เราเริ่มเป็นช่างต่อขนตาจริงจังมาประมาณ 3 เดือน (ไม่รวมช่วงฝึก) ข้อดีของการทำอาชีพนี้มันเข้ากับ lifestyle ของเรามากๆ เราสามารถ manage เวลาในการทำงานเองได้ เราจะว่างในเวลาที่ลูกค้าส่วนใหญ่ทำงาน มีเวลาไปใช้ชีวิต ออกกำลังกายได้ ไม่ต้องนั่งรถติดในเวลาเร่งด่วน กับอีกเหตุผลนึงคือเราเป็นคนชอบเสริมสวยให้คนอื่นมาตั้งแต่มหาลัย จะชอบกันคิ้วหรือรับแต่งหน้าให้คนนู้นคนนี้ อาชีพนี้เลยใช่มากๆ สำหรับเรา
เราไม่ได้ทำงานให้กับร้านเสริมสวยใดๆ เรารับลูกค้าเองเป็น Freelance เริ่มจากลูกค้าอาทิตย์ละคน ทำการตลาดเอง จนตอนนี้ เรามีลูกค้าทุกวัน เฉลี่ยวันละ 2 คน ซึ่งเวลาในการนั่งต่อขนตาเฉลี่ยประมาณ 6 ชม./วัน ต้องบอกว่าสิ่งที่ทุกคนไม่รู้ คือการเป็นช่างต่อขนตาเป็นอีก 1 อาชีพ ที่ต้องใช้สายตาเป็นอย่างมาก ตั้งแต่การแยกขนตาจริงลูกค้าออกมาทีละเส้น แล้วค่อยๆต่อขนตาปลอมเข้าไป อีกทั้งเวลาที่เราต่อขนตา บางครั้งไอกาวมักจะระเหยเข้าตาจนแสบตาไปหมด (ไอที่ระเหยออกมาจากตัวกาว เมื่อกาวแห้ง) แล้วที่หนักที่สุดคือเราต้องอาศัยแสงไฟที่สว่างมากๆในการต่อขนตาให้ลูกค้า นั่งอยู่ใต้แสงไฟสว่างจ้าเฉลี่ยวันละ 6 ชั่วโมง วันไหนที่เรารับลูกค้าหลายคน ตั้งแต่คนที่ 3 ของวัน เราจะเริ่มมีอาการตาพร่ามัว ซึ่งอาหารนี้เราลองใส่น้ำตาเทียมแล้ว ไม่ช่วยเลย ยิ่งพร่ามัวมากกว่าเดิม ไม่สามารถโฟกัสภาพขนตาที่อยู่ตรงหน้าได้
บอกเลยว่ารายได้ในการทำขนตาดีมาก แต่เราก็ใช้เงินไปกับการหาหมอด้วย หมอก็แนะนำอะไรมากไม่ได้ เพราะว่าอาการของเรามันเกิดขึ้นจากลักษณะนิสัยการใช้สายตาในชีวิตประจำวันของเรา หมอก็ได้แต่เตือนว่าให้เลี่ยงการใช้สายตา และพักสายตาระหว่างวันบ่อยๆ ไม่ให้เป็นอะไรร้ายแรงไปมากกว่านี้ เราก็เลยต้องป้องกันตัวเอง เริ่มจากการใส่แว่นกันลม เพื่อป้องกันไอกาวที่มีโอกาสระหายเข้าตาเราได้ ลงทุนซื้อไฟแบบที่ปรับระดับแสงและถนอมสายตา มันดีขึ้นนะ วันไหนที่เรามีเคสเยอะ ตาเราไม่ค่อยพร่ามัวแล้ว กับอีกอย่างที่เราเชื่อว่ามีส่วนช่วยมากๆ เลย คือเราทานวิตามินที่ช่วยบำรุงสายตาของ เยสแคร์ จาก เรียล อิลิคเซอร์ ที่ซื้อมาจากไลฟ์สดของพี่ยุ้ย จีรนันท์ มะโนแจ่ม พี่ยุ้ยเธอเล่าว่า เธอเองก็มีปัญหาสายตาจนต้องหยุดถ่ายละครไปช่วงนึงเลย เพราะการเป็นนักแสดงก็ต้องใช้สายตาภายใต้แสงไฟเยอะมากๆเหมือนกัน ก็เลยรู้สึกว่าน่าจะตอบโจทย์เราเหมือนกัน ตอนนี้เราทานมาได้ 2 อาทิตย์ ก็รู้สึกว่าเออ สายตาเราดีขึ้นจริงๆนะ
ใครที่มีประสบการณ์การเป็นช่างต่อขนตา หรืออาชีพที่ต้องใช้สายตามากๆ มาแชร์กันหน่อยค่ะว่ามีวิธีดูแลสุขภาพดวงตาอย่างไรกันบ้าง
แชร์ประสบการณ์ช่างต่อขนตารายได้ดี แต่ไม่รู้ว่าคุ้มเสียสุขภาพดวงตาไหม
เราไม่ได้ทำงานให้กับร้านเสริมสวยใดๆ เรารับลูกค้าเองเป็น Freelance เริ่มจากลูกค้าอาทิตย์ละคน ทำการตลาดเอง จนตอนนี้ เรามีลูกค้าทุกวัน เฉลี่ยวันละ 2 คน ซึ่งเวลาในการนั่งต่อขนตาเฉลี่ยประมาณ 6 ชม./วัน ต้องบอกว่าสิ่งที่ทุกคนไม่รู้ คือการเป็นช่างต่อขนตาเป็นอีก 1 อาชีพ ที่ต้องใช้สายตาเป็นอย่างมาก ตั้งแต่การแยกขนตาจริงลูกค้าออกมาทีละเส้น แล้วค่อยๆต่อขนตาปลอมเข้าไป อีกทั้งเวลาที่เราต่อขนตา บางครั้งไอกาวมักจะระเหยเข้าตาจนแสบตาไปหมด (ไอที่ระเหยออกมาจากตัวกาว เมื่อกาวแห้ง) แล้วที่หนักที่สุดคือเราต้องอาศัยแสงไฟที่สว่างมากๆในการต่อขนตาให้ลูกค้า นั่งอยู่ใต้แสงไฟสว่างจ้าเฉลี่ยวันละ 6 ชั่วโมง วันไหนที่เรารับลูกค้าหลายคน ตั้งแต่คนที่ 3 ของวัน เราจะเริ่มมีอาการตาพร่ามัว ซึ่งอาหารนี้เราลองใส่น้ำตาเทียมแล้ว ไม่ช่วยเลย ยิ่งพร่ามัวมากกว่าเดิม ไม่สามารถโฟกัสภาพขนตาที่อยู่ตรงหน้าได้
บอกเลยว่ารายได้ในการทำขนตาดีมาก แต่เราก็ใช้เงินไปกับการหาหมอด้วย หมอก็แนะนำอะไรมากไม่ได้ เพราะว่าอาการของเรามันเกิดขึ้นจากลักษณะนิสัยการใช้สายตาในชีวิตประจำวันของเรา หมอก็ได้แต่เตือนว่าให้เลี่ยงการใช้สายตา และพักสายตาระหว่างวันบ่อยๆ ไม่ให้เป็นอะไรร้ายแรงไปมากกว่านี้ เราก็เลยต้องป้องกันตัวเอง เริ่มจากการใส่แว่นกันลม เพื่อป้องกันไอกาวที่มีโอกาสระหายเข้าตาเราได้ ลงทุนซื้อไฟแบบที่ปรับระดับแสงและถนอมสายตา มันดีขึ้นนะ วันไหนที่เรามีเคสเยอะ ตาเราไม่ค่อยพร่ามัวแล้ว กับอีกอย่างที่เราเชื่อว่ามีส่วนช่วยมากๆ เลย คือเราทานวิตามินที่ช่วยบำรุงสายตาของ เยสแคร์ จาก เรียล อิลิคเซอร์ ที่ซื้อมาจากไลฟ์สดของพี่ยุ้ย จีรนันท์ มะโนแจ่ม พี่ยุ้ยเธอเล่าว่า เธอเองก็มีปัญหาสายตาจนต้องหยุดถ่ายละครไปช่วงนึงเลย เพราะการเป็นนักแสดงก็ต้องใช้สายตาภายใต้แสงไฟเยอะมากๆเหมือนกัน ก็เลยรู้สึกว่าน่าจะตอบโจทย์เราเหมือนกัน ตอนนี้เราทานมาได้ 2 อาทิตย์ ก็รู้สึกว่าเออ สายตาเราดีขึ้นจริงๆนะ
ใครที่มีประสบการณ์การเป็นช่างต่อขนตา หรืออาชีพที่ต้องใช้สายตามากๆ มาแชร์กันหน่อยค่ะว่ามีวิธีดูแลสุขภาพดวงตาอย่างไรกันบ้าง