หลายคนอาจจะมีเหตุให้กระทบจิตใจ ถูกมั้ย แต่สำหรับเรา คือ "คำพูด" ไม่ใช่จากการทำงาน แต่มาจากครอบครัว สิ่งที่เรียกว่า"แม่"
ทำไมถึงเอาแต่ดุ ต่อว่าคุณฝ่ายเดียวหละ เพราะอยากให้ได้ดีหรอ เพื่อให้มีแรงกระตุ้น หรืออาจจะกำลังเตือนสติเราอยู่กันนะ?
สาวนสาเหตุที่เราเริ่มฉัดคิดเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายเพิ่มมากขึ้น ก็คือเมื่อเร็วๆนี้เองค่ะ
เริ่มจากเรามีแมวอยู่ตัวนึง แล้วทุกทีเราจะเอากะบะทรายเข้าบ้านก่อนปิดล๊อคประตูบ้าน แล้วเราลืม นีกว่าน้องอยู่ข้างนอกด้วย แต่จริงๆแล้วน้องแมวอยู่ในบ้านนี้แหละ แต่เราแค่ไม่รู้เฉยๆ เพราะไม่เห็นน้อง เช้ามาเราก็ได้ยินแม่โวยวายว่าแมวมันขี้หลังบ้าน แล้วเราเวลานอนไม่ล๊อคห้องประตูค่ะ แล้วแกก็ขึ้นห้องเรามาแล้วก็ฉอดๆเราทั้งๆเรายังงัวเงียอยู่แบบนั้น แกบอกว่า "ตอนเลี้ยงทำจะเป็นจะตาย ที่ตอนนี้ไม่ใส่ใจ" พอเราบอกไปว่า เราไม่รู่ว่าน้องอย่ในบ้าน เราลืม แม่ก็บอกว่า"ไม่เกี่ยว ยังไงก็ต้องเป็นคนเอาเข้า สันดาน หาแต่งานมาให้ ไม่มีความรับผิดชอบ" เราเลยรู้สึกแบบ ขนาดแมวป่วยแม่ยังไม่ช่วยออกเงินค่ารักษาเลย เรากับพี่ยังช่วยกันหาอยู่สองคน ทั้งๆที่เรายังไม่มีรายได้อะไรเลย เราต้องยืมเงินแฟน ขายของเพื่อให้พอกับค่ารักษา เรารู้สึกดิ่งมากในช่วงแรก แบบ เกินไปรึเปล่า? เราหมกตัวยุแต่ในห้อง หม่กินไรเลยตลอดวัน วนอยู่ความริดตัวเองเราผิดมากขนาดนั้นเลยหรอ? เราเป็นตัวภาระหรอ? หรือเรายังไม่ใช่อย่างที่เขาหวังไว้? พี่เราก็เริ่มมาคุย เราก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง พี่บอกว่าให้ตังแม่ไปแล้ว แกดูอารมดีขึ้น ให้ออกมากินข้าวกินปลาได้แล้ว เราก็ลงไป ตอนนั้นน่าจะประมาณ5โมงดได้ แม่เห็นหน้าเรา ประโยคแรกที่เขาพูดคือ "นึกว่าตายคาห้องไปแล้ว" เย็นนั้นเราเลยได้กินข้าวที่บ้านค่ะ ออกไปกินข้าวนอก กลับมาก็ขึ้นห้องเลย จนพวกเขาไปตจว.กันแล้ว ลงมาช่วยพี่ปิดร้านตอนสามทุ่มครึ่ง แล้วด้วยความที่เป็นวันที่ไม่ได้ทำงานอ่ะค่ะแต่เรารู้สึกเหนื่อย เหนื่อยอะไรไม่รู้ ทั้งเหนื่อย ทั้งหน่าย แล้ววันนี้เราไปงานคอสเพลย์ทคืองานอดิเรกเราก็คือคอสเพลย์ค่ะ เราไม่ค่อยมีเพื่อนด้วยส่วนนึง อยู่กันสองคน แต่รู้สึกสบายใจ ถึงเพื่อนจะน้อย แต่ก็รู้สึกสนุก เอ็นจอย เหมือนหลุดจากมุมมืดมาระยะนึง พอเค้ากลับถึงบ้าน กำลังจะแกะกับข้าวกิน แม่ก็โทรเข้าเครื่องพี่มา ถามว่าทำไมไม่เปิดร้าน พี่ก็ยอกว่าพี่ทำงาน(อยู่บ้าน) แต่เราไปงาน แม่ก็ถามว่างานอะไร พี่ก็บอกว่า ก็งานอ่ะแม่(ไม่ได้บอกว่าไปงานคอส) แม่ก็พูดต่อว่า "เออ คราวหลังกุจะให้มันออกจากบ้าน เก่งดีนัก จะได้ไม่ต้องมาขอเงินกุใช้" สำหรับเราพึ่งหลุดมุมมืดมาได้ส่วนนึง ก็ดิ่งกลับเข้าไปใหม่ คิดว่าเราควรจะอยู่ต่อดีมั้ยคะ? หมายถึงชีวิตในวัย22ปีของเรา
-สำหรับคอสเพลย์ รือทางบ้านไม่ได้สนันสนุนอ่ะค่ะ แต่ก็ไม่ได้ห้าม
-สำหรับงาน ในช่วงแรกๆเงินเราได้ค่อนข้างน้อย ทำมา3เดือน รวมกันยังไม่ถึง25,000เลยค่ะ
ทำไมถึงมีความคิดพัดขึ้นว่า “หรือฉันควรจะจากโลกนี้ไปดี?”
ทำไมถึงเอาแต่ดุ ต่อว่าคุณฝ่ายเดียวหละ เพราะอยากให้ได้ดีหรอ เพื่อให้มีแรงกระตุ้น หรืออาจจะกำลังเตือนสติเราอยู่กันนะ?
สาวนสาเหตุที่เราเริ่มฉัดคิดเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายเพิ่มมากขึ้น ก็คือเมื่อเร็วๆนี้เองค่ะ
เริ่มจากเรามีแมวอยู่ตัวนึง แล้วทุกทีเราจะเอากะบะทรายเข้าบ้านก่อนปิดล๊อคประตูบ้าน แล้วเราลืม นีกว่าน้องอยู่ข้างนอกด้วย แต่จริงๆแล้วน้องแมวอยู่ในบ้านนี้แหละ แต่เราแค่ไม่รู้เฉยๆ เพราะไม่เห็นน้อง เช้ามาเราก็ได้ยินแม่โวยวายว่าแมวมันขี้หลังบ้าน แล้วเราเวลานอนไม่ล๊อคห้องประตูค่ะ แล้วแกก็ขึ้นห้องเรามาแล้วก็ฉอดๆเราทั้งๆเรายังงัวเงียอยู่แบบนั้น แกบอกว่า "ตอนเลี้ยงทำจะเป็นจะตาย ที่ตอนนี้ไม่ใส่ใจ" พอเราบอกไปว่า เราไม่รู่ว่าน้องอย่ในบ้าน เราลืม แม่ก็บอกว่า"ไม่เกี่ยว ยังไงก็ต้องเป็นคนเอาเข้า สันดาน หาแต่งานมาให้ ไม่มีความรับผิดชอบ" เราเลยรู้สึกแบบ ขนาดแมวป่วยแม่ยังไม่ช่วยออกเงินค่ารักษาเลย เรากับพี่ยังช่วยกันหาอยู่สองคน ทั้งๆที่เรายังไม่มีรายได้อะไรเลย เราต้องยืมเงินแฟน ขายของเพื่อให้พอกับค่ารักษา เรารู้สึกดิ่งมากในช่วงแรก แบบ เกินไปรึเปล่า? เราหมกตัวยุแต่ในห้อง หม่กินไรเลยตลอดวัน วนอยู่ความริดตัวเองเราผิดมากขนาดนั้นเลยหรอ? เราเป็นตัวภาระหรอ? หรือเรายังไม่ใช่อย่างที่เขาหวังไว้? พี่เราก็เริ่มมาคุย เราก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง พี่บอกว่าให้ตังแม่ไปแล้ว แกดูอารมดีขึ้น ให้ออกมากินข้าวกินปลาได้แล้ว เราก็ลงไป ตอนนั้นน่าจะประมาณ5โมงดได้ แม่เห็นหน้าเรา ประโยคแรกที่เขาพูดคือ "นึกว่าตายคาห้องไปแล้ว" เย็นนั้นเราเลยได้กินข้าวที่บ้านค่ะ ออกไปกินข้าวนอก กลับมาก็ขึ้นห้องเลย จนพวกเขาไปตจว.กันแล้ว ลงมาช่วยพี่ปิดร้านตอนสามทุ่มครึ่ง แล้วด้วยความที่เป็นวันที่ไม่ได้ทำงานอ่ะค่ะแต่เรารู้สึกเหนื่อย เหนื่อยอะไรไม่รู้ ทั้งเหนื่อย ทั้งหน่าย แล้ววันนี้เราไปงานคอสเพลย์ทคืองานอดิเรกเราก็คือคอสเพลย์ค่ะ เราไม่ค่อยมีเพื่อนด้วยส่วนนึง อยู่กันสองคน แต่รู้สึกสบายใจ ถึงเพื่อนจะน้อย แต่ก็รู้สึกสนุก เอ็นจอย เหมือนหลุดจากมุมมืดมาระยะนึง พอเค้ากลับถึงบ้าน กำลังจะแกะกับข้าวกิน แม่ก็โทรเข้าเครื่องพี่มา ถามว่าทำไมไม่เปิดร้าน พี่ก็ยอกว่าพี่ทำงาน(อยู่บ้าน) แต่เราไปงาน แม่ก็ถามว่างานอะไร พี่ก็บอกว่า ก็งานอ่ะแม่(ไม่ได้บอกว่าไปงานคอส) แม่ก็พูดต่อว่า "เออ คราวหลังกุจะให้มันออกจากบ้าน เก่งดีนัก จะได้ไม่ต้องมาขอเงินกุใช้" สำหรับเราพึ่งหลุดมุมมืดมาได้ส่วนนึง ก็ดิ่งกลับเข้าไปใหม่ คิดว่าเราควรจะอยู่ต่อดีมั้ยคะ? หมายถึงชีวิตในวัย22ปีของเรา
-สำหรับคอสเพลย์ รือทางบ้านไม่ได้สนันสนุนอ่ะค่ะ แต่ก็ไม่ได้ห้าม
-สำหรับงาน ในช่วงแรกๆเงินเราได้ค่อนข้างน้อย ทำมา3เดือน รวมกันยังไม่ถึง25,000เลยค่ะ