เล่ห์ดวงใจ (6)

.

                         6
          ——————————————————————

 
          “ลมอะไรเหาะมาที่นี่ยามนี้ได้นะคุณชาย” ทันใดที่การันต์เปิดประตูก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน ก็โดนประชดด้วยประภาวรินทร์ผู้เป็นน้องสาวเข้าอย่างจัง สามทุ่มที่เขามาบ้านหามารดา จะโดนประชดก็คงไม่แปลก
          “แม่ของฉันยังอยู่นี่ ฉันจะมาตอนไหนก็ได้” เขาตอบผู้เป็นน้องสาว “คุณแม่นอนยัง” เขาถาม ประภาวรินทร์ทำหน้ายักษ์ใส่พี่ชาย กับคำพูดของเขาเมื่อครู่ ก่อนจะตอบ
          “ใครจะไปรอเล้า! แม่เข้านอนไปแล้ว มาไม่ยอมบอกก่อน ปกติมาวันเสาร์หนิ” ประภาวรินทร์ค่อนขอด “แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง ดีนะที่รินทร์ทำกับข้าวเยอะวันนี้ มีลางสังหรณ์ว่าบางคนจะกลับมาบ้าน และก็เป็นจริงเสียด้วย เหลือไว้ในครัวน่ะ” หล่อนบอกกับพี่ชาย 
          “อือ…” การันต์ตอบพร้อมเดินเข้าไปในครัว เพื่อหาอะไรรองท้องก่อนเข้านอนเสียหน่อย ประภาวรินทร์เดินตามหลังพี่ชายมาติด ๆ
           “นั่ง ๆ เดี๋ยวน้องจัดการให้เอง” หล่อนกล่าว สุดท้ายหล่อนก็เป็นคนจัดแจง หาข้าวหาน้ำยกมาเสิร์ฟพี่ชายหัวแก้วหัวแหวน ที่อายุปูนนี้แล้วก็ยังไม่ยอมสร้างครอบครัวเป็นหลักเป็นฐานสักที จากนั้นตัวเองก็นั่งคุยเป็นเพื่อนตามประสาพี่น้อง
          “เห็นว่าที่บริษัทมีเด็กใหม่มาหนิ” การันต์เปิดประเด็น เขาเพียงอยากฟังเรื่องของเพียงขวัญไปอย่างนั้น เห็นว่าประภาวรินทร์ก็ทำงานในบริษัทนั่นด้วย จึงเลียบเคียงถาม
          “พี่นทีบอกล่ะสิท่า ใช่… ชื่อน้องขวัญน่ะ เพิ่งยี่สิบห้าเอง สวยนะ” ประภาวรินทร์ยิ้มขำ ปรายตามองพี่ชายอย่างล้อเลียน “เห็นวันก่อนพี่นทีบอกว่าไปหาพี่ด้วยหนิ” หล่อนถาม
          การันต์พยักหน้า ไม่ได้โกหกน้องสาวที่วันก่อนนทีไปหาเขา และคอยฟังเรื่องของเพียงขวัญเงียบ ๆ อย่างไม่ให้มีพิรุธให้น้องสาวจับได้ ว่าทำไมถึงอยากรู้นัก 
          “เนี่ยวันอาทิตย์ก็ว่าจะชวนน้องขวัญไปลอยกระทงด้วยกัน เห็นใจน่ะ ย้ายมาจากกรุงเทพไม่มีเพื่อน เราก็เป็นพี่ใหญ่ เจ้าบ้าน ก็เลยต้องทำหน้าที่หน่อย ว่าแต่พี่รันต์เถอะ รินทร์นึกว่าอาทิตย์นี้พี่จะอยู่เที่ยวงานกับสาว ๆ ที่นู่นเสียอีก” สองพี่น้องนั่งคุยกัน 
          การันต์หูผึ่งเมื่อทราบว่า น้องสาวจะชวนเพียงขวัญไปเที่ยวงานลอยกระทงด้วย เขานึกหนทางที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอออกแล้ว อาจจะดูไม่เข้าท่ากับอายุของเขาเท่าไหร่ ที่ต้องไปเดินดูงานลอยกระทงแบบเด็ก ๆ แต่คนที่จะช่วยให้เขาแก้ความเขินได้คือ ‘นิสา’ หลานสาวตัวน้อยของเขาเอง 
          “พี่รันต์ ใจลอยอะไรเนี่ย ได้ยินที่รินทร์ถามบ้างมั้ย” ประภาวรินทร์พูดกับคนตรงหน้า เรียกสติให้กลับมา เห็นพี่ชายนั่งเหม่อใจลอย ไม่ตอบคำถามที่เธอถามเลย
          “เปล่า! พี่จะไปเที่ยวงานกับใครล่ะ โสดอยู่” เขาเน้นคำสุดท้าย
          “ก็เล่นตัว ก็เลือกมาก ก็แบบนี้ คิดว่าตัวเองเป็นคาสโนวารูปหล่อพ่อรวยหรือไง แก่แล้วนะตัวเองน่ะ พี่ยาเขามีครอบครัวมีลูกไปสองคนแล้ว” ประภาวรินทร์ค่อนขอดพี่ชาย ที่คบใครก็ไม่เคยได้นาน ๆ สักที เปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น และเผลอพูดถึงอดีตพี่สะใภ้เข้า การันต์เงียบ เธอสัมผัสถึงความตึงเครียดนั้นได้ 
          “รินทร์ขอโทษ” หล่อนยิ้มอย่างรู้สึกผิด ทำหน้าอ้อนขอโทษพี่ชาย รู้สาเหตุที่พี่ชายต้องหย่ากับพี่สะใภ้ดี ที่แน่ ๆ พี่ชายของหล่อนไม่ได้เจ้าชู้เหมือนตอนนี้เลยสักนิด การันต์ทำเป็นเจ้าชู้เพราะประชดชีวิตรักที่ผิดหวังต่างหาก
          “ช่างเขาสิ เกี่ยวไรกับฉัน อิ่มแล้ว ฉันจะเข้าไปนอนกับแม่นะ ไปเรียกนิสามานอนกับลุงรันต์ดีกว่า ฝากเก็บด้วย” ประภาวรินทร์อ้าปากค้าง ตอบโต้ไม่ทันพี่ชาย แบบนี้ทุกทีที่การันต์กลับมาบ้าน ทว่าเธอก็ไม่ได้จะต่อว่าอะไรพี่ชาย นาน ๆ กลับมาบ้านจึงอาสาทำให้ 
          การันต์เดินตรงไปยังห้องนอนของน้องสาว เคาะห้องสองสามครั้ง นทีนอนอยู่ในห้องกับลูกสาวก็ลุกมาเปิดประตูให้ เขาเข้าไปปลุกหลานสาววัยสามขวบ แล้วอุ้มเดินออกมาจากในห้อง ก่อนจะเดินตรงเข้าห้องนอนของมารดา เพื่อจะนอนด้วยในคืนนี้ ประภาวรินทร์ยืนส่ายหัวให้กับคนแก่นิสัยเด็กของพี่ชาย ทั้งที่ห้องนอนตัวเองก็มีไม่ยอมไปนอน 

          สายของวันเสาร์หลังจากทานข้าวเช้าเรียบร้อย การันต์ก็รีบกลับมายังหอพัก เพื่อมาดูความเรียบร้อยดั่งปกติ มองไปยังห้องของเพียงขวัญ หล่อนเปิดประตูเอาไว้ ปิดเพียงมุ้งลวดเพื่อไม่ให้ดูโล่งโจ้งเกินไป เขายิ้มให้กับภาพที่เห็น สาวสวยแลดูจะรสนิยมสูง แต่กลับยอมอาศัยเข้าพักหอพักที่แสนจะธรรมดาของเขา
          วันนี้การันต์ไม่ได้มาคนเดียว เขานำหลานสาวมาด้วย หวังเพียงว่าการพาหลานสาวมาวันนี้ จะช่วยทำให้เขาได้พูดคุยกับเธอบ้าง หนุ่มใหญ่ปล่อยให้เด็กหญิงเล่นได้ตามอัธยาศัย ส่วนเขาคอยมองอยู่ห่าง ๆ ที่ห้องพักของตน วันหยุดแบบนี้ลูกหอคนอื่น ๆ กลับบ้านกันหมด จะเหลือเพียงห้องของสองสามีภรรยาวัยยี่สิบเก้า เพิ่มมาอีกหนึ่งห้องก็คือห้องของเพียงขวัญที่ไม่ได้ไปไหน
          เขานั่งมองเด็กน้อยอยู่ห่าง ๆ ปล่อยให้เธอเล่นซนได้ตามสบาย เด็กหญิงเดินไปเดินมาบริเวณหน้าห้องพักของผู้เช่า และไปหยุดที่หน้าห้องของเพียงขวัญ จากนั้นก็นั่งลงกับพื้นเล่นคนเดียว การันต์ไม่คิดจะเรียกให้หลานสาวกลับมา เขากลับชอบใจนัก อาจจะได้ใช้โอกาสนี้พูดคุยกับเจ้าของห้องวัยหลาน แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ 
          “อ้าว… เด็กที่คะไหนเนี่ย” เพียงขวัญที่อยู่ในห้อง มองเห็นเด็กนั่งอยู่หน้าห้องของตน จึงเปิดประตูออกมาดู หล่อนทำเสียงอ่อนเสียงหวานกับเด็กน้อยนั่น มองซ้ายมองขวาไม่เห็นเจอใคร เห็นแต่เพียงการันต์นั่งอยู่หน้าห้องของเขา “หนูมาได้ยังไงคะ พ่อแม่หนูไปไหน” เธอพูดกับเด็กน้อย พร้อมมองไปยังชายร่างสูงใหญ่เจ้าของหอพัก ด้วยแววตาแห่งคำถาม
          การันต์เหยียดยิ้มอย่างพอใจ เป็นไปตามแผนที่เขาหวังไว้ หนุ่มใหญ่ลุกขึ้นแล้วเดินไปหาทั้งสองคน “นิสาครับ มานั่งเล่นอะไรที่ห้องพี่ขวัญเนี่ย” เขาแสร้งพูดพร้อมเดินไปหา ทำราวกับว่าพึ่งเห็นว่าเด็กหญิงมานั่งที่หน้าห้องของเธอ
          เพียงขวัญทำตาโต “ลูกพี่รันต์เหรอคะ” หล่อนถามออกไป ถึงว่ามองหาผู้ปกครองไม่เจอเลย ครั้นจะว่าเป็นลูกสาวของห้องถัดไปคงไม่ใช่ ตั้งแต่มาพักที่นี่ ยังไม่เห็นเด็กเล็ก ๆ สักคน
          “อ่อ เปล่าครับ” เขาตอบหน้าซื่อ “หลานสาวพี่เอง ลูกของน้องสาวน่ะ” เขาตอบ เพียงขวัญมองเขาด้วยแววตาตั้งคำถาม คงอยากจะถามเรื่องครอบครัวของเขาสินะ แต่เธอก็ไม่ได้ถามออกมา 
          “ปะ นิสามากับลุงค่ะ ให้พี่ขวัญพักผ่อนนะ” เขาพูดพร้อมเอื้อมมือจะไปอุ้มเด็กหญิงกลับ ทว่าเธอมีท่าทีขัดขืน ไม่ยอมไปกับเขา นั่นไม่ได้ทำให้เขาหงุดหงิดแม้แต่น้อย กลับชอบใจด้วยซ้ำ
          “หนูจะนั่งเล่นขวางหน้าห้องพี่ขวัญแบบนี้ไม่ได้นะคะ ปะกลับบ้านลุงกัน” เขาแกล้งพูด
          “ไม่เป็นไรค่ะพี่รันต์ ถ้าพี่รันต์ไม่ว่า ให้น้องนิสาเล่นกับขวัญก็ได้ ขออนุญาตพาเข้าห้องนะคะ” หล่อนขออนุญาต นึกเอ็นดูเด็กน้อยคนนี้ขึ้นมา ช่างน่ารักน่าชังสมวัยเสียเหลือเกิน เธอจะจูงมือสาวน้อยเข้าห้อง ทว่าเธอก็ไม่ยอมไปอีก “จะเล่นตรงนี้เหรอคะ งั้นพี่ขวัญเอาเก้าอี้มานั่งเล่นด้วยดีกว่า” เธอพูดกับเด็กหญิง ไม่สนใจชายที่ยืนมองอยู่ใกล้ ๆ
          “งั้นพี่ฝากคุณขวัญด้วยนะครับ มีเพื่อนเล่นแล้วคงไม่ยอมกลับง่าย ๆ” การันต์ว่า ‘ทำดีมากหลานรัก’ เขานึกชมในใจ เผยยิ้มแห่งความเจ้าเล่ห์ที่สาวเจ้าไม่ทันได้เห็น
          เพียงขวัญเข้าไปในห้อง พร้อมนำเก้าอี้มานั่งเล่นกับหลานสาวของการันต์ ส่วนเขาขอตัวกลับไปยังห้องพักของตน ทั้งที่ไม่อยากจะกลับ ทำเป็นไม่ใส่ใจ ทั้ง ๆ ที่เขาแอบมองอยู่ตลอดเวลา ไม่ให้เธอรู้ตัว เขาอยากพูดเรื่องวันลอยกระทงมาก อยากชวนเธอแต่ไม่กล้า กลัวเธอมองไม่ดีจึงยังไม่กล้าเอ่ยใด ๆ ถึงเรื่องวันพรุ่งนี้ 
 
 
          เที่ยงวันรถเก๋งสีดำเงาวับ ขับเขามาจอดตรงบริเวณลานดินหน้าห้องของการันต์ ทั้งเพียงขวัญและเด็กหญิงต่างหันไปมองแขกที่มาใหม่ พอคนในรถเปิดประตูลงมา เด็กน้อยก็จำได้ทันที ร้องเรียกแม่พร้อมลุกพรวดวิ่งไปหา
          “คุณแม่!!!” เด็กหญิงตะโกนพร้อมวิ่งเข้าสวมกอด 
          เพียงขวัญเห็นผู้มาใหม่ก็คลี่ยิ้ม แอบขมวดคิ้วสงสัยนิดหน่อย ประภาวรินทร์มาที่นี่ได้อย่างไร และเด็กหญิงนิสายังเรียกว่าแม่อีก หรือว่าประภาวรินทร์เป็นแม่เด็กคนนี้ และเป็นน้องสาวของการันต์ ตอนอยู่ที่ทำงาน ประภาวรินทร์เคยบอกว่ามีลูกแล้ว เป็นลูกสาว แต่เธอก็ไม่ได้เห็นรูป จึงไม่รู้ว่านิสาเป็นลูกของเพื่อนรุ่นพี่คนนี้ 
          “พี่รินทร์!” เพียงขวัญเอ่ยทัก แต่ไม่ยอมเดินมาหา “ทำไม…???” มีเครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นในแววตาของสาวเจ้า
          ประภาวรินทร์อุ้มลูกสาว แล้วเดินมาหาเพื่อนร่วมงานรุ่นน้อง “อ่อ นี่หอพักพี่ชายพี่เอง นี่ก็ลูกสาวพี่ ขอโทษนะตอนที่ขวัญบอกพี่ว่าเช่าห้องที่ไหน เอ่ยชื่อหอแล้วพี่ไม่ได้บอก ว่านั่นคือหอพักพี่ชายพี่เอง คงไม่ต้องแนะนำตัวน้อ” ประภาวรินทร์หันมองพี่ชาย ส่วนเธอยิ้มตอบว่าไม่เป็นไร
          “รู้จักแล้ว และก็ไอ้เจ้าตัวแสบนี่ก็เหมือนจะติดพี่ขวัญงอมแงมด้วย ลุงเรียกให้กลับเท่าไหร่ก็ไม่ยอมกลับ” การันต์กล่าวกับน้องสาว หลังจากนั้นเพียงขวัญจึงขออนุญาตเข้าห้องของตน ปล่อยให้พี่น้องอยู่ด้วยกัน ครู่เดียวประภาวรินทร์ก็อุ้มลูกสาวมาหาเธอที่ห้องอีกรอบ

          ก๊อก ก๊อก ก๊อก…. 

          หล่อนเคาะประตูเรียกคนข้างในเบา ๆ ทั้งที่ประตูยังเปิดอยู่ แต่เคาะไปตามมารยาท “พี่เข้าไปนะ”
          “ค่ะพี่รินทร์ เข้ามาเลย ห้องขวัญรกนิดหน่อยนะคะ อยู่คนเดียวก็แบบนี้” เธอพูดแบบขัดเขิน เพราะยังไม่ได้เก็บกวาดห้องเลยตั้งแต่เช้า ประภาวรินทร์อุ้มลูกสาวเข้ามาในห้อง และนั่งลงบนโซฟา
          “วันอาทิตย์ขวัญมีนัดยัง เราไปลอยกระทงกันมั้ย เดี๋ยวพี่มารับขวัญเอง” ประภาวรินทร์เอ่ยชวน
          “แน่นอนค่ะพี่รินทร์ ขวัญอยากไปอยู่พอดี นี่ถ้าพี่รินทร์ไม่ชวน ขวัญก็ว่าจะลองชวนส้มโอกับพลอยอยู่พอดี เมื่อพี่รินทร์ชวนขวัญแล้ว ขวัญไปกับพี่รินทร์ดีกว่า” เพียงขวัญมัวแต่ดีใจที่มีคนเอ่ยชวนเที่ยวงาน จึงไม่ได้ถามว่ามีใครไปบ้าง ที่แน่ ๆ คุณนทีสามีพี่รินทร์ก็ต้องตามไปด้วยอยู่แล้ว จากนั้นประภาวรินทร์จึงขอตัวพาลูกกลับบ้าน ที่มานี่ก็จะมารับพาออกไปข้างนอกด้วยกัน
          “ชวนให้แล้วนะ น้องขวัญตกลงไปด้วย จะเคี้ยวหญ้าอ่อนอีกแล้วล่ะสิ!” ก่อนจะปิดประตูรถ ประภาวรินทร์ประชดพี่ชายขณะที่เขายืนส่งเธอกับลูก เธอรู้ทันพี่ชายคนนี้ที่สุด เห็นแววตาพี่ชายที่มองเพียงขวัญก็รู้ไปถึงความคิดในใจ
          “พูดถึงพี่ชายให้มันดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง” เขาเอ็ดน้องสาว พร้อมใช้กำปั้นวางบนศีรษะของหล่อนเบา ๆ
          “ระวังแฟนเค้าจะตามมาเฉ่งหัวเอา” คนเป็นน้องสาวตอบกลับ
          “ก็เลียบ ๆ เคียง ๆ ถามให้หน่อยซี” การันต์พูดปนอ้อนวอน
          “แล้วคิดว่าน้องขวัญจะชอบคนสูงอายุอย่างพี่เหรอ” ประภาวรินทร์อดหมั่นไส้พี่ชายไม่ได้ จึงพูดไปตามตรงเช่นนั้น 
          “ยัยรินทร์ มีสักครั้งมั้ยที่แกจะเข้าข้างพี่ตัวเอง ไม่ลองไม่รู้เว้ย”
          “พี่ชอบเค้าจริง ๆ เหรอ ถ้าจะเล่น ๆ เหมือนคนที่ผ่าน ๆ มา รินทร์ขอเถอะ คนนี้เพื่อนรินทร์นะ อย่าทำให้รินทร์กับพี่นทีต้องมองหน้าเค้าไม่ติดเลย” คราวนี้ประภาวรินทร์พูดด้วยใบหน้าจริงจัง เพราะว่ารู้นิสัยพี่ชายดี 
          “เออน่า… จะไปธุระไม่ใช่เหรอ ไปดิ มัวแต่สอนฉันอยู่นั่นล่ะ” เขาไล่น้องสาวที่แสนรู้ทันให้กลับไป โดนเจ้าตัวมองบนให้อีก เมื่อน้องสาวขับรถออกไปลับตาแล้ว ก่อนจะกลับเข้าห้องก็มิวายชำเลืองมองห้องของสาวเจ้าอีก ยิ้มบาง ๆ ด้วยความพอใจ สำหรับวันนี้มันทำให้เขาอารมณ์ดีที่สุด ความรู้สึกของเขามันบอกว่า ไม่ได้มองและคิดว่าสาวเจ้าเป็นของเล่นสักนิด
 
จบบทที่ 6
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่