แฟน(ผู้ชาย) ที่มีนิสัยเหมือนผู้หญิงเอะอะก็โกรธ ก็งอน ก็ตึงใส่ ควรไปต่อ หรือพอแค่นี้และให้เขาไปเจอคนที่เหมือนๆกันดีคะ

ตามหัวข้อกระทู้เลยนะคะ 
เรากับแฟนคบกันมาเข้าปีที่ 4 ได้แล้วค่ะ 
เราไม่อยากรู้สึกว่าวันนึงเราจะต้องกลายเป็นคนไม่มีความรู้สึกกับเขา แบบไม่เหลืออะไรแล้ว เราไม่อยากทำแบบนั้น เพราะถ้าเราใจร้าย เราจะคิดได้เลยว่า เขาไม่มีตัวตนกับเราอีก และไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก..
(แต่ที่เรารู้สึกตอนนี้จริงๆ คือเราเสียดายและเสียใจมาก ถ้ารู้งี้เราเป็นเพื่อนกับเขาดีกว่าตั้งแต่แรก ย้อนเวลากลับไปได้ เราจะไม่ปล่อยให้ความสัมพันธ์มันมาถึงจุดนี้ ถ้ารู้ว่า สิ่งที่ต้องเจอมันชวนอึ้ง และสยองและสับสนขนาดนี้) 
เข้าเรื่องเลยนะคะ 
เรากับเขา เริ่มต้นจากคำว่าเพื่อน...
ช่วงแรกที่ได้ขยับความสัมพันธ์กัน เพราะช่วงนั้นเราเพิ่งเลิกกับคนก่อนค่ะ แล้วระยะเวลาก็ใกล้เคียงกันมากค่ะ เราคบกับคนก่อนกำลังจะเข้าปีที่ 4 แต่จับได้ว่าเขามีคนอื่น (เราขอไม่เพิ่มเติมต่อจากส่วนของคนเก่านะคะ เอาเป็นว่าเราก็เซปางตายค่ะ) 
แต่เพราะว่าช่วงนั้น (คนปัจจุบันนี้เราได้มาวนเวียนกัน กลับมาเจอกันพอดี) มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นของความสับสนปนคิดทวนไปทวนมา ว่าเราสองคนจะเวิร์คกันจริงๆ หรือ (มันคงเป็นเหตุผลที่เราคิดมาตลอดว่า ถ้าเป็นเพื่อนแล้วมาเป็นแฟน มันจะกลับไปมองหน้ากันไม่ติดอีก) 
อยากให้เพื่อนๆ ลองมองในฐานะคนนอกที่มองเข้ามา และช่วยพิจารณานะคะ
 
1. แฟนเราเคยโกรธเรามาก เป็นฟืนเป็นไฟ เพียงเพราะเราทำน้ำยาปรับผ้านุ่มหกใส่ห้อง เราไม่ได้ให้เขาเช็ดเลยนะคะ เราเช็ดเอง และเขาก็โกรธเรามาก กับอีแค่น้ำยาปรับผ้านุ่มหก

2. คือที่คอนโดที่อยู่ด้วยกัน หากเปิดฝาท่อโดยไม่ครอบฝาท่อ อาจจะมีแมลงสาบขึ้นมา (บางครั้ง เราลืม ลืมจริงๆ เพราะเราเบลอ ทำงานหนักบ้างบางครั้งตื่น 6 โมง ทำงานถึง 2 ทุ่ม ก็ทำให้ลืมกันบ้าง) แต่เขาโกรธเราค่ะ ไม่คุยกับเรา

3. เราทำสะดืออ่างล้างหน้ากดขึ้นมาไม่ได้แล้วมันทำให้น้ำท่อตัน เขาก็โกรธเราค่ะ โกรธมากๆ ทั้งๆที่เรื่องที่โกรธ นั้น มันแก้ไขได้ค่ะ และมันเล็กน้อยมาก เรามองว่า ถ้ายังเป็นแบบนี้มันบั่นทอนจิตใจเรามากค่ะ

4. ด้วยความที่บางครั้งเราเหนื่อย เราอาจจะมีบ้าง ที่กินข้าวแล้วอาจจะไม่ได้ล้างจานเลย เราก็ตั้งไว้และเขาก็มาสั่งให้เราล้างเลย เราเลยบอกว่าเราเหนื่อย ถ้าไม่อยากช่วยล้างให้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราล้างเอง แต่ขอเวลาพักก่อนนะ เดี๋ยวล้างแน่ คำตอบที่ได้เราได้เราอึ้งเลยค่ะ (เขาบอกกับเราว่า ถ้าเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ ชีวิตก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จหรอก)  จบคำพูดนั้นเราก็ปรี๊ดเลยค่ะ เราเลยพูดว่า'กับอีแค่เรื่องล้างจาน  ก็บอกอยู่ว่า ถ้าไม่อยากเห็นก็ไม่ต้องมอง เดี๋ยวพักหายเหนื่อยแล้วทำเอง ถ้าช่วยแบ่งเบาเรื่องแค่นี้ไม่ได้ ก็ช่วยเงียบๆจะดีกว่าไหม ทำไมต้องเป็นเรื่องใหญ่' 
และคำตอบที่เราได้ยินกลับมาคือ "ทำนิสัยแบบนี้ -- ไปอยู่กับแม่ -ึง เลยไป" เราเลยตอบเขาว่า "พูดอะไรก็ได้ แต่อย่ามาพาดพิงถึงแม่คนอื่น แม่ใครใครก็รัก ต่อให้แม่ใครจะแย่ในสายตาใคร แต่จงจำไว้ว่าขึ้นชื่อบุพการี ไม่ใช่เรื่องที่ควรเอามาพูดในสถานการณ์ แบบนี้" 
และจบประโยคที่เราพูด เราก็หายออกมาเลยค่ะ เราออกมาร้องไห้ มานั่งทบทวน (ตอนนั้นเป็นการทบทวนแบบซีเรียสมากค่ะ) 
นี่เป็นเพียงเหตุการณ์ส่วนย่อย ที่มันมีย่อยๆ อีกหลายเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกว่า..... 
รู้งี้น่าจะเป็นเพื่อนแต่แรกดีกว่า 
จะได้ไม่มีความรู้สึกว่า ทำไมยิ่งรู้จัก ยิ่งแย่ขนาดนี้...
ปล. เขาเป็นคนธรรมะ ธัมโม นะคะชอบสวมมนต์ไหว้พระ มันทำให้เราตั้งคำถาม (ซึ่งเราไม่อยากคิดในเชิงนี้เลยว่า ธรรมะช่วยอะไรเขาได้บ้าง)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่