปฏิเสธไปแล้ว ธนาคารมีวิธีรับมือและแจ้งข่าวสารเรายังไง มาพร้อมการตอบแบบไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ตอบแบบรำคาญเรา เราว่าเรามีสติกว่ารอบแรกมาก ธนาคารบอกเราว่าเป็นยอดที่รอดำเนินการ ยังไม่ตัดจากบัตรคุณลูกค้า เดี๋ยวยังไง apple ก็ต้องมายืนยันกับทางธนาคารอยู่ดี เราไม่ต้องกังวลว่าเราจะต้องจ่ายยอดนั้น อันนี้จากพาทที่คุยนะคะ
แต่ ! เรารู้สึกครั้งนี้ของเรามันไม่เหมือนกับครั้งแรกของเราเลยคือ มันเหมือนเราใช้บัตรรูดซื้อของไปจริงๆอ่าค่ะ มันจะมี SMS หรืออะไรต่างๆเข้ามาเตือนเราหมดเลย ไม่เหมือนรอบแรกของเราที่ไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ มีแค่เราเข้าไปเห็นเงินหาย แต่รอบนี้ยอมรับว่ามิชฉาชีพเขาพัฒนามาก พัฒนาไปไกลเลย
ทางที่ดีที่สุดที่ทางธนาคารแนะนำมาคือไม่อยากให้เราทำธุรกรรมผูกบัตรไว้กับแอพต่างๆ หรือทางอินเตอร์เน็ต เพราะเสี่ยงที่สุด ถ้าเรามองหลายๆมุมนะคะ คือเราจะมาตีกรอบจำกัดแค่ว่าห้ามๆ เลี่ยงๆ คือบางคนมันก็ต้องจ่ายผ่านระบบอินเตอร์เน็ตกันหรือทำธุรกรรมอื่นๆผ่านทางนี้ ความจำเป็นคนเราไม่เท่ากัน อยากให้ธนาคารช่วยป้องกันการเข้าถึงข้อมูลมากกว่านี้ค่ะ ถ้าเลี่ยงไม่ให้ใช้ผูกออนไลน์เลย แล้วเราจะมีการใช้จ่ายผ่านทางนี้ไปทำไมกันคะ อันนี้ฝากเป็นข้อคิดให้กับทางธนาคารและข้อระมัดระวังตัวของผู้ใช้บัตรทุกท่านด้วยค่ะ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะคะที่จะผูกกับแอพส้มแอพฟ้าต่างๆ หรือทำธุรกรรมผ่านทางออนไลน์ เลี่ยงไม่ได้ก็ต้องเป็นธนาคารนะคะที่ต้องเข้ามามีบทบาทดูแลตรงนี้ ครั้งนี้เราไม่โทษว่าเป็นความผิดธนาคารนะคะ แต่ฝากเป็นกรณีศึกษาอีกเช่นเคยค่ะ เพราะเราเจอ 2 ครั้งแล้ว จนไม่อยากเจอ อยากย้ายธนาคารแล้ว ถ้าระบบความปลอดภัยมันแย่ขนาดนี้ ฝากด้วยค่ะ
PS : ทำไมเราโดนแล้วเรายังใช้ ของตอบก่อนว่าครั้งแรกนั้นเราประทับใจ ทาง call center ระบบดูแลลูกค้าของธนาคารนี้เราประทับใจที่
โทรติดต่อตอนไหน พนักงานก็รับแม้ไม่ใช่เวลาทำการค่ะ ไม่งั้นเราย้ายล่ะ
เราขออ้างอิงเหตุผลส่วนตัวว่าทำไมเราถึงใช้ของธนาคารนี้นะคะ เรารู้สึกว่าฟังก์ชั่นของธนาคารตอบโจทย์การใช้ชีวิตเราค่ะ
และตอนเราทำเราประทับใจคนที่ดำเนินการบัตรเครดิตมากของเรามากค่ะ แบบเราศึกษาข้อมูลไปในระดับนึงก่อนทำบัตร พอไปทำเขาก็แจ้งข้อมูลละเอียดมาก (ตอนเราพาคนรู้จักไปทำยังไม่ละเอียดเท่าเราเลยค่ะ) เรามีข้อสงสัย พร้อมบอกไปว่าไม่ยินยอมให้เบอร์เรากับประกันนะ ก็ไม่เคยได้รับโทรศัพท์จากประกันเลย นอกจากบริษัทประกันที่เคยสมัครไว้ค่ะ ทั้งเราก็อยู่กับธนาคารนี้มานาน แต่รอบนี้ยอมรับค่ะ ว่าการบริการมีผลต่อจิตใจนะคะ ฝากทางธนาคารในการดูแลลูกค้ามากกว่านี้ด้วยค่ะ ไม่ใช่แค่เราแต่หมายถึงเคสอื่นๆที่อาจจะเกิดในอนาคตด้วยค่ะ อยากให้แจ้งข้อมูลแบบละเอียดและตั้งใจช่วยเหลือมากกว่านี้ เพราะว่าแค่โดนโกงคนเราก็สติแตกไปแล้วค่ะ เรายังคิดถึงการบริการแก้ปัญหารอบแรกมาก แต่ผ่านไปหนึ่งปีทุกอย่างกลับแย่ลง และเราโดนโกงเงินอีกแล้วเราก็เฟลนะคะ ฝากเป็นข้อคิดแก่ธนาคารและผู้อ่านทุกท่านด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
ฝากกระทู้นี้เป็นข้อคิดอีกต่อผู้ใช้งานต่างๆและธนาคารด้วยค่ะ
มีคำถามสอบถามมาทางคอมเม้นได้นะคะ ขอบคุณค่ะ
เตือนภัยรอบสองค่ะ !!! เราโดนอีกแล้ว บัตรเครดิตโดนหัก รอบนี้ประมาณ 20,000 บาท โดนหักจาก Apple Korea ค่ะ
นี่กระทู้แรกเราค่ะ
https://ppantip.com/topic/40434695/comment13?utm_source=newsletter&utm_medium=email&utm_campaign=newcomment&utm_content=40434695
รอบนี้ประมาณสองหมื่นกว่าบาทค่ะ (21,020.85 บาท)
ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2565 เวลา 21.18 น. (ตามที่ข้อความแจ้งเข้ามาในมือถือ)
เนื่องด้วยเรามาจับโทรศัพท์ตอนประมาณสี่ทุ่มกว่า เจอข้อความ SMS เข้ามาในมือถือว่าบัตรโดนรูดใช้งานไป
จำนวน 769,000.00 KRW (วอน) จาก Apple Korea ค่ะ เราด้วยความเจออีกแล้ว เลยทำการโทรหาธนาคารเพื่ออายัดบัตรและปฏิเสธรายการทันทีค่ะ !!!
เหมือนเรารู้ว่าต้องทำอย่างไรก่อนเพราะเคยเจอมาเมื่อต้นปีที่แล้ว
หลังจากนั้นทำการสอบถามธนาคารเหมือนรอบแรกว่าเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง
โอกาสของความผิดพลาดนี้มาจากไหน เพราะรอบที่แล้วเราโดนหักจาก FACEBOOK รอบนั้นเราไม่เคยผูกบัตรกับทางแอพเลย
แต่รอบนี้ธนาคารสอบถามว่าเราเคยทำธุรกรรม ผ่านอินเตอร์เน็ตกับทาง Apple มั้ย
ขอตอบเลยว่า "เคยค่ะ" เพราะก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้สะดวกเดินทางไปที่ apple แล้วก็ตอนนั้นมีการรอของจาก apple ด้วยเลยทำการทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ไป แต่ตอนนั้นเหมือนจะเป็นการโทรติดต่อไปทาง apple ค่ะ เราคิดว่า apple save เราในการทำธุรกรรมในระดับนึงเลย
ทางเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าที่เราเจอรอบนี้ เราขอบอกว่าเราไม่ประทับใจเลยค่ะ ให้ข้อมูลแบบขอไปที เราได้ยินเสียงถอนหายใจจากปลายสาย
เหมือนไม่สบอารมณ์ เรามองว่าดีที่เราเคยเจอเลยรู้ว่าต้องทำยังไง เราก็ถามย้ำถึงข้อมูล และรายละเอียดที่เราต้องรู้ พร้อมทั้งถามในกรณีฉุกเฉินแบบเราจะรู้ได้ยังไง แม้รู้แก่ใจเรื่องการดำเนินการของธนาคารว่าเป็นยังไง ก็อยากลองศึกษา
พนักงานบริการรอบนี้เรายอมรับว่าเฟลนะคะ เราประเมินปรับปรุงทางปลายสายไปแล้วค่ะ
ทางพนักงานบริการลูกค้าผ่าน call center เราขอตอบแบบเราขอรวบรัดไปเลยนะคะ เพราะเราจำคำพูดพูดไม่ได้ทั้งหมด ทางธนาคารตอบมาประมาณว่าลูกค้าเคยทำธุรกรรมผ่านทางอินเตอร์เน็ต ทางเราก็ไม่รู้วิธีการของมิชฉาชีพ เลยไม่รู้ว่าเอาไปได้ยังไง คือเราไม่ได้อยากรู้ว่าเอาไปได้ยังไง เราแค่อยากรู้วิธีการป้องกันอยากฟังของฝั่งธนาคาร และตัวเราเองว่าควรทำอย่างไร การที่เราผูกบัตรเครดิตผ่านออนไลน์ บางทีมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ค่ะ บางคนมันก็ต้องทำ ใจจริงมันก็อยากเดินไปรูดบัตรด้วยตัวเองนั่นแหละค่ะ ทั้งนี้ธนาคารตอบคือมันเสี่ยงอยู่แล้วค่ะคุณลูกค้า เพราะผูกธุรกรรมบัตรผ่านออนไลน์
เราคือ.....แบบถ้าไม่อยากให้ผูกก็ไม่ต้องมีระบบนี้ดีมั้ยคะหรือยังไง
เราจะเขียน step คร่าวๆให้เพื่อเป็นแนวทางนะคะ
1. ทำการโทรไปอายัดบัตร ธนาคารจะถามเหตุผลก็แจ้งไปตามจริงค่ะ ว่าบัตรโดนรูดไป พร้อมทั้งปฏิเสธรายการที่โดนรูดไปเลยค่ะ
2. ธนาคารจะทำการส่งบัตรมาให้ใหม่เป็นบัตรใหม่ อะไรที่เคยผูกไว้กับบัตรเก่าทุกอย่าง ประวัติทุกอย่างจะหายไปนะคะ
(ส่วนบางคน อาจจะมียอดที่เราทั้งใช้จริง และถูกรูดโดยไม่ได้เกิดจากเราใช่มั้ยคะ ให้เราปฏิเสธแค่ยอดที่เราไม่ได้ใช้ค่ะ เดี๋ยวธนาคารจะตรวจสอบแล้วโอนข้อมูลที่เราใช้จริงและวงเงินที่คงเหลือไว้ที่บัตรใหม่ค่ะ)
3. ธนาคารแจ้งว่าบัตรใหม่จะดำเนินการส่งมาภายใน 10 วันค่ะ (ถ้าเราจำผิดขออภัยนะคะ ตอนนั้นเฟลกับการตอบของพนักงานค่ะ) และรหัสจะส่งมาทีหลัง เป็นรหัสที่เราจะใช้กดเงินจากบัตรค่ะ ธนาคารแจ้งมาแบบนี้ ทั้งๆที่เราก็งงว่า เราใช้บัตรเครดิตไม่ใช่บัตรกดเงินสด เราไม่เคยใช้รหัสไรเลย นอกจาก PIN ที่มีแค่เราที่รู้ อันนี้เพิ่มเติมใครพอรู้ข้อมูลแนะนำเราได้ค่ะ เผื่อเราเข้าใจผิด
4. รอค่ะ เป็นเวลา 21 วัน จะมี SMS ส่งเข้ามาแจ้งเรา อันนั้นธนาคารแจ้งเรามาค่ะ ว่าเราต้องจ่ายหรือไม่ต้องจ่ายยอดที่เราปฏิเสธไป เราสอบถามธนาคารคือสรุปได้แค่ว่า คอลเซนเตอร์รับเรื่องนะ จะส่งเรื่องต่อเรื่องของเรา ใดๆก็ต้องรอนะ call center ช่วยได้แค่นี้ อันนี้ที่เราได้รับสารมา แบบเราเฟลๆหน่อยๆ ถึงเราจะรู้ถึงวิธีดำเนินการก็เฟลแหละ พูดแบบนี้ ใช่เพราะเราเคยเจอ เราเลยพอจะมีสติ คนที่ไม่เคยเจอล่ะ เขาจะรู้วิธีดำเนินอะไรต่างๆมั้ย ยอมรับนะคะว่ารอบแรกที่เราโดน เราเครียดมาก ยอดไรเป็นหมื่นไม่ได้รูด เราโทรหาธนาคารบ่อยมาก ธนาคารคุยกับเราดีมากค่ะ ต่างจากครั้งนี้ชัดเจน
5. เราถามย้ำๆว่า worst case ที่สุดสมมติเราต้องจ่ายเงินยอดนั้นล่ะ ทั้งๆที่วันนี้เราปฏิเสธไปแล้ว ธนาคารมีวิธีรับมือและแจ้งข่าวสารเรายังไง มาพร้อมการตอบแบบไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ตอบแบบรำคาญเรา เราว่าเรามีสติกว่ารอบแรกมาก ธนาคารบอกเราว่าเป็นยอดที่รอดำเนินการ ยังไม่ตัดจากบัตรคุณลูกค้า เดี๋ยวยังไง apple ก็ต้องมายืนยันกับทางธนาคารอยู่ดี เราไม่ต้องกังวลว่าเราจะต้องจ่ายยอดนั้น อันนี้จากพาทที่คุยนะคะ
แต่ ! เรารู้สึกครั้งนี้ของเรามันไม่เหมือนกับครั้งแรกของเราเลยคือ มันเหมือนเราใช้บัตรรูดซื้อของไปจริงๆอ่าค่ะ มันจะมี SMS หรืออะไรต่างๆเข้ามาเตือนเราหมดเลย ไม่เหมือนรอบแรกของเราที่ไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ มีแค่เราเข้าไปเห็นเงินหาย แต่รอบนี้ยอมรับว่ามิชฉาชีพเขาพัฒนามาก พัฒนาไปไกลเลย
ทางที่ดีที่สุดที่ทางธนาคารแนะนำมาคือไม่อยากให้เราทำธุรกรรมผูกบัตรไว้กับแอพต่างๆ หรือทางอินเตอร์เน็ต เพราะเสี่ยงที่สุด ถ้าเรามองหลายๆมุมนะคะ คือเราจะมาตีกรอบจำกัดแค่ว่าห้ามๆ เลี่ยงๆ คือบางคนมันก็ต้องจ่ายผ่านระบบอินเตอร์เน็ตกันหรือทำธุรกรรมอื่นๆผ่านทางนี้ ความจำเป็นคนเราไม่เท่ากัน อยากให้ธนาคารช่วยป้องกันการเข้าถึงข้อมูลมากกว่านี้ค่ะ ถ้าเลี่ยงไม่ให้ใช้ผูกออนไลน์เลย แล้วเราจะมีการใช้จ่ายผ่านทางนี้ไปทำไมกันคะ อันนี้ฝากเป็นข้อคิดให้กับทางธนาคารและข้อระมัดระวังตัวของผู้ใช้บัตรทุกท่านด้วยค่ะ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะคะที่จะผูกกับแอพส้มแอพฟ้าต่างๆ หรือทำธุรกรรมผ่านทางออนไลน์ เลี่ยงไม่ได้ก็ต้องเป็นธนาคารนะคะที่ต้องเข้ามามีบทบาทดูแลตรงนี้ ครั้งนี้เราไม่โทษว่าเป็นความผิดธนาคารนะคะ แต่ฝากเป็นกรณีศึกษาอีกเช่นเคยค่ะ เพราะเราเจอ 2 ครั้งแล้ว จนไม่อยากเจอ อยากย้ายธนาคารแล้ว ถ้าระบบความปลอดภัยมันแย่ขนาดนี้ ฝากด้วยค่ะ
PS : ทำไมเราโดนแล้วเรายังใช้ ของตอบก่อนว่าครั้งแรกนั้นเราประทับใจ ทาง call center ระบบดูแลลูกค้าของธนาคารนี้เราประทับใจที่
โทรติดต่อตอนไหน พนักงานก็รับแม้ไม่ใช่เวลาทำการค่ะ ไม่งั้นเราย้ายล่ะ
เราขออ้างอิงเหตุผลส่วนตัวว่าทำไมเราถึงใช้ของธนาคารนี้นะคะ เรารู้สึกว่าฟังก์ชั่นของธนาคารตอบโจทย์การใช้ชีวิตเราค่ะ
และตอนเราทำเราประทับใจคนที่ดำเนินการบัตรเครดิตมากของเรามากค่ะ แบบเราศึกษาข้อมูลไปในระดับนึงก่อนทำบัตร พอไปทำเขาก็แจ้งข้อมูลละเอียดมาก (ตอนเราพาคนรู้จักไปทำยังไม่ละเอียดเท่าเราเลยค่ะ) เรามีข้อสงสัย พร้อมบอกไปว่าไม่ยินยอมให้เบอร์เรากับประกันนะ ก็ไม่เคยได้รับโทรศัพท์จากประกันเลย นอกจากบริษัทประกันที่เคยสมัครไว้ค่ะ ทั้งเราก็อยู่กับธนาคารนี้มานาน แต่รอบนี้ยอมรับค่ะ ว่าการบริการมีผลต่อจิตใจนะคะ ฝากทางธนาคารในการดูแลลูกค้ามากกว่านี้ด้วยค่ะ ไม่ใช่แค่เราแต่หมายถึงเคสอื่นๆที่อาจจะเกิดในอนาคตด้วยค่ะ อยากให้แจ้งข้อมูลแบบละเอียดและตั้งใจช่วยเหลือมากกว่านี้ เพราะว่าแค่โดนโกงคนเราก็สติแตกไปแล้วค่ะ เรายังคิดถึงการบริการแก้ปัญหารอบแรกมาก แต่ผ่านไปหนึ่งปีทุกอย่างกลับแย่ลง และเราโดนโกงเงินอีกแล้วเราก็เฟลนะคะ ฝากเป็นข้อคิดแก่ธนาคารและผู้อ่านทุกท่านด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
ฝากกระทู้นี้เป็นข้อคิดอีกต่อผู้ใช้งานต่างๆและธนาคารด้วยค่ะ
มีคำถามสอบถามมาทางคอมเม้นได้นะคะ ขอบคุณค่ะ