โควิดที่ผ่านมา ทำให้อาแปะเห็นผลของการปฏิบัติ"ปรัชญาเซน" บทว่า "ง่วงก็นอน..หิวก็กิน"

กระทู้คำถาม
"ง่วงก็นอน...หิวก็กิน".. เป็นปรัชญาเซน ที่อ่านเผินๆแล้วก็ดูกวนๆง่ายๆ ไม่เห็นจะลุ่มลึกอะไร..

แต่ในการเอามาปฏิบัติจริงนั้นยากนะ ด้วยเพราะภาระหน้าที่ต้องแบก..(หลายคนแบกสิ่งที่ไม่ควรแบก)
ทำให้หลายคนเมื่อถึงเวลาง่วง ร่างกายก็ไม่ได้หลับ ต้องถ่างตาตื่นต่อไปจนเกิดภาวะเครียดในอารมณ์..
และทำให้หลายคนเมื่อร่างกายหิวมาก..ก็ยังไม่ได้กิน จนร่างกายเครียด บางคนถึงกับโมโหหิวก็มีมาก..

ดังนี้แล้ว อย่าฝืนเมื่อไม่ไหว  จงหยุดพักเมื่อยามเหนื่อยล้า  จงหากินเมื่อหิว..  ..อย่าฝืน..!

แต่ทั้งการกินและการนอนก็เป็นศาสตร์นะ  จะนอนอย่างไรให้หลับสนิท และจะกินอย่างไรให้มีสุขภาพดี อันนี้อาแปะจะอวด เอ๊ย ไม่ใช่อวด...  อาแปะจะเล่าประสบการณ์ตรงให้ฟัง..

ว่าด้วยการนอนที่ดี  ....ต้องให้ท้องว่าง  อย่าให้มีอาหารตกค้างนกระเพาะ  แรกปฏิบัติใหม่ๆจะรู้สึกโหยหิว แต่เมื่อชินแล้วจะไม่รู้สึกหิวเลยเมื่อท้องว่างก่อนนอน   การนอนหลับจะหลับสนิทดี ไม่ฝันร้าย  ...หากเจริญเมตตาจิตก่อนนอนด้วยแล้วก็จะยิ่งหลับอย่างมีความสุข ตื่นขึ้นมาจะรู้สึกอิ่มใจเบิกบานใจมากๆ..

ว่าด้วยการกินที่ดี...  ก็ต้องกินแต่อาหารธรรมชาติ ที่ผ่านกระบวนการอุตสาหกรรมน้อยๆ ยิ่งไม่ผ่านกระบวนการยิ่งดี ปรุงสดๆสุกๆทำให้ผ่านร้อนแล้วทาน จำพวกธัญพืชเช่นข้าวกล้อง  พืชผักก็จำพวกผักริมรั้ว ผักไม่ใช้สารเคมี  อย่างนี้คือการกินที่ดี  และ"พยายาม"กินอาหารเหล่านี้ให้เป็นประจำ ..
  หลายคนไปพยายามกินอาหารขยะเพราะหลงคิดว่าดี  อย่านี้คือ"พยายามผิด"  ทำให้สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง..

ดังนั้นเรื่องกินนี่ต้อง"พยายาม"นะ เพราะหลายคนชอบกินแบบง่ายๆ หลายคนมักง่าย เอาสะดวกเข้าไว้  หลายคนชอบ "พยายามกินอาหารขยะ"     แล้วมาอวดชวนให้ผู้อื่นกินด้วย  "พยายามกินเข้า  ....สู้ๆ"   ยิ่งอาหารขยะคาวๆทางอารมณ์คนพวกนี้ชอบนักแล..
พระท่านว่า เป็นพวกรู้น้อยพลอยรำคาญ คือเห็นคนกินผักริมรั้วดันไปว่าเค้ากินอาหารต่ำๆ...ไรงี้..

ดังนี้การ"พยายาม"กินอาหารสะอาด ผักปลอดสาร ผักริมรั้วนั้นเป็นการ"พยายาม"อย่างอุกฤติ เป็นความเพียรความพยายามฝ่ายดี..
ต่างจากความ"พยายามสู้ๆ"กินอาหารขยะ บูดๆคาวๆ และอารมณ์ขยะๆย่อมบั่นทอนสุขภาพกายและใจให้ตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ..



เหตุที่อาแปะมั่นใจในผลของการปฏิบัติตามปรัชญาเซน"ง่วงก็นอน หิวก็กิน"  เพราะ ปฏิบัติตามแล้ว สุขภาพอาแปะแข็งแรงมาก ไม่ต้องพึ่งยาหมอมาหลายสิบปีแล้ว..  กระทั่งวิกฤติโรคระบาดโควิด อาแปะก็ผ่านมาได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องระวังตัวอะไร  ..
   เดือนที่แล้วลูกสาวติดโควิด มาเอาฟ้าทะลายโจรที่สวน  ก็พูดคุยกันปกติ ไม่ต้องป้องกันอะไร..
นางถามว่า "พ่อไม่กลัวติดโควิดเหรอ.?"
อาแปะบอกว่า " don't worry"   ..

"ง่วงก็นอน หิวก็กิน โควิดจะทำอะไรได้"

     อาแปะจะสอนลูกสาวเสมอๆนะว่าให้ดูแลสุขภาพให้ดี อาหารขยะกินให้น้อยๆ  ด้วยความที่นางเป็นคนเมืองเลี่ยงอาหารขยะยากหนะครับ มันล่อตาล่อใจไปหมด อาหารในเมืองมีแต่ของอร่อยปากทั้งนั้น ห้ามใจยากหนะครับ อาแปะก็เข้าใจ  ก็ไม่ได้ไปบังคับอะไร ต่างคนต่างมีวิถีเป็นของตนเอง แม้จะเป็นลูกเราก็ไปบังคับเรื่องกินเรื่องนอนเค้าไม่ได้..
  อาแปะก็สอนได้แต่เพียงว่า "ภัยจากภายนอกพ่อช่วยปกป้องให้ลูกได้  แต่ภัยจากอาหารการกิน เมื่อเกิดแล้วพ่อเจ็บป่วยแทนลูกไม่ได้นะ ลูกต้องรับผลการกินของลูกเอง .."  บลาๆๆ...     ก็สอนไปตามประสาพ่อที่รักลูกทั่วไปหนะครับ..   แต่ถึงเวลาหากลูกเค้าเจ็บป่วยขึ้นมา เราซึ่งเป็นพ่อก็เป็นทุกข์อยู่ดีนั่นแล  เพราะลูกก็คือ"บ่วง"ที่ร้อยรัดใจเราดุจเป็นตัวของเราเอง   เมื่อเค้าเจ็บเราจึงเจ็บไปด้วย.... ..

อมิตพุทธ..
ສະ​ບາຍ​ດີ​ຕອນ​ເຊົ້າ

"ลูกใต้ใบ"ผักข้างถนนที่มีประโยชน์ต่อตับ..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่