โลกของเรานั้นเป็นระบบปิดอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยแรงโน้มถ่วงที่แรงกำลังดี ที่ทำให้ไม่มีอะไรออกไปนอกโลก (ไม่นับการออกไปด้วยความตั้งใจของมนุษย์) และวัฏจักรการหมุนเวียนอะตอมหรือโมเลกุลต่างๆ

น้ำ เกิดขึ้นบนโลกตั้งแต่ 4.4 พันล้านปีที่แล้ว (เป๊ะๆคือ 4.404 บวกลบ 0.008 พันล้านปี)
และมันก็วนเวียนอยู่เรื่อยๆ น้ำที่เราดื่มไป ถ้าจะบอกว่ามีหยดที่เคยอยู่ในร่างกายไดโนเสาร์สักตัวมาก่อน ก็คงไม่น่าแปลกใดๆ

ประชากรมนุษย์กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็คือการรักษาสมดุลอะตอมอยู่ดี
เพราะเรามีการบริโภคอาหารอย่างมหาศาลเพื่อเอาไปแปลงเป็นชีวิตนั่นแหละ

ผลไม้ที่สุกคาต้น ก็ทำได้เพราะมีท่อลำเลียง (ไซเลมกับฟโลเอม ที่เอาโมเลกุลตัวดิบที่ไม่ใช้แล้วออก และนำเข้าโมเลกุลตัวสุกที่ต้องการ)
แม้กระทั่งผลไม้ที่ถูกเทคออกมาจากต้น เช่น ผลกล้วย มันก็สุกของมันเองได้อยู่ดี เปลี่ยนรสชาติ เปลี่ยนเนื้อสัมผัสเองได้ ด้วยเอนไซม์ ที่ถูกกระตุ้นการสร้างด้วยไอน้ำเป็นหลัก และก๊าซอื่นๆนิดหน่อย
ถ้าเราเอาผลไม้ดิบไปไว้ในสุญญากาศ มันจะยังคงเน่าได้ ตามการเสื่อมสลายของเซลล์ด้วยอายุขัย
แต่มันจะไม่สุกเพิ่มไปกว่านี้ หรือมีก็น้อยมาก จากน้ำที่ออกมาจากเซลล์ที่เสื่อมสลายตามอายุของมัน

ที่พูดมาทั้งหมด คือการบอกว่า อะตอมที่เราใช้อยู่ทั้งหมด มันก็คือเซทเดียวกันกับเมื่อเป็นพันล้านปีก่อน แค่เล่นแร่แปรธาตุ
ผมเชื่อแบบนั้นมาตลอด แม้กระทั่ง fact ของโลกเราจากหลายแหล่ง ก็บอกแบบนั้นครับ

แต่ผมกำลังคิดว่านี่ไม่ใช่ความจริง

ล่าสุด ผมเห็น fact หนึ่งโดยบังเอิญ บอกว่าปีนึงมีอุกกาบาตตกลงสู่โลกประมาณ 17,000 ลูก
เกือบทั้งหมดถูกเผาไหม้จนหายสิ้นด้วยออกซิเจนในบรรยากาศโลกเราเอง ที่เหลือที่ไม่หมด ก็เป็นเศษผง
คือก็รู้อยู่แล้วแหละ แต่การเห็นข้อมูลครั้งนี้ทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมา ว่า

นั่นหมายความว่าจริงๆแล้ว มวลอะตอมของโลกเรากำลังเพิ่มขึ้นด้วยวัตถุอวกาศ

คำถามคือ ถ้าไม่ถูกเก็บไปโชว์หรือเก็บสะสม โดยมนุษย์
โลกของเรามีการเอาวัตถุอวกาศพวกนั้นไปเข้าวัฏจักรการหมุนเวียนอะตอมของตัวเองได้ยังไงบ้างครับ
ที่ผมนึกออกคือ ระดับเศษฝุ่น อาจไปเป็นแร่ธาตุในดิน ให้พืชหรือ Microorganisms จัดการ
มันยังมีทางอื่นที่เป็นไปได้อีกมั้ยครับ