เล่ห์ดวงใจ (7)

.

                        7
          ————————————————————————

 
          เพียงขวัญนั่งมองตัวเองในกระจก เติมแป้งเติมลิปสติกนิดหน่อยก็ได้แล้ว แค่ไปเที่ยวงานวันลอยกระทง ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เห็นจะเป็นครั้งแรกที่ได้เที่ยวตอนกลางคืน ไม่เหมือนตอนยังทำงานอยู่กรุงเทพ ที่เธอแทบจะเที่ยวทุก ๆ วันหยุดกับอัญญา 
          แม้เธอจะเห็นร้านเหล้าเปิดอยู่บ้าง เธอก็ยังไม่มีโอกาสได้ออกไปไหนเลย คืนนี้เพียงขวัญจึงดูตื่นเต้นที่สุด อีกทั้งเธออยากรู้ว่าต่างจังหวัดจะจัดงานยิ่งใหญ่ สวย อลังการ เช่นในกรุงเทพหรือเปล่า
          พูดถึงเพื่อนซี้พักนี้ไม่ค่อยได้โทรคุยกันเลย เพราะงานของเธอล้นมือไปหมดในแต่ละวัน คิดว่าอัญญาเองก็คงไม่ว่างคุยกับเธอด้วย เห็นสวีทกับแฟนหนุ่มลงโซเชี่ยลทุกวัน ไม่เหมือนเธอ…. พอนึกถึงปัญหานั้น เพียงขวัญก็ถอนหายใจ ปลงและลืมมันแล้วล่ะ 
 
 
          ขณะแต่งตัวมีข้อความไลน์เข้า เพียงขวัญเดินไปหยิบมาเปิดอ่าน จากใบหน้าที่เปื้อนยิ้มก็ต้องหุบลง เมื่อเห็นข้อความเป็นชื่อของใครคนหนึ่ง ชื่อนั้นมีอิทธิพลกับหัวใจเธอเหลือเกิน มันกลืนกินความสุขของเธอที่มีในวันนี้และที่ผ่านมาหายไปจนหมดสิ้น

          ‘อิชยะ’ เขาจะตามเธอไปถึงไหน

          ชื่อที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี จำฝังใจ ตั้งแต่แยกจากกันวันนั้น เธอกับเขาก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย เธอเองที่เป็นฝ่ายหลบหน้าเขา ย้ายมาทำงานที่ต่างจังหวัดก็เพราะเขา ทำไมวันนี้เขาถึงยังคอยตามหลอกหลอนเธออีก แม้จะบล็อกจะลบช่องทางการติดต่อไปแค่ไหนก็ไม่เป็นผล 

          ‘ขวัญผมขอโทษ’ 

          ‘ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหมครับ ผมรู้ว่าผมเลว ทำขวัญเสียใจมาหลายครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ ขวัญให้โอกาสผมอีกสักครั้งได้ไหม เป็นครั้งสุดท้ายนะครับ ชีวิตผมขาดขวัญไม่ได้’

          เพียงขวัญหยิบโทรศัพท์เปิดอ่านข้อความของอิชยะ หัวใจเต้นแรง น้ำตาคลอ ทำไมเขายังกล้าหน้าด้านขอโอกาสจากเธออีก ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งที่สิ่งที่เขาทำกับเธอมันเลวร้ายเกินกว่าจะให้โอกาส และไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำให้เธอเจ็บปวด ไม่ให้เกียรติ กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำอีก
          ภาพวันนั้นมันยังชัดเจน มันผุดขึ้นมาในหัวตอกย้ำความโง่ของเธออีกครั้ง พวกเขาสองคนหักหลังเธอ ภาพวันนั้นมันกลับมาฉายซ้ำให้เธอเจ็บปวดทรมาน แม้เธอจะหลบหนีมาไกลแค่ไหน ภาพเหล่านั้นมันยังตามหลอกหลอนเธอไม่มีวันจางหายไป 
          เพียงขวัญไม่พิมพ์ตอบ ฟุบหน้าร้องไห้อยู่บนเตียงนอน อิชยะกลับมาทำร้ายหัวใจของเธออีกแล้ว เธอไม่เคยลืมเขาได้เลย ไม่เคยเลยสักวัน แม้จะทำใจได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เธอก็ไม่เคยลืมเขา สักพักมีสายโทรศัพท์เข้า เพียงขวัญไม่สนใจ เพราะคิดว่าเป็นอิชยะเองที่โทรมา
          “ขวัญ น้องขวัญเสร็จหรือยังจ๊ะ ทุ่มกว่าแล้วนะ” เสียงของประภาวรินทร์เรียกเธอที่หน้าห้อง เพราะโทรหาสาวเจ้าแล้วไม่ยอมรับสาย จึงเดินมาเรียกที่หน้าห้องของเจ้าตัวเสียเลย
          เพียงขวัญได้ยินเสียงคนเรียกก็รู้สึกตัว ได้สติกลับมา เธอยังแต่งตัวไม่เสร็จ มัวแต่นอนร้องไห้จนลืมนึกไปว่า วันนี้มีนัดกับประภาวรินทร์ 
          หล่อนรีบเช็ดน้ำตาทำตัวให้ปกติ แม้ตาจะบวมเป่งจากการร้องไห้ก็ตาม คนข้างนอกคงไม่สังเกตและสนใจ จากนั้นจึงลุกเดินไปเปิดประตู
          “ค่ะพี่รินทร์” หล่อนเปิดประตูให้คนข้างนอก “ขวัญยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย ขอเวลาอีกแป๊บได้มั้ยคะ พอดีขวัญนอนพึ่งตื่นน่ะ” หล่อนแก้ตัว
          “ถึงว่าตาบวมเป่งเชียว นึกว่าร้องไห้ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ขวัญคุยกับพี่ได้นะ พี่เป็นผู้ใหญ่พอ ขวัญเชื่อใจพี่ได้” เพื่อนรุ่นพี่ท้วง
          “เปล่าค่ะ ขวัญแค่นอนเยอะไปหน่อย พึ่งจะลุกอาบน้ำเมื่อกี้เอง ขวัญขอเวลาอีกแป๊บ ๆ นะคะ พี่รินทร์รอขวัญแป๊บนึงนะ” เพียงขวัญแก้ตัว
          “ไม่เป็นไรจ้ะ งานมีตลอดทั้งคืน ไม่รีบหรอก พี่โทรหาเราไม่รับสาย นี่ก็มืดแล้วพี่นึกเป็นห่วงก็เลยมาเคาะเรียกน่ะ งั้นก็รีบไปแต่งตัวให้เสร็จเถอะ พี่รอที่ห้องพี่รันต์นะ” ประภาวรินทร์กล่าว เพียงขวัญพยักหน้า จากนั้นประภาวรินทร์ก็เดินจากไป ส่วนเธอรีบกลับไปแต่งตัวให้เสร็จ
          เพียงขวัญรีบจัดการตัวเองให้แล้วเสร็จอย่างเร็ว จัดการอารมณ์ขุ่นมัวออกไปจากใจให้หมด พร้อมแล้วกับการไปเที่ยวงานวันลอยกระทงในคืนนี้ เธอแต่งตัวธรรมดาให้เข้ากับสถานที่ เดินมาหาประภาวรินทร์ที่ห้องพักของการันต์ คนที่ไปด้วยเห็นจะมีประภาวรินทร์เพื่อนรุ่นพี่ นทีผู้จัดการของเธอ นิสาเด็กหญิงที่เจอกันเมื่อวาน และอีกคนคือ การันต์ เขาจะตามพวกเธอไปด้วยสำหรับคืนนี้ 
          “สวัสดีค่ะคุณนที คุณนทีก็ไปด้วยเหรอคะ” เพียงขวัญทักทายผู้จัดการของตนด้วยรอยยิ้ม ยิ้มขำให้กับคนที่ตนเองทำงานด้วยอย่างสนิทสนม และก็เอื้อมมือไปหยอกเล่นกับเด็กหญิงที่นทีกำลังอุ้มอยู่ “มาหาพี่ขวัญมั้ยคะ” เธอกล่าวพร้อมเอื้อมมือทำท่าจะอุ้ม เด็กน้อยส่ายหัวไม่ยอมให้เธออุ้ม จะอยู่กับคนเป็นพ่อท่าเดียว
          “อ้าว… ผมก็อยากไปลอยกระทงเอาสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิตบ้างสิครับ” หนุ่มใหญ่ตอบ ปรายตาเหยียดยิ้มมองภรรยา ก่อนจะโดนสวนกลับด้วยหางตาพิฆาตของประภาวรินทร์เข้าอย่างจัง ทำเอาเพียงขวัญหัวเราะชอบใจ

          อะแฮ่ม! อืมม์!! 

          การันต์กระแอมเพราะรู้สึกว่า ตนเองไม่มีตัวตน ยืนบื้อฟังน้องสาวน้องเขยและเพียงขวัญคุยกัน โดยที่ทุกคนไม่สนใจเขาเลย
          “เอ่อ คืนนี้พี่รันต์ไปกับเรานะ” ประภาวรินทร์หันมาบอกกับเธอ ซึ่งเธอก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรสักนิด “ไปรถคันเดียวกันเนอะ ไปรถคันของพี่” หล่อนเสนอ ซึ่งเป็นรถครอบครัว สามารถจุคนได้หลายคน เพียงขวัญอย่างไรก็ได้ ตอนนี้เธอลืมเรื่องอิชยะไปแล้ว อยากไปเดินชมงานเต็มแก่ เมื่อพร้อมแล้วทุกคนจึงออกเดินทาง

          ทางอำเภอจัดงานวันลอยกระทงอย่างยิ่งใหญ่ อลังการ ตามที่ได้พาดหัวข่าวไว้เมื่อวันเสาร์จริง ๆ นทีอุ้มลูกสาวเดินนำหน้าไป ตามด้วยประภาวรินทร์ผู้เป็นภรรยา ส่วนเธอเดินตามหลังของทั้งสองคน เดินชมแสงสีเสียงต่าง ๆ อย่างเพลินใจ และปิดท้ายด้วยการันต์เดินตามหลัง 
          สองข้างทางมีร้านขายกระทงมากมาย มีหลากหลายขนาดและราคา มีหลากหลายรูปแบบ และทำจากวัสดุที่แตกต่างกันไป ผู้คนที่มาเดินชมงานแน่นเบียดเสียดกัน มีโคมลอยห้อยขายหลากหลายสี และบนท้องฟ้าก็มีโคมลอยละลิ่วอยู่บนนั้นด้วย
          “คุณขวัญเป็นยังไงบ้างครับ ชอบมั้ย ถ้าอึดอัดหรือเบื่อ ชวนกลับได้นะครับ” การันต์เดินตีคู่ขึ้นมา ก้มหน้ากระซิบคุยกับหล่อน 
          เธอเงยหน้ามองเขานิดหน่อย ยิ้มบางให้ “ยังไม่อยากกลับค่ะ ไม่อึดอัดเลย อีกอย่างขวัญยังไม่ได้ลอยกระทงด้วย ลอยเสร็จค่อยกลับก็ได้ พี่รันต์เบื่อแล้วเหรอคะ” หล่อนตอบเขา ขณะที่เดินตามนทีกับประภาวรินทร์ไปติด ๆ พวกเธอจะไปยังท่าน้ำที่จัดเตรียมไว้สำหรับลอยกระทงในคืนนี้
          “เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ พี่เองก็นานแล้วที่ไม่ได้มาเดินงานแบบนี้ เพราะงานแบบนี้เป็นงานของเด็ก ๆ เค้า” 
          “ขวัญก็ยังไม่แก่นะคะพี่รันต์” หล่อนต่อปากต่อคำ ยิ้มขำกับคำพูดของเขา การันต์อายุเข้าเลขสี่แล้วก็จริง แต่ยังดูทะมัดทะแมง แข็งแรง เท่ สมาร์ทในสายตาของเธอที่สุด ผิดกับหลายคนที่อายุเท่ากัน ที่เธอเคยเจอผ่าน ๆ มา อีกคนคือนทีผู้จัดการของเธอ ทั้งสองคนคงจะดูแลตัวเองสุด ๆ แม้จะดื่มสังสรรค์บ้าง นั่นแหละ ก็ไม่ได้ทำร้ายหน้าตาร่างกายผิวพรรณของทั้งสองเลยสักนิด 
          เมื่อวานตอนเย็น หล่อนยังเห็นเขาออกกำลังกายในห้อง แอบมองเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว หุ่นล่ำบึก ผิวขาว คิ้วหนา จมูกเป็นสัน รับกับใบหน้าหล่อเหลาขนาดนี้ คงเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น จะว่าคงไม่ได้ การันต์เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ขนาดนั้น สาว ๆ เห็นก็เป็นต้องหลงใหล ขนาดเธอยังเผลอแอบมอง 
          ได้ยินคำตอบหนุ่มใหญ่ยิ้มบาง “ครับ…” ถือวิสาสะวางมือบนศีรษะของเพียงขวัญเบา ๆ ก่อนจะปล่อยลง จากนั้นก็เดินตามหล่อนอย่างเงียบ ๆ 
          “พี่รันต์” เพียงขวัญนึกอะไรได้ เธอชวนคุย ไหน ๆ ก็ออกมาเที่ยวด้วยกันแล้ว จะทำเย่อหยิ่งไปทำไม เขาเองก็ไม่ได้ดูร้ายกาจ อาจจะมีแว่บหนึ่ง ที่แววตาของเขาเมื่อมองมายังเธอ มันฉายแววแห่งความเจ้าชู้เจ้าเล่ห์อยู่ในตัว นั่นแหละ เธอก็มิได้ถือสาอะไร 
          “ครับ” เขาตอบ แล้วทำเนียนขึ้นมาเดินตีคู่กับเธอ เพียงขวัญกระตุกยิ้ม ‘นี่แหละความเจ้าเล่ห์ของเขาล่ะ’ “ว่าอะไรรึ” เขาถามกลับ
          “พี่รันต์ไม่กลับไปทำงานวันนี้ แล้วพรุ่งนี้เปิดงานจะทันเหรอคะ” เธอถามออกไปซื่อ ๆ ยังไม่รู้เลยว่าการันต์ทำงานอะไร
          “อ่อ ทันครับ พี่ทำงานอยู่อีกจังหวัดก็จริง แต่ว่ามันอยู่ใกล้ ๆ กัน ติดกันกับอำเภอนี้ ว่าง ๆ มีโอกาส คุณขวัญลองไปเที่ยวดู พี่อาสาเป็นไกด์ให้เอง”
          “ค่ะ แล้ว…” เพียงขวัญกำลังจะถามต่อ ทว่าประภาวรินทร์พูดแทรกขึ้นมาก่อน 
          “ทุกคนซื้อกระทงกัน” ประภาวรินทร์หยุดเดิน แล้วหันมาบอกกับพวกเธอสองคน กว่าจะเจอร้านที่ทำสวยถูกใจ ก็เกือบจะเดินไปถึงท่าน้ำแล้ว
          “ได้ค่ะ” เพียงขวัญตอบ เธอเดินแทรกฝ่าผู้คน เข้าไปเลือกกระทงกับประภาวินทร์อย่างตั้งใจ การันต์ยืนมองทั้งสองคน โดยที่เขาไม่คิดจะซื้อ และไม่อยากจะลอยด้วยซ้ำ 
          “มองตาไม่กะพริบเลยนะคุณหมอ” นทีอุ้มลูกสาวเดินมาสะกิดแขนเพื่อนสนิท พร้อมพูดแซว “ยิ้มแห้งเชียว ชอบอะดิ”
          “อย่ามาหาเรื่องฉันได้มั้ย ฉันก็แค่มองไปอย่างนั้น ก็น่ารักดี” การันต์กึ่งยอมรับกึ่งปฏิเสธ แม้จะเป็นความจริงทั้งหมดก็ตาม
          “ชอบก็ลองซี แต่ฉันไม่แน่ใจนะว่า เพียงขวัญคนสวยของแกน่ะ เธอจะมีเจ้าของไปแล้วหรือเปล่า” นทีไม่ห้ามเพื่อน คนอย่างการันต์จะจีบใครไม่ยากอยู่แล้ว สองเกลอยืนคุยกัน ระหว่างรอสองสาวเลือกกระทง
          “พี่รันต์ไม่ลอยกระทงด้วยกันเหรอคะ ลอยหน่อยเถอะ อ่ะรินทร์ซื้อให้นี่ของพี่ ส่วนนี่ของรินทร์กับพี่นที” ประภาวรินทร์ยัดเยียดให้ จากที่เขาคิดเพียงมาเดินเล่นเฉย ๆ ก็จำต้องลอยกระทงด้วยในคืนนี้ “น้องขวัญเลือกได้ยัง ปะไปกันเถอะ ลอยเสร็จจะได้เดินชมงานกันต่อ ปีนี้นางนพมาศมีแต่คนสวย ๆ นะ” 
          “ได้แล้วค่ะ” เธอพูด ชูกระทงให้ทุกคนดู จากนั้นก็เดินไปยังท่าน้ำที่ว่า
          ขณะนี้ภายในงานอบอวลไปด้วยเสียงเพลง ทั้งเวทีคอนเสิร์ต ทั้งเวลาประกวดนางนพมาศ ทั้งร้านขายของที่วางเรียงรายเต็มสองข้างทางเดิน มีเกมปาลูกโป่ง ยิงปืน สาวน้อยตกน้ำ เมียงู บ้านผีสิง และอื่น ๆ มากมาย ท่าทางของเธอดูตื่นเต้นที่สุด 
           “ปีหน้าส่งนิสาเข้าประกวดบ้างดีกว่า คนสวยของแม่” ประภาวรินทร์พูดกับสามี กระหนุงกระหนิงกันสองคน ส่วนเพียงขวัญและการันต์เดินตามหลัง คล้ายว่าทั้งสองคนอยากเปิดโอกาสให้เขากับเพียงขวัญได้ใช้เวลาด้วยกันยังไงยังงั้น เพียงขวัญอาจจะสัมผัสบรรยากาศที่แปลกนี้ไม่ได้ แต่หนุ่มใหญ่รู้ดีว่า น้องสาวเปิดช่องให้เขาได้อยู่ใกล้ชิดกับเพียงขวัญ 
          เดินมาไม่ไกลก็ถึงท่าน้ำสำหรับลอยกระทง เป็นลำน้ำขนาดกลางที่ทางอำเภอทำขึ้น ไม่ใช่แม่น้ำธรรมชาติ มีความยาวล้อมรอบสวนสาธารณะแห่งนี้ และมาบรรจบกันเป็นวงรี ส่วนความลึกไม่รู้เลยว่าลึกเท่าไหร่ มองผิวเผินก็คงลึกพอดูหากตกลงไป
          “ขวัญ พี่รันต์ลอยกระทงกันค่ะ” ประภาวรินทร์พูดกับทั้งสองคน ตรงนี้ผู้คนจ่อคิวเข้าแน่นเอียด ท่าลงมีหลายท่า แต่ก็แน่นทุกท่า จำต้องยืนรอคิวเข้าไป “รินทร์ลอยกับพี่นทีก่อนนะ ขวัญกับพี่รันต์ค่อยต่อคิวเข้ามา” 
          “ตามสบายค่ะพี่รินทร์ ขวัญลอยตอนไหนก็ได้” สาวเจ้าตอบ จากนั้นประภาวรินทร์และสามี ก็พาลูกสาวเบียดฝูงชนเข้าไปนั่งปล่อยกระทงที่ท่าน้ำได้สำเร็จ
          “พี่รันต์เชิญก่อนเลยค่ะ” เพียงขวัญหันมาเชิญให้เขาไปปล่อยกระทงก่อน
          “เชิญคุณขวัญก่อนดีกว่าครับ เอากระทงมานี่พี่จุดเทียนให้” การันต์กล่าว เพียงขวัญทำตามที่เขาสั่ง นำกระทงมาให้เขาจุดธูปเทียนให้ จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ เบียดผู้คนเข้าไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่