‘แม้ว-ปู-เจ๊แดง’ ส่อรอดจีทูจี2-หมอโด่ง-บ.เอกชนติดบ่วง ปปช.ชี้มูลพิษจำนำข้าว-นัดตัดสินคดีมันเส้น 21 ธ.ค.นี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3734324
‘แม้ว-ปู-เจ๊แดง’ ส่อรอดจีทูจี 2-หมอโด่ง-บ.เอกชนติดบ่วง ปปช.ชี้มูล ‘พิษจำนำข้าว’-มันเส้นนัดตัดสินคดี 21 ธ.ค.นี้
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.วันเดียวกัน มีการพิจารณาคดีกล่าวหาคดีระบายข้าวแบบจีทูจีภาคสอง ที่มีการกล่าวหา นาย
บุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวก เช่น นาย
ทักษิณ ชินวัตร น.ส.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนาง
เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นต้น
โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีการชี้มูลความผิด พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ กับพวก เช่น กลุ่มเอกชน ฐานสนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ขณะที่ในส่วนอดีตข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ นางปราณี ศิริพันธุ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ถูกชี้มูลความผิดแค่ทางวินัยร้ายแรง แต่ไม่โดนคดีอาญา เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำผิดในลักษณะประมาทเลินเล่อ ไม่ตรวจสอบสัญญาการซื้อขายให้รอบคอบว่ารัฐวิสาหกิจจีน 4 แห่ง ที่มาซื้อข้าวจีทูจีนั้นได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการจากจีนหรือไม่
ส่วนบรรดานักการเมืองที่ถูกกล่าวหา เช่น นายบุญทรง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ นาย
ทักษิณ ชินวัตร น.ส.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2 อดีตนายกฯ และนาง
เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ประชุมมีมติตีตกข้อกล่าวหา ทั้งนี้ ในส่วนของนาย
บุญทรง ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย โดยกรรมการ ป.ป.ช.บางรายเห็นว่าการกันตัวนายบุญทรงไว้เป็นพยานนั้น อาจไม่ชอบด้วยข้อกฎหมาย เนื่องจากเคยตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาและจำเลยในคดีข้าวจีทูจีภาคแรก อาจขัดกับหลักการ
อย่างไรก็ดี ที่ประชุมมีมติ 6 ต่อ 1 เห็นว่าให้กันตัวนาย
บุญทรงเป็นพยาน จึงไม่ถูกชี้มูลความผิดในครั้งนี้ ส่วนกรณีนาย
ทักษิณ น.ส.
ยิ่งลักษณ์ และนาง
เยาวภานั้น เคยตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาคดีระบายข้าวจีทูจีภาคแรกมาแล้ว และคณะกรรมการ ป.ป.ช.ขณะนั้นมีมติไม่แจ้งข้อกล่าวหา ดังนั้น การนำบุคคลทั้ง 3 รายมาแจ้งข้อกล่าวหา และพิจารณาอีกครั้ง เข้าข่ายไม่ชอบด้วยข้อกฎหมาย และเป็นการฟ้องซ้ำ
ส่วนที่มีการกล่าวอ้างของนาย
บุญทรงที่ระบุว่า มีเทปบันทึกการสนทนาลับที่โรงแรมชื่อดังระหว่างนาย
ทักษิณที่โฟนอินเข้ามาหานาย
บุญทรง น.ส.
ยิ่งลักษณ์ และนาง
เยาวภา เพื่อสั่งการระบายข้าวจีทูจีนั้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นเพียงการกล่าวอ้างของนาย
บุญทรง ไม่มีเทปลับบทสนทนาดังกล่าวอยู่จริง จึงไม่มีพยานหลักฐานใหม่ที่จะนำตัวบุคคลทั้ง 3 มาพิจารณา ให้ข้อกล่าวหาตกไป
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ส่วนกรณีกล่าวหาการซื้อขายมันสำปะหลังแบบจีทูจี 3 สำนวน คือ
1. กรณีกล่าวหานาง
พรทิวา นาคาศัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวก
2. กรณีกล่าวหานาย
บุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวก
3. กรณีกล่าวหานาย
ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี กับพวกนั้น
มีการเลื่อนพิจารณาออกไปเป็นวันที่ 21 ธ.ค.65
ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย สงขลา ลุยพื้นที่น้ำท่วม รวมปัญหาชงเข้าแผนพัฒนาเขต ศก.ใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3734448
‘ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย สงขลา’ ลุยลงพื้นน้ำท่วม รวบรวมปัญหาชงเข้าแผนนโยบานพัฒนาเขตเศรษฐกิจใหม่พรรค
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ร.ต.ท.
ชนาธิป สันติภราภพ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 2 พรรคเพื่อไทย (พท.) ลงพื้นที่ชุมชนบางแฟบ เพื่อพบปะพูดคุยพี่น้องประชาชนในละแวกชุมชนหาดใหญ่ใน พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำในคลอง ร.1 ซึ่งเป็นคลองที่บายพาสน้ำออกจากตัวเมืองหาดใหญ่ ปรากฏว่าสถานการณ์น้ำอยู่ในระดับการเฝ้าระวัง ต่อมาได้ลงพื้นที่ชุมชนภาสว่าง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมสิ่งของได้รับความเสียหาย จึงได้ให้คำแนะนำให้ประชาชนที่ได้รับความผลกระทบในครั้งนี้ทำการบันทึกภาพเก็บไว้เพื่อนำเรื่องไปแจ้งต่อเทศบาลนครหาดใหญ่เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อประชาชน
จากนั้นลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณคลองต่างๆ ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ที่เป็นคลองสำคัญประกอบด้วย คลองอู่ตะเภา, คลอง ร.1, 3, 4, 5, 6 เป็นต้น โดยคลองเหล่านี้ส่งผลต่อปริมาณน้ำในตัวเมืองหาดใหญ่อย่างมาก หากน้ำในคลองเหล่านี้มีปริมาณน้ำมาก และอยู่ในสถานการณ์เฝ้าระวังในตัวเมืองก็ต้องเตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง แต่ขณะนี้มีการเร่งระบายออกไปสู่ทะเลสาบสงขลาทำให้ปริมาณน้ำอยู่ในสถานการณ์ปกติ แต่หากฝนตกหนักลงมาซ้ำอีกจะต้องรีบมาติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง
ต่อมา ร.ต.ท.
ชนาธิป ลงพื้นเส้นถนนกาญจนวินิช หน้าค่ายเสนาณรงค์ซึ่งเป็นถนนที่มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองหาดใหญ่ ที่ก่อนหน้านี้มีภาพปรากฏว่าน้ำท่วมขังพบว่าปัญหาเกิดจากมวลน้ำจากเขาคอหงส์บวกกับจำนวนปริมาณฝนที่ตกหนักลงอย่างต่อเนื่อง และน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขาสูงลงมาสู่บริเวณที่โล่งกว้างและพื้นที่ต่ำ ทำให้น้ำไม่สามารถระบายได้ทัน อีกทั้งคู่ระบายน้ำมีขนาดเล็กไม่สามารถรองรับกับจำนวนน้ำที่ไหลมาได้ จึงทำให้ไหลท่วมถนนและไหลท่วมชุมชนและหมู่บ้านบริเวณนั้น อย่างไรก็ตาม ตนและคณะได้รวบรวมปัญหา และข้อกังวล รวมถึงความเดือนร้อนของประชาชน พร้อมเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนชาวสงขลาอย่างเต็มที่
“
จ.สงขลา โดยเฉพาะ อ.หาดใหญ่ จัดเป็น 1 ใน 4 เขตเศรษฐกิจใหม่ของพรรคเพื่อไทย ในแผนนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งประกอบด้วย กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ การที่น้ำท่วมหนักลักษณะนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ และเพื่อป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ในแผนพัฒนาดังกล่าวจึงมีการวางแผนการพัฒนาปรับปรุงทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค การแก้ไขปัญหาภาษีดินและสิ่งปลูกสร้าง ไปจนถึงการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน
“ดังนั้น เรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนี้จึงเป็นหนึ่งเรื่องที่ผมจะเสนอและผลักดันเรื่องเข้าสู่ระบบการบริหารจัดการน้ำที่พรรคได้วางแผนไว้ เพื่อให้หาดใหญ่เป็นเมืองเศรษฐกิจใหม่ตามนโยบายพัฒนาของพรรคเพื่อไทยด้วย” ร.ต.ท.
ชนาธิปกล่าว
มิ่งขวัญ ว่าไง! บิ๊กป้อม-สันติ ยังไร้คำตอบ จะเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7422099
‘บิ๊กป้อม-สันติ’ เมินตอบอนาคต ‘มิ่งขวัญ’ เป็นแคนดิเดตนายกฯของพลังประชารัฐหรือไม่ หลัง ไพบูลย์ ชงชื่อหัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตเพียงคนเดียว
เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 20 ธ.ค.2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปฏิเสธตอบคำถามกรณีนาย
ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค สนับสนุนให้เสนอชื่อพล.อ.
ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพียงชื่อเดียว รวมถึงกรณีจะตัดสินใจในเรื่องแคนดิเดตนายกฯเมื่อไหร่ โดยพล.อ.
ประวิตร มีสีหน้าเรียบเฉย
ต่อมาเวลา 09.40 น. พล.อ.
ประวิตร ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงเรื่องการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ รวมถึงการร่วมงานกับนาย
มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรค ที่ระบุพรรคจะพิจารณาให้เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ขณะที่ลูกพรรคยืนยันเสนอชื่อพล.อ.
ประวิตร รวมถึงอนาคตทางการเมืองของพล.อ.
ประวิตร และกรณีร.อ.
ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย อ้างได้รับมอบหมายจากพล.อ.
ประวิตร ให้เป็นประธานเปิดประชุมสามัญประจำปี สภาเครือข่ายประชาชนอีสาน (สอส.)สภาประชาชน 4 ภาค ที่จ.นครราชสีมา โดยเดินขึ้นรถเข้าห้องประชุมครม.ทันที
ด้านนาย
สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงนาย
ไพบูลย์ จะเสนอชื่อ พล.อ.
ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกฯเพียงคนเดียว จะส่งผลให้นาย
มิ่งขวัญ ยังอยู่กับพรรคหรือไม่ว่า “
ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยกัน”
เมื่อถามถึงแนวโน้มจะเสนอ พล.อ.
ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกฯคนเดียวของพรรค เป็นไปได้หรือไม่ นาย
สันติ กล่าวว่า ต้องคุยกันในกรรมการบริหารพรรค
JJNY : ‘แม้ว-ปู-เจ๊แดง’ ส่อรอดจีทูจี2│พท.สงขลา ลุยน้ำท่วม│มิ่งขวัญว่าไง! ป้อม-สันติยังไร้คำตอบ│‘กอบศักดิ์’เตือนเอสเอ็มอี
https://www.matichon.co.th/politics/news_3734324
‘แม้ว-ปู-เจ๊แดง’ ส่อรอดจีทูจี 2-หมอโด่ง-บ.เอกชนติดบ่วง ปปช.ชี้มูล ‘พิษจำนำข้าว’-มันเส้นนัดตัดสินคดี 21 ธ.ค.นี้
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.วันเดียวกัน มีการพิจารณาคดีกล่าวหาคดีระบายข้าวแบบจีทูจีภาคสอง ที่มีการกล่าวหา นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวก เช่น นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นต้น
โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีการชี้มูลความผิด พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ กับพวก เช่น กลุ่มเอกชน ฐานสนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ขณะที่ในส่วนอดีตข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ นางปราณี ศิริพันธุ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ถูกชี้มูลความผิดแค่ทางวินัยร้ายแรง แต่ไม่โดนคดีอาญา เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำผิดในลักษณะประมาทเลินเล่อ ไม่ตรวจสอบสัญญาการซื้อขายให้รอบคอบว่ารัฐวิสาหกิจจีน 4 แห่ง ที่มาซื้อข้าวจีทูจีนั้นได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการจากจีนหรือไม่
ส่วนบรรดานักการเมืองที่ถูกกล่าวหา เช่น นายบุญทรง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2 อดีตนายกฯ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ประชุมมีมติตีตกข้อกล่าวหา ทั้งนี้ ในส่วนของนายบุญทรง ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย โดยกรรมการ ป.ป.ช.บางรายเห็นว่าการกันตัวนายบุญทรงไว้เป็นพยานนั้น อาจไม่ชอบด้วยข้อกฎหมาย เนื่องจากเคยตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาและจำเลยในคดีข้าวจีทูจีภาคแรก อาจขัดกับหลักการ
อย่างไรก็ดี ที่ประชุมมีมติ 6 ต่อ 1 เห็นว่าให้กันตัวนายบุญทรงเป็นพยาน จึงไม่ถูกชี้มูลความผิดในครั้งนี้ ส่วนกรณีนายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนางเยาวภานั้น เคยตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาคดีระบายข้าวจีทูจีภาคแรกมาแล้ว และคณะกรรมการ ป.ป.ช.ขณะนั้นมีมติไม่แจ้งข้อกล่าวหา ดังนั้น การนำบุคคลทั้ง 3 รายมาแจ้งข้อกล่าวหา และพิจารณาอีกครั้ง เข้าข่ายไม่ชอบด้วยข้อกฎหมาย และเป็นการฟ้องซ้ำ
ส่วนที่มีการกล่าวอ้างของนายบุญทรงที่ระบุว่า มีเทปบันทึกการสนทนาลับที่โรงแรมชื่อดังระหว่างนายทักษิณที่โฟนอินเข้ามาหานายบุญทรง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนางเยาวภา เพื่อสั่งการระบายข้าวจีทูจีนั้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นเพียงการกล่าวอ้างของนายบุญทรง ไม่มีเทปลับบทสนทนาดังกล่าวอยู่จริง จึงไม่มีพยานหลักฐานใหม่ที่จะนำตัวบุคคลทั้ง 3 มาพิจารณา ให้ข้อกล่าวหาตกไป
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ส่วนกรณีกล่าวหาการซื้อขายมันสำปะหลังแบบจีทูจี 3 สำนวน คือ
1. กรณีกล่าวหานางพรทิวา นาคาศัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวก
2. กรณีกล่าวหานายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวก
3. กรณีกล่าวหานายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี กับพวกนั้น
มีการเลื่อนพิจารณาออกไปเป็นวันที่ 21 ธ.ค.65
ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย สงขลา ลุยพื้นที่น้ำท่วม รวมปัญหาชงเข้าแผนพัฒนาเขต ศก.ใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3734448
‘ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย สงขลา’ ลุยลงพื้นน้ำท่วม รวบรวมปัญหาชงเข้าแผนนโยบานพัฒนาเขตเศรษฐกิจใหม่พรรค
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ร.ต.ท.ชนาธิป สันติภราภพ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 2 พรรคเพื่อไทย (พท.) ลงพื้นที่ชุมชนบางแฟบ เพื่อพบปะพูดคุยพี่น้องประชาชนในละแวกชุมชนหาดใหญ่ใน พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำในคลอง ร.1 ซึ่งเป็นคลองที่บายพาสน้ำออกจากตัวเมืองหาดใหญ่ ปรากฏว่าสถานการณ์น้ำอยู่ในระดับการเฝ้าระวัง ต่อมาได้ลงพื้นที่ชุมชนภาสว่าง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมสิ่งของได้รับความเสียหาย จึงได้ให้คำแนะนำให้ประชาชนที่ได้รับความผลกระทบในครั้งนี้ทำการบันทึกภาพเก็บไว้เพื่อนำเรื่องไปแจ้งต่อเทศบาลนครหาดใหญ่เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อประชาชน
จากนั้นลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณคลองต่างๆ ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ที่เป็นคลองสำคัญประกอบด้วย คลองอู่ตะเภา, คลอง ร.1, 3, 4, 5, 6 เป็นต้น โดยคลองเหล่านี้ส่งผลต่อปริมาณน้ำในตัวเมืองหาดใหญ่อย่างมาก หากน้ำในคลองเหล่านี้มีปริมาณน้ำมาก และอยู่ในสถานการณ์เฝ้าระวังในตัวเมืองก็ต้องเตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง แต่ขณะนี้มีการเร่งระบายออกไปสู่ทะเลสาบสงขลาทำให้ปริมาณน้ำอยู่ในสถานการณ์ปกติ แต่หากฝนตกหนักลงมาซ้ำอีกจะต้องรีบมาติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง
ต่อมา ร.ต.ท.ชนาธิป ลงพื้นเส้นถนนกาญจนวินิช หน้าค่ายเสนาณรงค์ซึ่งเป็นถนนที่มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองหาดใหญ่ ที่ก่อนหน้านี้มีภาพปรากฏว่าน้ำท่วมขังพบว่าปัญหาเกิดจากมวลน้ำจากเขาคอหงส์บวกกับจำนวนปริมาณฝนที่ตกหนักลงอย่างต่อเนื่อง และน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขาสูงลงมาสู่บริเวณที่โล่งกว้างและพื้นที่ต่ำ ทำให้น้ำไม่สามารถระบายได้ทัน อีกทั้งคู่ระบายน้ำมีขนาดเล็กไม่สามารถรองรับกับจำนวนน้ำที่ไหลมาได้ จึงทำให้ไหลท่วมถนนและไหลท่วมชุมชนและหมู่บ้านบริเวณนั้น อย่างไรก็ตาม ตนและคณะได้รวบรวมปัญหา และข้อกังวล รวมถึงความเดือนร้อนของประชาชน พร้อมเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนชาวสงขลาอย่างเต็มที่
“จ.สงขลา โดยเฉพาะ อ.หาดใหญ่ จัดเป็น 1 ใน 4 เขตเศรษฐกิจใหม่ของพรรคเพื่อไทย ในแผนนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งประกอบด้วย กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ การที่น้ำท่วมหนักลักษณะนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ และเพื่อป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ในแผนพัฒนาดังกล่าวจึงมีการวางแผนการพัฒนาปรับปรุงทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค การแก้ไขปัญหาภาษีดินและสิ่งปลูกสร้าง ไปจนถึงการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน
“ดังนั้น เรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนี้จึงเป็นหนึ่งเรื่องที่ผมจะเสนอและผลักดันเรื่องเข้าสู่ระบบการบริหารจัดการน้ำที่พรรคได้วางแผนไว้ เพื่อให้หาดใหญ่เป็นเมืองเศรษฐกิจใหม่ตามนโยบายพัฒนาของพรรคเพื่อไทยด้วย” ร.ต.ท.ชนาธิปกล่าว
มิ่งขวัญ ว่าไง! บิ๊กป้อม-สันติ ยังไร้คำตอบ จะเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7422099
‘บิ๊กป้อม-สันติ’ เมินตอบอนาคต ‘มิ่งขวัญ’ เป็นแคนดิเดตนายกฯของพลังประชารัฐหรือไม่ หลัง ไพบูลย์ ชงชื่อหัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตเพียงคนเดียว
เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 20 ธ.ค.2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปฏิเสธตอบคำถามกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค สนับสนุนให้เสนอชื่อพล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพียงชื่อเดียว รวมถึงกรณีจะตัดสินใจในเรื่องแคนดิเดตนายกฯเมื่อไหร่ โดยพล.อ.ประวิตร มีสีหน้าเรียบเฉย
ต่อมาเวลา 09.40 น. พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงเรื่องการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ รวมถึงการร่วมงานกับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรค ที่ระบุพรรคจะพิจารณาให้เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ขณะที่ลูกพรรคยืนยันเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร รวมถึงอนาคตทางการเมืองของพล.อ.ประวิตร และกรณีร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย อ้างได้รับมอบหมายจากพล.อ.ประวิตร ให้เป็นประธานเปิดประชุมสามัญประจำปี สภาเครือข่ายประชาชนอีสาน (สอส.)สภาประชาชน 4 ภาค ที่จ.นครราชสีมา โดยเดินขึ้นรถเข้าห้องประชุมครม.ทันที
ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงนายไพบูลย์ จะเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกฯเพียงคนเดียว จะส่งผลให้นายมิ่งขวัญ ยังอยู่กับพรรคหรือไม่ว่า “ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยกัน”
เมื่อถามถึงแนวโน้มจะเสนอ พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกฯคนเดียวของพรรค เป็นไปได้หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ต้องคุยกันในกรรมการบริหารพรรค