ร้านข้าวราดแกงชื่อดัง ขึ้นป้ายหนุนขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ระบุ300บ.ไม่พอกิน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7412851
นครราชสีมา ร้านข้าวราดแกงชื่อดัง ขึ้นป้ายหนุนขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ระบุ 300 บาท ไม่พอกิน ค่าครองชีพ อยู่ไม่รอดเศรษฐกิจปัจจุบัน
14 ธ.ค. 65 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่พรรคเพื่อไทย ได้ประกาศนโยบายหาเสียง จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ วันละ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี เริ่มต้นที่เดือนละ 25,000 บาท ภายในปี 2570 ซึ่งทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารในสังคมไทยเป็นวงกว้างอยู่ในขณะนี้
ล่าสุดได้มีสถานประกอบการร้านอาหารหลายแห่งในพื้นที่ ได้นำกระดาษหรือแผ่นป้ายมาเขียนเกี่ยวกับสนับสนุนนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท อย่าง ร้านครัวนายหนัง ร้านข้าวราดแกง ตั้งอยู่ภายในบริเวณปั๊มบางจาก ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้มีการนำแผ่นป้ายมาติดบริเวณหน้าร้าน พร้อมระบุข้อความว่า “
ครัวนายหนังขอสนับสนุนค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท”
นาย
สุรพล อิทรชูเดช เจ้าของร้านครัวนายหนัง เปิดเผยว่า ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ในปี 2570 ยังถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำ ซึ่งถ้ามองความเป็นจริงในปัจจุบัน ทางร้านจ่ายค่าแรงมากกว่า 300 บาท มานานแล้ว นอกจากพนักงานใหม่ที่ยังไม่ผ่านช่วงการทดลองงาน แต่จะมีการจ่ายอยู่ที่ 300 บาทก่อน
โดยจะมีสวัสดิการพนักงานมอบให้แทน เช่น มื้ออาหารต่อวัน และสามารถนำอาหารกลับไปทานที่บ้านด้วย เป็นการช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน หลังจากผ่านโปรแล้วก็จะมีการปรับค่าแรงขึ้นให้ตามโครงสร้างของทางร้าน
ร้านครัวนายหนังที่ตนดูแลมีอยู่ทั้งหมด 5 สาขา ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ก็จะใช้รูปแบบนี้ทั้งหมด ซึ่งส่วนตัวแล้วมีความรู้สึกว่า ทุกๆ นโยบายของพรรคเพื่อไทยนั้น เขาก็ทำได้ทุกครั้งตามที่กล่าวไว้ ไม่ว่าจะเป็นบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งไม่เป็นความเพ้อฝันแน่นอน
300 บาท ในวันนี้ไม่พอใช้แน่ ซื้อข้าวของเครื่องใช้ประจำวัน ไหนจะค่าครองชีพอีกซึ่งคนไทยหลายๆ คน ไม่สามารถอยู่ได้ในเศรษฐกิจแบบนี้ อย่างไรก็ตามตนยืนยันจะสนับสนุนนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท อย่างแน่นอน เพราะมีความมั่นใจ และเชื่อว่านโยบายนี้มีความเป็นไปได้ภายในปี 2570
“สกุณา” อัด “บิ๊กตู่” อยู่เพื่อรักษาอำนาจไม่ได้อยู่เพื่อปชช.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_465090/
“สกุณา” อัด“บิ๊กตู่”อยู่เพื่อรักษาอำนาจไม่ได้อยู่เพื่อประชาชน อัด 4 ปี รายได้เกษตรกรไทยตกต่ำสวนทางพ่อค้านายทุนรวยเพิ่มขึ้น
นางสาว
สกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทอดทิ้งเกษตรกรอย่างสิ้นเชิง แม้จะมีการเขียนนโยบายด้านการเกษตรไว้อย่างสวยงาม ว่าจะยกระดับราคาสินค้าเกษตร ให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้นอย่างมั่นคง และยั่งยืน แต่ตลอด 3 ปีกว่าจะครบ 4 ปี
นโยบายของพล.อ.
ประยุทธ์ ไม่เคยเกิดขึ้นจริง รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับภาคเกษตรอย่างจริงจัง ปล่อยให้นายทุนเอาเปรียบปรับขึ้นสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปุ๋ยที่ปรับสูงขึ้นถึง 4 เท่า รัฐบาลอ้างเหตุสงครามทำปุ๋ยมีราคาสูง รัฐแก้ไม่ได้ ปล่อยให้เกษตรกรแก้ปัญหารับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นด้วยตัวเอง
พล.อ.
ประยุทธ์ ดีใจที่การส่งออกสินค้าเกษตรได้ราคาดี รัฐบาลตีโจทย์ผิดหรือเปล่า การแก้ปัญหาเกษตรที่ดีที่สุดคือให้เกษตรกรอยู่ได้ มีเงินในกระเป๋าเกษตรกรเพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลกลับปล่อยให้พ่อค้านายทุนกดราคารับซื้อ สินค้าเกษตรราคาถูก แล้วไปขายแพง การแก้ปัญหาให้เกษตรกรอย่าไปดูที่ยอดขายให้ไปดูที่รายได้เกษตรกร แม้ส่งออกสินค้าเกษตรดีแต่เงินถึงมือเกษตรกรหรือเข้ากระเป๋านายทุน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพล.อ.
ประยุทธ์ ไม่เข้าใจบริบทของภาคเกษตรกรรม ว่าต้องทำอย่างไรให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ไม่สามารถ ลดต้นทุนหรือเพิ่มคุณภาพในการผลิตให้กับเกษตรกรได้เลยนอกจากนี้น่า สงสารเกษตรกรที่ทำนากุ้งเพราะเจ๊งไปหลายราย ปัจจจัยหลักมาจากกุ้ง ราคาตกและต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการส่งออกที่ลดลงจากเดิมประเทศไทย ส่งออกกุ้งปีละ 500,000 ตัน ปัจจุบันลดลงเหลือเพียงปีละ 100,000 ตันเท่านั้น มาจากการที่รัฐบาลปล่อยให้นายทุนกินรวบตลาดกุ้งและเอาเปรียบเกษตรกรนากุ้ง
พล.อ.
ประยุทธ์ ไม่เคยคิดแก้ปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกรอย่างแท้จริง เพราะไม่มีความรู้และไม่เข้าใจวิถีเกษตรอย่างแท้จริง เวลามีปัญหาก็อ้างว่า สั่งการไปแล้วแต่ไม่เคยติดตามผลการแก้ปัญหา ที่เป็นเช่นนี้เพราะพล.อ.
ประยุทธ์ ต้องการเพียงเข้ามามีอำนาจและสืบทอดอำนาจเท่านั้น ไม่ได้ต้องการเข้ามาแก้ปัญหาให้ประชาชน ส่งผลให้ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรกับการอยู่ในอำนาจของพล.อ.
ประยุทธ์ แต่อย่างใด
‘เพื่อไทย’ จัดทัพว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุตรดิตถ์ ครบ 3 เขตแล้ว ‘ทนุศักดิ์’ ดันลูกชายสู้เขต 3
https://www.matichon.co.th/politics/news_3724327
‘เพื่อไทย’ จัดทัพว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุตรดิตถ์ ครบทั้ง 3 เขตเลือกตั้งแล้ว
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสการเลือกตั้งใหญ่ระดับประเทศ หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ใกล้เข้ามาทุกที หลายพรรคการเมือง ทั้งพรรคเล็ก พรรคใหญ่ มีความเคลื่อนไหวอย่างน่าจับตามอง โดยเฉพาะการย้ายพรรคการเมืองของ ส.ส.ปัจจุบัน หรืออดีต ส.ส. รวมทั้งผู้สมัคร ส.ส.หน้าใหม่
ที่ จ.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองที่ครองใจคนอุตรดิตถ์มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยก่อเกิดพรรคไทยรักไทย ล่าสุดมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 3 เขตเลือกตั้งแล้ว โดยการจัดทัพของ นาย
ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและอดีต ส.ส.อุตรดิตถ์หลายสมัย
เขตเลือกตั้งที่ 1 กินพื้นที่ อ.เมืองอุตรดิตถ์ทั้งหมด ผู้ที่เหมาะสมและถูกวางตัวไว้คือ น.ส.
กฤษณา สีหลักษณ์ อดีต ส.ส.อุตรดิตถ์และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรี
เขตเลือกตั้งที่ 2 กินพื้นที่ อ.บ้านโคก อ.ฟากท่า อ.น้ำปาด อ.ท่าปลา อ.ทองแสนขัน และ อ.พิชัยบางตำบล ผู้ถูกวางตัวไว้คือ นาย
วารุจ ศิริวัฒน์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.อุตรดิตถ์ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปี 2562 ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ เขตเลือกตั้งที่ 3 ผู้ที่เหมาะสมและถูกวางตัวไว้คือ นาย
รวี เล็กอุทัย บุตรชายคนโตของนายทนุศักดิ์มีรายงานว่า สาเหตุที่นาย
ทนุศักดิ์ผลักดันลูกชายลง ส.ส.อาจเป็นเพราะนาย
ทนุศักดิ์สุขภาพไม่แข็งแรง เนื่องจากเส้นโลหิตฝอยแตก หลังนั่งรอ น.ส.
กฤษณาออกกำลังกายที่ห้องออกกำลังกายโรงแรมสีหราช ซึ่งเป็นโรงแรมตระกูลสีหลักษณ์
อย่างไรก็ดี นาย
ทนุศักดิ์และ น.ส.
กฤษณามีความสนิทสนมกันมากหลังจากทำงานการเมืองมานาน แม้การพักฟื้นร่างกายจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ก็ยังเต็มที่กับการทำงานด้านการเมือง อีกทั้งอายุที่ค่อนข้างมาก ซึ่งปัจจุบันนาย
ทนุศักดิ์อายุ 65 ปีแล้ว จึงต้องการอยู่เบื้องหลังเพื่อผลักดันและสนับสนุนพร้อมช่วยงานพรรคเพื่อไทยต่อไป
สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ที่วางตัวไว้ดังกล่าวข้างต้นนั้น มีการเปิดตัวและมีการประชุมร่วมกับแกนนำไปแล้วที่โรงแรมฟรายเดย์ จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งนอกจะมีว่าที่ผู้สมัครทั้ง 3 เขตเลือกตั้งแล้ว ยังมีนายทนุศักดิ์ในฐานะผู้นำทัพ
ส่วนบรรดาแกนนำของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ แกนหลักที่เข้าร่วมเปิดตัวคือ นาย
ชัยศิริ ศุภรักษ์จินดา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุตรดิตถ์ นาย
กิติพงษ์ วิรุฬห์ศรี ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.อุตรดิตถ์ อดีต สมาชิกสภา อบจ.อุตรดิตถ์ นอกจากนี้ ยังมีมีแกนนำเข้าร่วมงานมากกว่า 40 คน
JJNY : ร้านข้าวราดแกงหนุนค่าแรง|“สกุณา”อัด“ตู่”อยู่เพื่อรักษาอำนาจ|‘พท.’จัดทัพส.ส.อุตรดิตถ์|“กรุงเทพธนาคม”วอนบีทีเอส
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7412851
นครราชสีมา ร้านข้าวราดแกงชื่อดัง ขึ้นป้ายหนุนขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ระบุ 300 บาท ไม่พอกิน ค่าครองชีพ อยู่ไม่รอดเศรษฐกิจปัจจุบัน
14 ธ.ค. 65 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่พรรคเพื่อไทย ได้ประกาศนโยบายหาเสียง จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ วันละ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี เริ่มต้นที่เดือนละ 25,000 บาท ภายในปี 2570 ซึ่งทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารในสังคมไทยเป็นวงกว้างอยู่ในขณะนี้
ล่าสุดได้มีสถานประกอบการร้านอาหารหลายแห่งในพื้นที่ ได้นำกระดาษหรือแผ่นป้ายมาเขียนเกี่ยวกับสนับสนุนนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท อย่าง ร้านครัวนายหนัง ร้านข้าวราดแกง ตั้งอยู่ภายในบริเวณปั๊มบางจาก ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้มีการนำแผ่นป้ายมาติดบริเวณหน้าร้าน พร้อมระบุข้อความว่า “ครัวนายหนังขอสนับสนุนค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท”
นายสุรพล อิทรชูเดช เจ้าของร้านครัวนายหนัง เปิดเผยว่า ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ในปี 2570 ยังถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำ ซึ่งถ้ามองความเป็นจริงในปัจจุบัน ทางร้านจ่ายค่าแรงมากกว่า 300 บาท มานานแล้ว นอกจากพนักงานใหม่ที่ยังไม่ผ่านช่วงการทดลองงาน แต่จะมีการจ่ายอยู่ที่ 300 บาทก่อน
โดยจะมีสวัสดิการพนักงานมอบให้แทน เช่น มื้ออาหารต่อวัน และสามารถนำอาหารกลับไปทานที่บ้านด้วย เป็นการช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน หลังจากผ่านโปรแล้วก็จะมีการปรับค่าแรงขึ้นให้ตามโครงสร้างของทางร้าน
ร้านครัวนายหนังที่ตนดูแลมีอยู่ทั้งหมด 5 สาขา ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ก็จะใช้รูปแบบนี้ทั้งหมด ซึ่งส่วนตัวแล้วมีความรู้สึกว่า ทุกๆ นโยบายของพรรคเพื่อไทยนั้น เขาก็ทำได้ทุกครั้งตามที่กล่าวไว้ ไม่ว่าจะเป็นบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งไม่เป็นความเพ้อฝันแน่นอน
300 บาท ในวันนี้ไม่พอใช้แน่ ซื้อข้าวของเครื่องใช้ประจำวัน ไหนจะค่าครองชีพอีกซึ่งคนไทยหลายๆ คน ไม่สามารถอยู่ได้ในเศรษฐกิจแบบนี้ อย่างไรก็ตามตนยืนยันจะสนับสนุนนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท อย่างแน่นอน เพราะมีความมั่นใจ และเชื่อว่านโยบายนี้มีความเป็นไปได้ภายในปี 2570
“สกุณา” อัด “บิ๊กตู่” อยู่เพื่อรักษาอำนาจไม่ได้อยู่เพื่อปชช.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_465090/
“สกุณา” อัด“บิ๊กตู่”อยู่เพื่อรักษาอำนาจไม่ได้อยู่เพื่อประชาชน อัด 4 ปี รายได้เกษตรกรไทยตกต่ำสวนทางพ่อค้านายทุนรวยเพิ่มขึ้น
นางสาวสกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทอดทิ้งเกษตรกรอย่างสิ้นเชิง แม้จะมีการเขียนนโยบายด้านการเกษตรไว้อย่างสวยงาม ว่าจะยกระดับราคาสินค้าเกษตร ให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้นอย่างมั่นคง และยั่งยืน แต่ตลอด 3 ปีกว่าจะครบ 4 ปี
นโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยเกิดขึ้นจริง รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับภาคเกษตรอย่างจริงจัง ปล่อยให้นายทุนเอาเปรียบปรับขึ้นสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปุ๋ยที่ปรับสูงขึ้นถึง 4 เท่า รัฐบาลอ้างเหตุสงครามทำปุ๋ยมีราคาสูง รัฐแก้ไม่ได้ ปล่อยให้เกษตรกรแก้ปัญหารับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นด้วยตัวเอง
พล.อ.ประยุทธ์ ดีใจที่การส่งออกสินค้าเกษตรได้ราคาดี รัฐบาลตีโจทย์ผิดหรือเปล่า การแก้ปัญหาเกษตรที่ดีที่สุดคือให้เกษตรกรอยู่ได้ มีเงินในกระเป๋าเกษตรกรเพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลกลับปล่อยให้พ่อค้านายทุนกดราคารับซื้อ สินค้าเกษตรราคาถูก แล้วไปขายแพง การแก้ปัญหาให้เกษตรกรอย่าไปดูที่ยอดขายให้ไปดูที่รายได้เกษตรกร แม้ส่งออกสินค้าเกษตรดีแต่เงินถึงมือเกษตรกรหรือเข้ากระเป๋านายทุน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เข้าใจบริบทของภาคเกษตรกรรม ว่าต้องทำอย่างไรให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ไม่สามารถ ลดต้นทุนหรือเพิ่มคุณภาพในการผลิตให้กับเกษตรกรได้เลยนอกจากนี้น่า สงสารเกษตรกรที่ทำนากุ้งเพราะเจ๊งไปหลายราย ปัจจจัยหลักมาจากกุ้ง ราคาตกและต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการส่งออกที่ลดลงจากเดิมประเทศไทย ส่งออกกุ้งปีละ 500,000 ตัน ปัจจุบันลดลงเหลือเพียงปีละ 100,000 ตันเท่านั้น มาจากการที่รัฐบาลปล่อยให้นายทุนกินรวบตลาดกุ้งและเอาเปรียบเกษตรกรนากุ้ง
พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยคิดแก้ปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกรอย่างแท้จริง เพราะไม่มีความรู้และไม่เข้าใจวิถีเกษตรอย่างแท้จริง เวลามีปัญหาก็อ้างว่า สั่งการไปแล้วแต่ไม่เคยติดตามผลการแก้ปัญหา ที่เป็นเช่นนี้เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ต้องการเพียงเข้ามามีอำนาจและสืบทอดอำนาจเท่านั้น ไม่ได้ต้องการเข้ามาแก้ปัญหาให้ประชาชน ส่งผลให้ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรกับการอยู่ในอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ แต่อย่างใด
‘เพื่อไทย’ จัดทัพว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุตรดิตถ์ ครบ 3 เขตแล้ว ‘ทนุศักดิ์’ ดันลูกชายสู้เขต 3
https://www.matichon.co.th/politics/news_3724327
‘เพื่อไทย’ จัดทัพว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุตรดิตถ์ ครบทั้ง 3 เขตเลือกตั้งแล้ว
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสการเลือกตั้งใหญ่ระดับประเทศ หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ใกล้เข้ามาทุกที หลายพรรคการเมือง ทั้งพรรคเล็ก พรรคใหญ่ มีความเคลื่อนไหวอย่างน่าจับตามอง โดยเฉพาะการย้ายพรรคการเมืองของ ส.ส.ปัจจุบัน หรืออดีต ส.ส. รวมทั้งผู้สมัคร ส.ส.หน้าใหม่
ที่ จ.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองที่ครองใจคนอุตรดิตถ์มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยก่อเกิดพรรคไทยรักไทย ล่าสุดมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 3 เขตเลือกตั้งแล้ว โดยการจัดทัพของ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและอดีต ส.ส.อุตรดิตถ์หลายสมัย
เขตเลือกตั้งที่ 1 กินพื้นที่ อ.เมืองอุตรดิตถ์ทั้งหมด ผู้ที่เหมาะสมและถูกวางตัวไว้คือ น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ อดีต ส.ส.อุตรดิตถ์และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรี
เขตเลือกตั้งที่ 2 กินพื้นที่ อ.บ้านโคก อ.ฟากท่า อ.น้ำปาด อ.ท่าปลา อ.ทองแสนขัน และ อ.พิชัยบางตำบล ผู้ถูกวางตัวไว้คือ นายวารุจ ศิริวัฒน์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.อุตรดิตถ์ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปี 2562 ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ เขตเลือกตั้งที่ 3 ผู้ที่เหมาะสมและถูกวางตัวไว้คือ นายรวี เล็กอุทัย บุตรชายคนโตของนายทนุศักดิ์มีรายงานว่า สาเหตุที่นายทนุศักดิ์ผลักดันลูกชายลง ส.ส.อาจเป็นเพราะนายทนุศักดิ์สุขภาพไม่แข็งแรง เนื่องจากเส้นโลหิตฝอยแตก หลังนั่งรอ น.ส.กฤษณาออกกำลังกายที่ห้องออกกำลังกายโรงแรมสีหราช ซึ่งเป็นโรงแรมตระกูลสีหลักษณ์
อย่างไรก็ดี นายทนุศักดิ์และ น.ส.กฤษณามีความสนิทสนมกันมากหลังจากทำงานการเมืองมานาน แม้การพักฟื้นร่างกายจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ก็ยังเต็มที่กับการทำงานด้านการเมือง อีกทั้งอายุที่ค่อนข้างมาก ซึ่งปัจจุบันนายทนุศักดิ์อายุ 65 ปีแล้ว จึงต้องการอยู่เบื้องหลังเพื่อผลักดันและสนับสนุนพร้อมช่วยงานพรรคเพื่อไทยต่อไป
สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ที่วางตัวไว้ดังกล่าวข้างต้นนั้น มีการเปิดตัวและมีการประชุมร่วมกับแกนนำไปแล้วที่โรงแรมฟรายเดย์ จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งนอกจะมีว่าที่ผู้สมัครทั้ง 3 เขตเลือกตั้งแล้ว ยังมีนายทนุศักดิ์ในฐานะผู้นำทัพ
ส่วนบรรดาแกนนำของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ แกนหลักที่เข้าร่วมเปิดตัวคือ นายชัยศิริ ศุภรักษ์จินดา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุตรดิตถ์ นายกิติพงษ์ วิรุฬห์ศรี ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.อุตรดิตถ์ อดีต สมาชิกสภา อบจ.อุตรดิตถ์ นอกจากนี้ ยังมีมีแกนนำเข้าร่วมงานมากกว่า 40 คน