10. อย่างที่อยากจะบอกกับคนที่มีแผนจะเปิดร้านอาหารหรือ ร้านกาแฟ
1. ถ้าดู Itaewon class แล้วมี passion อยากจะลุกมาเปิดร้านอาหาร หรือ ผับ หรือ อยากเป็นเจ้าของร้านกาแฟนั่งสวยๆ ตามความฝันวัยใส เหมือน coffee prince ให้ดูกระจกแล้วตบหน้าตัวเอง อันนั้นมันหนัง ดูสภาพเราก่อน
2. ถ้าตบหน้าแล้วยังไม่ได้สติ ให้ดูเงินในกระเป๋า คุณพร้อมจะละลายเงินก้อน ถ้าร้านมันไปไม่รอดไหม จริงๆแล้ว อยากจะบอกว่าควรมีกระเป๋าสำรองใบที่ สอง และ สาม เพื่อกรณีไปไม่รอด หรือ อยู่แบบร่อแร่ แต่อยากลุ้นด้วย
3. ถ้าใจมันยังสั่งให้ทำ ก็เตรียมลาจากชีวิตเดิมๆ (จะคุณหนูหรือ มนุษย์เงินเดือนก็แล้วแต่) แล้วเตรียมมาเป็น กุลี คุณต้องทำทุกอย่าง ลวกก๋วยเตียว ถูพื้น เก็บขยะ ล้างหม้อ ต้องทำทุกอย่างให้เป็น เรียบร้อย และเร็วมากๆ ถ้าลูกน้องลาป่วย กะทันหัน งานจะหนัก คูณสอง
4. แผนการตลาดที่สวยหรู หรือ แผนการเงินที่รัดกุม ฯลฯ กับความเป็นจริง มักจะเดินสวนทางกันตลอด
5. ลูกค้าใหม่ๆ เป็นสิ่งที่ดี แต่ลูกค้าเก่า กลับมาซ้ำเป็นสิ่งที่ดีกว่า แสดงว่าร้านเรา โอเค ไม่ได้ วูบวาบตามกระแส หรือ แวะมาแค่ถ่ายรูปลงเฟส แล้วไม่มาอีกเลย
6. พฤติกรรมลูกค้า คาดเดาอยากมากๆ อันที่เราว่าดี ลูกค้า เฉยๆ แต่ดันชอบอะไรที่เรานึกไม่ถึงก็มี ไม่ต้องไปพยายามทำความเข้าใจ
7. ต้นทุนที่คาด มันจะสูงกว่าที่คิดไว้เสมอ และเป็นแทบทุกอย่าง เช่น อาทิตที่แล้ว ผักบุ้ง มัดละ 100 บาท อาทิตนี้ ขึ้นไป 130 บาท วันที่เขียน ขยับไป 150 บาท ทุกร้านราคานี้หมด ไม่ซื้อก็ไม่ได้
8 เพื่อนๆ เวลามาชิม มักจะเกรงใจ และบอกว่า อาหารเราอร่อยเสมอ ให้คิดว่า เค้ามีนิสัยดีและมีมารยาท แต่ถ้าอยากจะเปิดร้านรอด อาหารเราต้องอร่อยระดับเกินปกติ จริงๆ ไม่ใช่กินที่ไหนก็รสประมาณนี้ หรือ รสกลางๆ ไม่มีอะไรเด่น
9 ถ้าเปิดร้านแล้ว คิดว่าไม่ไหว อย่าฝีน cut loss ให้ไว แต่ละคนมักจะเข้าข้างตัวเอง ให้คิดง่ายๆ รายได้ แต่ละเดือน อย่างน้อยควรพอกับ fix cost (ขาดทุน variable cost ยังพอมีลุ้น) แต่ถ้า fix cost ก็ยังไม่พอ ให้เลิกเถอะ รอดยากมากๆ
10. คนทำร้านอาหาร แทบจะเห็นเงินทุกวัน วันไหนดี วันไหนแย่ หรือ วันไหนเสมอตัว เปิดร้านไปสักพัก จะ เตรียมต้นทุน สต็อกของเริ่มเป็น เริ่มแรกๆ ส่วนใหญ่จะเตรียมไว้เยอะเกิน กลัวไม่มีขาย แต่ตามจริง ร้านส่วนใหญ่ ลูกค้ามันจะน้อยกว่าที่คาดเสมอ
11. ข้อนี้แถม เตือนตัวเองด้วย ถ้าวันไหน ยอดน้อย คนจิตอ่อนอาจจิตตก หรือ วันไหน ยอดเยอะจะดีใจจนนอนไม่หลับ ถ้าเราโชคดี ร้านเราขายดีและอยู่รอด ถือว่าคุณเก่งมากๆ เพราะมีร้านเปิดใหม่มากมาย (รวมถึงร้านที่เปิดมาสักพัก) ถ้าดูจากจำนวนลูกค้าที่เข้าร้าน ไม่น่าจะเหลือกำไร ที่เจอมาหลายร้านแฟรนไซต์ ลงทุนหลักหลายล้าน มีคนเข้าร้านพอสมควร แต่จริงๆ แล้ว ยังไม่ถึงขั้นต่ำของแผนการลงทุน ( breakeven point) ด้วยซ้ำ ที่รู้เพราะสนใจอยู่หลายตัว แต่พอรู้รายละเอียดแล้วต้องถอย เหมือนทำให้ เจ้าของ แฟรนไซต์รวย แต่ คนซื้อแฟรนไซต์มา ต้องไปวัดดวงเอง ไรงี้
เพื่งเปิดร้านขายอาหาร อยากจะบอกเพื่อนๆว่า passion อย่างเดียวมันไม่พอ
1. ถ้าดู Itaewon class แล้วมี passion อยากจะลุกมาเปิดร้านอาหาร หรือ ผับ หรือ อยากเป็นเจ้าของร้านกาแฟนั่งสวยๆ ตามความฝันวัยใส เหมือน coffee prince ให้ดูกระจกแล้วตบหน้าตัวเอง อันนั้นมันหนัง ดูสภาพเราก่อน
2. ถ้าตบหน้าแล้วยังไม่ได้สติ ให้ดูเงินในกระเป๋า คุณพร้อมจะละลายเงินก้อน ถ้าร้านมันไปไม่รอดไหม จริงๆแล้ว อยากจะบอกว่าควรมีกระเป๋าสำรองใบที่ สอง และ สาม เพื่อกรณีไปไม่รอด หรือ อยู่แบบร่อแร่ แต่อยากลุ้นด้วย
3. ถ้าใจมันยังสั่งให้ทำ ก็เตรียมลาจากชีวิตเดิมๆ (จะคุณหนูหรือ มนุษย์เงินเดือนก็แล้วแต่) แล้วเตรียมมาเป็น กุลี คุณต้องทำทุกอย่าง ลวกก๋วยเตียว ถูพื้น เก็บขยะ ล้างหม้อ ต้องทำทุกอย่างให้เป็น เรียบร้อย และเร็วมากๆ ถ้าลูกน้องลาป่วย กะทันหัน งานจะหนัก คูณสอง
4. แผนการตลาดที่สวยหรู หรือ แผนการเงินที่รัดกุม ฯลฯ กับความเป็นจริง มักจะเดินสวนทางกันตลอด
5. ลูกค้าใหม่ๆ เป็นสิ่งที่ดี แต่ลูกค้าเก่า กลับมาซ้ำเป็นสิ่งที่ดีกว่า แสดงว่าร้านเรา โอเค ไม่ได้ วูบวาบตามกระแส หรือ แวะมาแค่ถ่ายรูปลงเฟส แล้วไม่มาอีกเลย
6. พฤติกรรมลูกค้า คาดเดาอยากมากๆ อันที่เราว่าดี ลูกค้า เฉยๆ แต่ดันชอบอะไรที่เรานึกไม่ถึงก็มี ไม่ต้องไปพยายามทำความเข้าใจ
7. ต้นทุนที่คาด มันจะสูงกว่าที่คิดไว้เสมอ และเป็นแทบทุกอย่าง เช่น อาทิตที่แล้ว ผักบุ้ง มัดละ 100 บาท อาทิตนี้ ขึ้นไป 130 บาท วันที่เขียน ขยับไป 150 บาท ทุกร้านราคานี้หมด ไม่ซื้อก็ไม่ได้
8 เพื่อนๆ เวลามาชิม มักจะเกรงใจ และบอกว่า อาหารเราอร่อยเสมอ ให้คิดว่า เค้ามีนิสัยดีและมีมารยาท แต่ถ้าอยากจะเปิดร้านรอด อาหารเราต้องอร่อยระดับเกินปกติ จริงๆ ไม่ใช่กินที่ไหนก็รสประมาณนี้ หรือ รสกลางๆ ไม่มีอะไรเด่น
9 ถ้าเปิดร้านแล้ว คิดว่าไม่ไหว อย่าฝีน cut loss ให้ไว แต่ละคนมักจะเข้าข้างตัวเอง ให้คิดง่ายๆ รายได้ แต่ละเดือน อย่างน้อยควรพอกับ fix cost (ขาดทุน variable cost ยังพอมีลุ้น) แต่ถ้า fix cost ก็ยังไม่พอ ให้เลิกเถอะ รอดยากมากๆ
10. คนทำร้านอาหาร แทบจะเห็นเงินทุกวัน วันไหนดี วันไหนแย่ หรือ วันไหนเสมอตัว เปิดร้านไปสักพัก จะ เตรียมต้นทุน สต็อกของเริ่มเป็น เริ่มแรกๆ ส่วนใหญ่จะเตรียมไว้เยอะเกิน กลัวไม่มีขาย แต่ตามจริง ร้านส่วนใหญ่ ลูกค้ามันจะน้อยกว่าที่คาดเสมอ
11. ข้อนี้แถม เตือนตัวเองด้วย ถ้าวันไหน ยอดน้อย คนจิตอ่อนอาจจิตตก หรือ วันไหน ยอดเยอะจะดีใจจนนอนไม่หลับ ถ้าเราโชคดี ร้านเราขายดีและอยู่รอด ถือว่าคุณเก่งมากๆ เพราะมีร้านเปิดใหม่มากมาย (รวมถึงร้านที่เปิดมาสักพัก) ถ้าดูจากจำนวนลูกค้าที่เข้าร้าน ไม่น่าจะเหลือกำไร ที่เจอมาหลายร้านแฟรนไซต์ ลงทุนหลักหลายล้าน มีคนเข้าร้านพอสมควร แต่จริงๆ แล้ว ยังไม่ถึงขั้นต่ำของแผนการลงทุน ( breakeven point) ด้วยซ้ำ ที่รู้เพราะสนใจอยู่หลายตัว แต่พอรู้รายละเอียดแล้วต้องถอย เหมือนทำให้ เจ้าของ แฟรนไซต์รวย แต่ คนซื้อแฟรนไซต์มา ต้องไปวัดดวงเอง ไรงี้