นิทานเจ้าหญิงไร้ชื่อกับเจ้าชายนิรนามและสาวชาวบ้านกับชายตัดฟื้น
กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว มีเจ้าหญิงไร้ชื่อถูกสาปให้อยู่ในป่า เฝ้ารอเจ้าชายรูปงามมาปลดคำสาปร้ายคำนั้น แต่คำสาปหาได้สาปไว้ว่าต้องเจอเจ้าชายแต่หากเพียงเจอใครสักคนที่รักนางสุดใจขาดดิ้น
เวลาล่วงเลยผ่านเจ้าหญิงไร้ชื่อได้แต่เฝ้ารอด้วยใจที่มีหวัง ทุกวันเช้าเย็นจะมีชายตัดฟืนเดินผ่านไปผ่านมา เห็นเจ้าหญิงไร้ชื่อนั่งอยู่กลางป่าเพียงลำพัง ทุกวันชายตัดฟืนก็จะเอาของกินมาฝากให้เจ้าหญิงได้รับทาน เจ้าหญิงจะยิ้มหวานให้ทุกครั้งที่ชายตัดฟืนเอาของกินมาให้ และจะนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย ทุกครั้งที่เจ้าหญิงยิ้มหวานให้ ชายตัดฟืนจะมีความสุขประดุจได้เดินขึ้นสรวงสวรรค์
เรื่องราวของเจ้าหญิงรูปงามโด่งดังไปยังหลายแคว้น เจ้าชายนิรนามได้ยินข่าวนั้นจึงตัดสินใจออกเดินทางเพื่อไปช่วยเจ้าหญิงไร้ชื่อ เจ้าชายขี่ม้าสามศอกผ่านหมอกดำมาจนถึงป่าแห่งหนึ่งแล้วเจ้าชายก็บุกป่าฝ่าดงเข้าไปก็เห็นหญิงสาวชาวบ้านกำลังเก็บเห็นอย่างเพลิดเพลิน
เจ้าชายก็ถามหญิงสาวชาวบ้านว่า เห็นเจ้าหญิงไร้ชื่อไหม หญิงสาวชาวบ้านก็ทำหน้างงๆ และถามเจ้าชายว่า รู้ไหมว่าเจ้าหญิงไร้ชื่อหน้าตาเป็นอย่างไร เจ้าชายก็บอกว่าไม่รู้ซิ ไม่เคยเห็น หญิงสาวชาวบ้านก็ตอบกลับไปทันควันว่า ก็ฉันนี่แหละเจ้าหญิงไร้ชื่อ เจ้าชายก็ดีใจ รีบคว้าหญิงชาวบ้านขึ้นมาวิ่งออกจากป่า เมื่อไม่เกิดอะไรขึ้น เจ้าชายก็คิดว่าคำสาปคงสลายไปแล้ว เพราะตนเป็นคนช่วยเจ้าหญิงออกมาจากป่า รักแท้คงทำให้คำสาปสูญสลาย เจ้าชายนิรนามพาหญิงสาวชาวบ้านกลับมาถึงวังก็จัดพิธีอภิเษกสมรส อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ตัดมาที่เจ้าหญิงไร้ชื่อ วันเวลาผ่านไปนานแสนนาน ชายตัดฟืนรวบรวมความกล้าถามเจ้าหญิงว่า ทำไมถึงมาอยู่ในป่า เจ้าหญิงไร้ชื่อก็บอกว่า ตนถูกสาปไม่สามารถออกจากป่าได้ จนกว่าจะมีเจ้าชายที่รักเธอด้วยความจริงใจมาช่วยเธอออกไป ชายตัดฟืนก็รู้สึกตกใจ แล้วก็ถามต่อว่า ต้องเป็นเจ้าชายเท่านั้นงั้นหรือ เจ้าหญิงก็บอกว่าไม่รู้ซินะ เพราะตอนแม่มดสาป ก็ไม่ได้บอกว่าต้องเป็นเจ้าชาย ชายตัดฟืนก็ยิ้มหวานขึ้นมาทันที คว้ามือเจ้าหญิงไร้ชื่อแล้วพาวิ่งออกจากป่า
เมื่อเริ่มวิ่งออกมาก็ปรากฎว่าต้นไม้รอบๆ ขยับตัวขยายใหญ่ขึ้น แล้วฟาดกิ่งก้านลงมาใส่ชายตัดฟืน ชายตัดฟืนยกขวานขึ้นฟาดฟันกิ่งไม้เหล่านั้นให้ทางเปิดออก เมื่อวิ่งผ่านต้นไม้เหล่านั้นมาได้ก็เจอ สัตว์ป่ามากมายมาขวางทางไว้ ชายตัดฟืนปลดเสื้อคลุมออกปรากฎเป็นขวานทองคำ และขวานเงินผูกติดอยู่ที่กลางหลัง คนตัดฟืนเอาขวานเหน็บที่เอว แล้วเอื้อมมือไปดึงขวานเงินและขวานทองจากกลางหลังแล้วใช้สันขวานฟาดฟันใส่สัตว์ป่าเหล่านั้นให้ล้มสลบลงไปตามทาง สัตว์ป่าบางตัวเมื่อเห็นเช่นนั้นก็เริ่มหลบหลีกลี้หนีจากการถูกทำร้าย
หลังจากวิ่งต่อสู้กับสัตว์ป่า และต้นไม้เหล่านั้นก็พ้นออกมาจากป่าได้ เจ้าหญิงไร้ชื่อเฝ้ามองคนตัดฟืนจากด้นหลังด้วยความปลาบปลื้ม และประทับใจที่ชายตัดฟืนทุ่มเทกายใจ ช่วยตนออกมาจากป่าจนสำเร็จ ชายตัดฟืนหันกลับมายิ้มหวานให้เจ้าหญิงไร้ชื่อ เจ้าหญิงไร้ชื่อก็ยิ้มหวานให้ชายตัดฟืน แล้วกระโดดกอดชายตัดฟืนด้วยความรัก ชายตัดฟืนเองก็กอดเจ้าหญิงไร้ชื่อด้วยความรัก ปรากฎเกิดเป็นแสงเรืองรองโอบล้อมทั้งสองแล้วแสงนั้นก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า คำสาปที่เจ้าหญิงไร้ชื่อถูกสาปไว้ก็ถูกปลดล็อกด้วยรักแท้ของทั้งสอง
แม่มดปรากฎกายขึ้นมาแสยะยิ้มตรงหน้าของหญิงชายทั้งสอง ชายตัดฟืนยืนขวางหน้าเจ้าหญิงไร้ชื่อพร้อมปกป้อง แม่มดก็บอกชายตัดฟืนว่าไม่ต้องห่วง เธอไม่ได้คิดจะทำร้ายใครแล้ว เพียงแต่อยากจะบอกให้โลกรู้ว่า คำสาปนั้นไม่จำเป็นต้องได้รับการปลดปล่อยด้วยเจ้าชายเท่านั้น หากแต่เป็นเพียงรักที่เกิดขึ้นจากใครบางคนก็สามารถปลดปล่อยคำสาปได้ ไม่ต้องมัวแต่รอเจ้าชายก็ได้เนอะ
เจ้าหญิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกแอบรู้สึกผิด ที่ปล่อยข่าวไปว่าต้องเป็นเจ้าชายเท่านั้น และรู้สึกดีใจที่ชายตัดฟืนตัดสินใจช่วยเหลือตนเองออกจากป่า ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าต้องติดอยู่ในป่าจนตายไหม
เมื่อแม่มดพูดจบแม่มดก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตา เจ้าหญิงไร้ชื่อก็บอกชายตัดฟืนให้พาตนกลับวัง เมื่อทั้งสองไปถึงวัง พระราชาเห็นเจ้าหญิงไร้ชื่อก็ดีใจจนตัวสั่น และหันไปมองชายตัดฟืนด้วยสีหน้าแปลกใจ เจ้าหญิงไร้ชื่อจึงเล่าให้ฟังว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร พระราชาได้ยินเช่นนั้นก็จะตบรางวัลให้ชายตัดฟืน แต่เจ้าหญิงไร้ชื่อก็ห้ามไว้ และบอกว่า เธอต้องการจะแต่งงานกับชายตัดฟืน พระราชาตอนแรกก็มีสีหน้าไม่พอใจ แต่เพราะรักลูกสาวสุดหัวใจ จึงยอมให้ทั้งสองแต่งงานกัน
เมื่อสิ้นพระราชาแล้ว ชายตัดฟืนก็ขึ้นครองราชย์ และปกครองปวงชนด้วยทศพิศราชธรรม ผู้คนต่างอยู่กันอย่างมีความสุข ชายตัดฟืนกับเจ้าหญิงไร้ชื่อต่างก็ครองคู่กันอย่างมีความสุขจนวันสุดท้ายของชีวิต
จบจ้ะ
นิทานเจ้าหญิงไร้ชื่อกับเจ้าชายนิรนามและสาวชาวบ้านกับชายตัดฟื้น
กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว มีเจ้าหญิงไร้ชื่อถูกสาปให้อยู่ในป่า เฝ้ารอเจ้าชายรูปงามมาปลดคำสาปร้ายคำนั้น แต่คำสาปหาได้สาปไว้ว่าต้องเจอเจ้าชายแต่หากเพียงเจอใครสักคนที่รักนางสุดใจขาดดิ้น
เวลาล่วงเลยผ่านเจ้าหญิงไร้ชื่อได้แต่เฝ้ารอด้วยใจที่มีหวัง ทุกวันเช้าเย็นจะมีชายตัดฟืนเดินผ่านไปผ่านมา เห็นเจ้าหญิงไร้ชื่อนั่งอยู่กลางป่าเพียงลำพัง ทุกวันชายตัดฟืนก็จะเอาของกินมาฝากให้เจ้าหญิงได้รับทาน เจ้าหญิงจะยิ้มหวานให้ทุกครั้งที่ชายตัดฟืนเอาของกินมาให้ และจะนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย ทุกครั้งที่เจ้าหญิงยิ้มหวานให้ ชายตัดฟืนจะมีความสุขประดุจได้เดินขึ้นสรวงสวรรค์
เรื่องราวของเจ้าหญิงรูปงามโด่งดังไปยังหลายแคว้น เจ้าชายนิรนามได้ยินข่าวนั้นจึงตัดสินใจออกเดินทางเพื่อไปช่วยเจ้าหญิงไร้ชื่อ เจ้าชายขี่ม้าสามศอกผ่านหมอกดำมาจนถึงป่าแห่งหนึ่งแล้วเจ้าชายก็บุกป่าฝ่าดงเข้าไปก็เห็นหญิงสาวชาวบ้านกำลังเก็บเห็นอย่างเพลิดเพลิน
เจ้าชายก็ถามหญิงสาวชาวบ้านว่า เห็นเจ้าหญิงไร้ชื่อไหม หญิงสาวชาวบ้านก็ทำหน้างงๆ และถามเจ้าชายว่า รู้ไหมว่าเจ้าหญิงไร้ชื่อหน้าตาเป็นอย่างไร เจ้าชายก็บอกว่าไม่รู้ซิ ไม่เคยเห็น หญิงสาวชาวบ้านก็ตอบกลับไปทันควันว่า ก็ฉันนี่แหละเจ้าหญิงไร้ชื่อ เจ้าชายก็ดีใจ รีบคว้าหญิงชาวบ้านขึ้นมาวิ่งออกจากป่า เมื่อไม่เกิดอะไรขึ้น เจ้าชายก็คิดว่าคำสาปคงสลายไปแล้ว เพราะตนเป็นคนช่วยเจ้าหญิงออกมาจากป่า รักแท้คงทำให้คำสาปสูญสลาย เจ้าชายนิรนามพาหญิงสาวชาวบ้านกลับมาถึงวังก็จัดพิธีอภิเษกสมรส อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ตัดมาที่เจ้าหญิงไร้ชื่อ วันเวลาผ่านไปนานแสนนาน ชายตัดฟืนรวบรวมความกล้าถามเจ้าหญิงว่า ทำไมถึงมาอยู่ในป่า เจ้าหญิงไร้ชื่อก็บอกว่า ตนถูกสาปไม่สามารถออกจากป่าได้ จนกว่าจะมีเจ้าชายที่รักเธอด้วยความจริงใจมาช่วยเธอออกไป ชายตัดฟืนก็รู้สึกตกใจ แล้วก็ถามต่อว่า ต้องเป็นเจ้าชายเท่านั้นงั้นหรือ เจ้าหญิงก็บอกว่าไม่รู้ซินะ เพราะตอนแม่มดสาป ก็ไม่ได้บอกว่าต้องเป็นเจ้าชาย ชายตัดฟืนก็ยิ้มหวานขึ้นมาทันที คว้ามือเจ้าหญิงไร้ชื่อแล้วพาวิ่งออกจากป่า
เมื่อเริ่มวิ่งออกมาก็ปรากฎว่าต้นไม้รอบๆ ขยับตัวขยายใหญ่ขึ้น แล้วฟาดกิ่งก้านลงมาใส่ชายตัดฟืน ชายตัดฟืนยกขวานขึ้นฟาดฟันกิ่งไม้เหล่านั้นให้ทางเปิดออก เมื่อวิ่งผ่านต้นไม้เหล่านั้นมาได้ก็เจอ สัตว์ป่ามากมายมาขวางทางไว้ ชายตัดฟืนปลดเสื้อคลุมออกปรากฎเป็นขวานทองคำ และขวานเงินผูกติดอยู่ที่กลางหลัง คนตัดฟืนเอาขวานเหน็บที่เอว แล้วเอื้อมมือไปดึงขวานเงินและขวานทองจากกลางหลังแล้วใช้สันขวานฟาดฟันใส่สัตว์ป่าเหล่านั้นให้ล้มสลบลงไปตามทาง สัตว์ป่าบางตัวเมื่อเห็นเช่นนั้นก็เริ่มหลบหลีกลี้หนีจากการถูกทำร้าย
หลังจากวิ่งต่อสู้กับสัตว์ป่า และต้นไม้เหล่านั้นก็พ้นออกมาจากป่าได้ เจ้าหญิงไร้ชื่อเฝ้ามองคนตัดฟืนจากด้นหลังด้วยความปลาบปลื้ม และประทับใจที่ชายตัดฟืนทุ่มเทกายใจ ช่วยตนออกมาจากป่าจนสำเร็จ ชายตัดฟืนหันกลับมายิ้มหวานให้เจ้าหญิงไร้ชื่อ เจ้าหญิงไร้ชื่อก็ยิ้มหวานให้ชายตัดฟืน แล้วกระโดดกอดชายตัดฟืนด้วยความรัก ชายตัดฟืนเองก็กอดเจ้าหญิงไร้ชื่อด้วยความรัก ปรากฎเกิดเป็นแสงเรืองรองโอบล้อมทั้งสองแล้วแสงนั้นก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า คำสาปที่เจ้าหญิงไร้ชื่อถูกสาปไว้ก็ถูกปลดล็อกด้วยรักแท้ของทั้งสอง
แม่มดปรากฎกายขึ้นมาแสยะยิ้มตรงหน้าของหญิงชายทั้งสอง ชายตัดฟืนยืนขวางหน้าเจ้าหญิงไร้ชื่อพร้อมปกป้อง แม่มดก็บอกชายตัดฟืนว่าไม่ต้องห่วง เธอไม่ได้คิดจะทำร้ายใครแล้ว เพียงแต่อยากจะบอกให้โลกรู้ว่า คำสาปนั้นไม่จำเป็นต้องได้รับการปลดปล่อยด้วยเจ้าชายเท่านั้น หากแต่เป็นเพียงรักที่เกิดขึ้นจากใครบางคนก็สามารถปลดปล่อยคำสาปได้ ไม่ต้องมัวแต่รอเจ้าชายก็ได้เนอะ
เจ้าหญิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกแอบรู้สึกผิด ที่ปล่อยข่าวไปว่าต้องเป็นเจ้าชายเท่านั้น และรู้สึกดีใจที่ชายตัดฟืนตัดสินใจช่วยเหลือตนเองออกจากป่า ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าต้องติดอยู่ในป่าจนตายไหม
เมื่อแม่มดพูดจบแม่มดก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตา เจ้าหญิงไร้ชื่อก็บอกชายตัดฟืนให้พาตนกลับวัง เมื่อทั้งสองไปถึงวัง พระราชาเห็นเจ้าหญิงไร้ชื่อก็ดีใจจนตัวสั่น และหันไปมองชายตัดฟืนด้วยสีหน้าแปลกใจ เจ้าหญิงไร้ชื่อจึงเล่าให้ฟังว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร พระราชาได้ยินเช่นนั้นก็จะตบรางวัลให้ชายตัดฟืน แต่เจ้าหญิงไร้ชื่อก็ห้ามไว้ และบอกว่า เธอต้องการจะแต่งงานกับชายตัดฟืน พระราชาตอนแรกก็มีสีหน้าไม่พอใจ แต่เพราะรักลูกสาวสุดหัวใจ จึงยอมให้ทั้งสองแต่งงานกัน
เมื่อสิ้นพระราชาแล้ว ชายตัดฟืนก็ขึ้นครองราชย์ และปกครองปวงชนด้วยทศพิศราชธรรม ผู้คนต่างอยู่กันอย่างมีความสุข ชายตัดฟืนกับเจ้าหญิงไร้ชื่อต่างก็ครองคู่กันอย่างมีความสุขจนวันสุดท้ายของชีวิต
จบจ้ะ