เราเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ นิมิต ที่เราเห็นเองมาหลายกระทู้แล้ว กระทู้นี้เราจะขอเล่าเรื่องราว นิมิต ของคนอื่นบ้าง แต่เรื่องราวใน นิมิต ก็เกี่ยวข้องกับเราเหมือนเดิม แค่เราไม่ได้เห็นเอง คนที่เห็น นิมิต เกี่ยวกับเราในเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเพื่อนสนิทเราคนนึง ที่เราได้รู้จักกันตอนที่เราเรียนนวดไทย
เพื่อนเราคนนี้เขาก็มาทางสายปฎิบัติธรรมเช่นกัน แต่เขาจะค่อนข้างเอาทุกทาง คือฝึกทุกทางแล้วก็ได้ดีทุกทางเสียด้วย แต่หลังๆมาเขาไปลองของเยอะ เลยทำให้คุ้มสติของตัวเองไม่ค่อยได้ ฟุ้งซ่านเยอะ เพราะเขาเริ่มที่จะสัมผัสกับ ภพภูมิของผี วิญญาณได้
จากที่เมื่อก่อนเคยได้เจอแต่ใน นิมิต มาเป็นเสียงบ้าง มาเป็นบอกหวยบ้าง เขาจะชอบเล่าให้ฟังว่า ผี มาบอกหวยบ่อย แล้วเขาก็ถูกหวยบ่อยจริงๆ เงินที่ได้จากการถูกหวยเขาก็จะเอาไปทำบุญให้กับพวก ผี วิญญาณที่มาบอกเขาใน นิมิต และเพื่อนเราคนนี้เขาค่อนข้างจะแม่นเรื่องอนาคต
ตอนที่เราเลิกกับพ่อของลูกแล้ว เราก็ตั้งใจและตั้งหน้าตั้งตาที่จะหาต่างชาติ เพราะเราเข็ดหลาบกับคนไทย ซึ่งเพื่อนเราคนนี้เขาก็มีสามีต่างชาติเหมือนกัน แต่ก่อนที่เราจะได้เจอกับสามีเราคนปัจจุบันนี้ วันนึงเพื่อนเราคนนี้ก็โทรมาหาเราแล้วเล่าให้เราฟังว่า เขาฝัน ฝันว่าเรามีแฟนต่างชาติ
ตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไร เลยบอกเขาแบบติดตลกไปว่า ความฝันเขาคงจะเป็นจริงเร็วๆนี้แหละ เพราะเราก็กำลังหาอยู่ เราก็บอกเขาไปตรงๆเพราะไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร แต่ตอนนั้นเขายังไม่รู้ว่าเราเลิกกับพ่อของลูกแล้ว เพราะเรายังไม่เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้
หลังจากนั้นประมาณอาทิตย์นึง เราก็เดทกับสามีเราคนนี้ เขาเป็นเดทแรกของเราและเป็นเดทที่ผู้หญิงสาย ฝ. หลายๆคนอยากจะเจอแบบนี้ เพราะเขาไม่คิดแต่จะฟันอย่างเดียวอย่างฝรั่งหลายๆคนที่เราคุยในแอพหาคู่
เขาพูดข้อเสนอให้เราอยู่กับเขา โดยที่เราต้องลาออกจากงานแต่เขาจะจ่ายเงินเดือนให้เราตามที่ตกลงกัน ตอนนั้นเราคิดในใจว่า นี่เราโชคดีหรือว่าโชคชะตากำลังเล่นตลกกับเราก็ไม่รู้
เขาให้เราทิ้งงานที่เราทำมาทั้งชีวิต เพื่อมาอยู่กับเขาและให้เขาเลี้ยงดู บ้าไปแล้วเราไม่เคยคิดจะละทิ้งหน้าที่การงานของตัวเองเลย และไม่เคยคิดอยากจะให้ใครมาส่งเสียเลี้ยงดูเราด้วย ตั้งแต่เราออกจากบ้านมาทำงาน เราพึ่งแต่ตัวเองมาตลอด ไม่เคยได้พึ่งพาคนอื่น ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากใครเลยด้วย
แล้วจู่ๆเขาเป็นใครก็ไม่รู้ มาบอกให้เราออกจากงานแล้วมาอยู่กับเขา มาอยู่ดูแลเขาและรับเงินเดือนจากเขา ซึ่งตอนนั้นเราคิดว่ามันเสี่ยงมากๆ เสี่ยงกับการที่เราอาจจะอยู่กับเขาไม่ได้ หรือเขาไม่ทำตามคำพูด และเราก็ต้องออกไปเริ่มต้นหางานใหม่ เพราะเรามีลูกให้ต้องส่งเสียเลี้ยงดู
เราจึงขอเวลาเขาลองอยู่ด้วยกันก่อน 1 อาทิตย์โดยเราขอลาที่ทำงานบอกว่าติดธุระด่วน หลังจากนั้นเราก็นึกถึงความฝันของเพื่อนเรา ที่ฝันว่าเรามีแฟนต่างชาติ เราจึงโทรหาเพื่อนเราคนนั้น แล้วถามเขาเรื่องนี้อีกที
เราก็ถามรูปพรรณสัณฐานของแฟนต่างชาติของเรา ที่เขาฝันเห็นเพราะสามีต่างชาติเราคนนี้ค่อนข้างจะมีลักษณะเด่นอยู่หลายจุด เมื่อเราถามจนแน่ใจแล้ว และคิดว่า ต่างชาติที่เป็นแฟนเราในความฝันของเพื่อนเรา น่าจะใช่ คนที่เป็นสามีคนปัจจุบันคนนี้ของเราแน่ๆ
เราจึงเล่าให้เพื่อนเราฟังเรื่องที่เราเดทกับสามีเราคนนี้ แล้วก็ส่งรูปสามีเราให้เขาดู เขาถึงกับร้องด้วยความตกใจ เพราะสามีคนนี้เราคือคนที่เขาฝันเห็นว่าเป็นแฟนต่างชาติเราจริงๆ
ตอนนั้นเราได้แต่คิดในใจ ว่ามันเป็นเรื่องไม่ปกติอีกแล้ว ได้กลิ่นความทะเม่งๆมาอีกแล้ว ชีวิตเราไม่ค่อยจะเจออะไรที่เป็นปกติเหมือชาวบ้านชาวช่องเขาเลย
ซึ่งเพื่อนเราคนนี้เขาก็ค่อนข้างจะเป็นห่วง เขาก็เตือนเราว่าให้ระวังๆให้ดี เพราะมันเป็นเรื่องที่เรียกว่า ไม่ธรรมดา
พอเราใช้ชีวิตอยู่กับสามีคนนี้ของเราได้เกือบอาทิตย์แล้ว เขาก็มาทวงสัญญากับเราเรื่องให้เราออกจากงานแล้วก็มาใช้ชีวิตอยู่กับเขา ตอนนั้นเราได้คิดหนักอีกรอบ ว่าเราจะยอมเสี่ยงลองทิ้งงานและมาอยู่กับเขาดีมั้ย
ตอนนั้นงานที่เราทำก็มีรายได้ไม่มาก เพราะเราเปลี่ยนสายงานใหม่ ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่แถมร่างกายก็ทรุดโทรมลงมากจากการทำงานนวดหนักๆ ต้องคอยหาหมอรักษาอยู่ตลอด บ้านก็ต้องเช่า ข้าวก็ต้องซื้อ เงินเดือนก็ไม่ค่อยพอจะส่งเสียเลี้ยงดูลูก
แต่ถ้าทิ้งงานมาอยู่กับแฟนเรา บ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ เงินเดือนก็ได้ มีเงินเก็บ มีเงินส่งเสียลูก แต่มันก็มีความเสี่ยงที่จะอยู่กับเขาไม่ได้ หรือเขาไม่ให้เงินเดือนเราตามที่เขาพูด
ตอนนั้นเราไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร เลยต้องพึ่งสายมู เราโทรไปปรึกษาพระอาจารย์ที่ช่วยปิดอาการจิตหลุดให้เรา เพราะเราเห็นความแม่นของท่านมาหลายครั้งแล้ว จากแรกๆเคยมีความคิดดูถูก หลบหลู่ท่าน สุดท้ายต้องถือพานดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมา ขออโหสิกรรมจากท่าน
เพราะเราไปได้รู้ ได้เห็น ถึงความผิดของเราที่คิดไม่ดีกับท่าน ตอนที่ไปปฎิบัติธรรมในคราวนั้น หลังจากกลับปฎิบัติธรรมครั้งนั้น เราจึงได้ไปกราบขอขมา ขออโหสิกรรมจากท่าน ก่อนที่จะกลับมาทำงาน
ตอนที่เราไปหาท่านครั้งนั้นเหมือนท่านจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเราจะมา พอท่านเห็นเราท่านจึงทักขึ้นว่า มาแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ เหมือนท่านกำลังรอเราอยู่ และรู้ว่าเราไปเจออะไรมา ก่อนหน้านั้น
เราจึงบอกเล่าที่มา ที่ไป ที่เราได้มาหาท่านในวันนั้น ท่านจึงพูดกับเราเสียงดังกว่าปกติ เหมือนจะให้คนอื่นๆที่อยู่ในศาลาวันนั้นได้ยินด้วยว่า ไม่เป็นไรหรอก บางทีจิตเรามันคิด ไม่ดี คิดลบหลู่ไปเอง โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ แต่เราก็ยอมรับและตอบท่านไปตามตรงว่า เราตั้งใจ
ท่านได้ยินเราตอบเช่นนั้นแล้วก็ยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ เพราะท่านน่าจะรู้อยู่แล้วว่าเราจะตอบไปเช่นนั้น แต่แกล้งพูดกับเราเสียงดังเพื่อที่จะให้คนอื่นๆได้ยินที่เราสนทนากับท่านด้วย หลังจากเราทำพิธีขอขมา ขออโหสิกรรมกับท่านเป็นที่เรียบร้อยแล้วท่านก็เล่าให้เราฟังว่า ไม่ใช่เราคนเดียวหรอกที่คิดไม่ดีกับท่าน
เพราะชาวบ้านหลายๆคนแถวนี้ก็พากันคิดกับท่านเช่นนี้เหมือนกัน ท่านก็บอกว่าอาจจะเป็นเพราะท่านยังเป็นพระหนุ่ม ยังไม่ทันแก่แต่พรรษาท่านก็เยอะอยู่ เพราะท่านบวชมาท่านแล้ว ท่านปฎิบัติดีปฎิบัติชอบมาตลอด ศึกษาวิชาความรู้มาจากครูบาอาจารย์ได้มาช่วยเหลือชาวบ้านก็มาก
แต่บางคนไม่เคารพนับถือท่านแล้ว ยังไปกล่าวหาท่านคิดไม่ดีกับท่าน ไปพูดว่าท่านให้ท่านเสียหาย เหมือนอย่างเราเป็นต้น ไม่ใช่ว่าท่านไม่รู้ ท่านรู้หมด แต่ท่านแค่ไม่พูด ปล่อยให้นรกกินหัวไปนั่นแหละ ดีแล้ว เรายังดีที่ยังรู้สึกตัวทัน เราแก้ไม่หายสักทีกับนิสัยไม่เชื่อแล้วยังจะลบหลู่ กับพระกับเจ้าเราก็ไม่เว้น
วันนั้นเราเลยโทรไปปรึกษากับท่านเรื่องนี้ อยากให้ท่านดูให้ ว่าสามีเราคนนี้เป็นยังไง จริงใจเชื่อถือได้มั้ย เพราะเราจำเป็นต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ ท่านจึงบอกว่า ใช่ได้ ไปกันได้อยู่ เราจึงเชื่อท่านและยอมลาออกจากงานมาอยู่กับเขา ให้เขาเลี้ยงดู
ซึ่งความจริงในใจเราก็อยากจะเลือกทางนั้นอยู่แล้ว พอพระอาจารย์ท่านมาคอนเฟิร์มให้แบบนั้นอีกเราจึงสบายไปได้อีกระดับนึง เพราะเราเห็นมาหลายครั้งแล้วว่าท่านแม่นจริงๆ ทายทักอะไรไม่เคยพลาดเลยสักครั้งเดียว
ขนาดว่าครั้งแรกที่เราพบกับท่านแล้วท่านทำนาย ทายทักให้เราที่ทำให้เรามีความคิด อคติกับท่านตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา ก็ยังเป็นจริง เป็นไปตามนั้น ตามที่ท่านทำนายไว้
ตอนนั้นพ่อของลูกเราเขาอยากไปทำงานเมืองนอก แม่เขาเลยพาเขาไปหาพระอาจารย์รูปนี้ เราก็เลยได้ตามเขาไปด้วย เพราะตอนนั้นยังไม่ทันเลิกกัน พอดูให้พ่อของลูกเราเสร็จ แม่เขาก็หันถามเราว่าอยากจะให้พระอาจารย์ท่านดูให้ด้วยมั้ย
แต่เราไม่ชอบดูดวงเพราะเคยฝังใจกับการดูดวงมาก่อน เลยไม่อยากจะดู ไม่อยากรู้อะไรอีก เราก็บอกแม่เขาไปตรงๆว่า เราไม่อยากดู ไม่อยากรู้อะไรหรอก แล้วพระอาจารย์ท่านก็ทักเรามาว่า
เรานะไม่ต้องห่วงหรอก ดวงเรามันดีอยู่แล้ว ดวงเรามันมีผัวอุปถัมภ์ ท่านว่าอย่างนี้ ตอนนั้นเลยทำให้เรามีอคติ คิดลบหลู่ท่านในใจตลอดมา เพราะมันจะเป็นไปได้ยังที่เราจะมีผัวอุปถัมภ์นะ
เพราะตั้งแต่เราคบกับพ่อของลูกเรามา จนถึงตอนนั้นเราทำงาน มีเงินเดือน มีรายได้มากกว่าพ่อของลูกเราในตอนนั้นเสียอีก ซึ่งมีแต่เรานี่แหละที่จะอุปถัมภ์ผัว ไม่ใช่ผัวอุปถัมภ์ แต่พอมาดูตอนปัจจุบันนี้ ตั้งแต่เราลาออกจากงานมาตอนนั้น เราก็ได้สามีอุปถัมภ์มาตลอด
เราพึ่งจะได้เริ่มทำงานเมื่อเดือนที่แล้วเอง อยู่สุขสบายให้สามีเลี้ยงดูมาโดยตลอด พอมาคิดถึงคำทำนายทายทักของท่าน ก็ทำให้นึกขำในใจ ก็ตอนนั้นท่านบอกไม่หมด ท่านไม่ได้บอกว่าไม่ใช่ผัวคนนั้นที่อุปถัมภ์ แต่เป็นผัวคนถัดจากคนนั้นต่างหาก
เห็นนิมิต เห็นอดีต เห็นอนาคต เห็นกฎแห่งกรรม ภาค 12
เพื่อนเราคนนี้เขาก็มาทางสายปฎิบัติธรรมเช่นกัน แต่เขาจะค่อนข้างเอาทุกทาง คือฝึกทุกทางแล้วก็ได้ดีทุกทางเสียด้วย แต่หลังๆมาเขาไปลองของเยอะ เลยทำให้คุ้มสติของตัวเองไม่ค่อยได้ ฟุ้งซ่านเยอะ เพราะเขาเริ่มที่จะสัมผัสกับ ภพภูมิของผี วิญญาณได้
จากที่เมื่อก่อนเคยได้เจอแต่ใน นิมิต มาเป็นเสียงบ้าง มาเป็นบอกหวยบ้าง เขาจะชอบเล่าให้ฟังว่า ผี มาบอกหวยบ่อย แล้วเขาก็ถูกหวยบ่อยจริงๆ เงินที่ได้จากการถูกหวยเขาก็จะเอาไปทำบุญให้กับพวก ผี วิญญาณที่มาบอกเขาใน นิมิต และเพื่อนเราคนนี้เขาค่อนข้างจะแม่นเรื่องอนาคต
ตอนที่เราเลิกกับพ่อของลูกแล้ว เราก็ตั้งใจและตั้งหน้าตั้งตาที่จะหาต่างชาติ เพราะเราเข็ดหลาบกับคนไทย ซึ่งเพื่อนเราคนนี้เขาก็มีสามีต่างชาติเหมือนกัน แต่ก่อนที่เราจะได้เจอกับสามีเราคนปัจจุบันนี้ วันนึงเพื่อนเราคนนี้ก็โทรมาหาเราแล้วเล่าให้เราฟังว่า เขาฝัน ฝันว่าเรามีแฟนต่างชาติ
ตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไร เลยบอกเขาแบบติดตลกไปว่า ความฝันเขาคงจะเป็นจริงเร็วๆนี้แหละ เพราะเราก็กำลังหาอยู่ เราก็บอกเขาไปตรงๆเพราะไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร แต่ตอนนั้นเขายังไม่รู้ว่าเราเลิกกับพ่อของลูกแล้ว เพราะเรายังไม่เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้
หลังจากนั้นประมาณอาทิตย์นึง เราก็เดทกับสามีเราคนนี้ เขาเป็นเดทแรกของเราและเป็นเดทที่ผู้หญิงสาย ฝ. หลายๆคนอยากจะเจอแบบนี้ เพราะเขาไม่คิดแต่จะฟันอย่างเดียวอย่างฝรั่งหลายๆคนที่เราคุยในแอพหาคู่
เขาพูดข้อเสนอให้เราอยู่กับเขา โดยที่เราต้องลาออกจากงานแต่เขาจะจ่ายเงินเดือนให้เราตามที่ตกลงกัน ตอนนั้นเราคิดในใจว่า นี่เราโชคดีหรือว่าโชคชะตากำลังเล่นตลกกับเราก็ไม่รู้
เขาให้เราทิ้งงานที่เราทำมาทั้งชีวิต เพื่อมาอยู่กับเขาและให้เขาเลี้ยงดู บ้าไปแล้วเราไม่เคยคิดจะละทิ้งหน้าที่การงานของตัวเองเลย และไม่เคยคิดอยากจะให้ใครมาส่งเสียเลี้ยงดูเราด้วย ตั้งแต่เราออกจากบ้านมาทำงาน เราพึ่งแต่ตัวเองมาตลอด ไม่เคยได้พึ่งพาคนอื่น ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากใครเลยด้วย
แล้วจู่ๆเขาเป็นใครก็ไม่รู้ มาบอกให้เราออกจากงานแล้วมาอยู่กับเขา มาอยู่ดูแลเขาและรับเงินเดือนจากเขา ซึ่งตอนนั้นเราคิดว่ามันเสี่ยงมากๆ เสี่ยงกับการที่เราอาจจะอยู่กับเขาไม่ได้ หรือเขาไม่ทำตามคำพูด และเราก็ต้องออกไปเริ่มต้นหางานใหม่ เพราะเรามีลูกให้ต้องส่งเสียเลี้ยงดู
เราจึงขอเวลาเขาลองอยู่ด้วยกันก่อน 1 อาทิตย์โดยเราขอลาที่ทำงานบอกว่าติดธุระด่วน หลังจากนั้นเราก็นึกถึงความฝันของเพื่อนเรา ที่ฝันว่าเรามีแฟนต่างชาติ เราจึงโทรหาเพื่อนเราคนนั้น แล้วถามเขาเรื่องนี้อีกที
เราก็ถามรูปพรรณสัณฐานของแฟนต่างชาติของเรา ที่เขาฝันเห็นเพราะสามีต่างชาติเราคนนี้ค่อนข้างจะมีลักษณะเด่นอยู่หลายจุด เมื่อเราถามจนแน่ใจแล้ว และคิดว่า ต่างชาติที่เป็นแฟนเราในความฝันของเพื่อนเรา น่าจะใช่ คนที่เป็นสามีคนปัจจุบันคนนี้ของเราแน่ๆ
เราจึงเล่าให้เพื่อนเราฟังเรื่องที่เราเดทกับสามีเราคนนี้ แล้วก็ส่งรูปสามีเราให้เขาดู เขาถึงกับร้องด้วยความตกใจ เพราะสามีคนนี้เราคือคนที่เขาฝันเห็นว่าเป็นแฟนต่างชาติเราจริงๆ
ตอนนั้นเราได้แต่คิดในใจ ว่ามันเป็นเรื่องไม่ปกติอีกแล้ว ได้กลิ่นความทะเม่งๆมาอีกแล้ว ชีวิตเราไม่ค่อยจะเจออะไรที่เป็นปกติเหมือชาวบ้านชาวช่องเขาเลย
ซึ่งเพื่อนเราคนนี้เขาก็ค่อนข้างจะเป็นห่วง เขาก็เตือนเราว่าให้ระวังๆให้ดี เพราะมันเป็นเรื่องที่เรียกว่า ไม่ธรรมดา
พอเราใช้ชีวิตอยู่กับสามีคนนี้ของเราได้เกือบอาทิตย์แล้ว เขาก็มาทวงสัญญากับเราเรื่องให้เราออกจากงานแล้วก็มาใช้ชีวิตอยู่กับเขา ตอนนั้นเราได้คิดหนักอีกรอบ ว่าเราจะยอมเสี่ยงลองทิ้งงานและมาอยู่กับเขาดีมั้ย
ตอนนั้นงานที่เราทำก็มีรายได้ไม่มาก เพราะเราเปลี่ยนสายงานใหม่ ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่แถมร่างกายก็ทรุดโทรมลงมากจากการทำงานนวดหนักๆ ต้องคอยหาหมอรักษาอยู่ตลอด บ้านก็ต้องเช่า ข้าวก็ต้องซื้อ เงินเดือนก็ไม่ค่อยพอจะส่งเสียเลี้ยงดูลูก
แต่ถ้าทิ้งงานมาอยู่กับแฟนเรา บ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ เงินเดือนก็ได้ มีเงินเก็บ มีเงินส่งเสียลูก แต่มันก็มีความเสี่ยงที่จะอยู่กับเขาไม่ได้ หรือเขาไม่ให้เงินเดือนเราตามที่เขาพูด
ตอนนั้นเราไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร เลยต้องพึ่งสายมู เราโทรไปปรึกษาพระอาจารย์ที่ช่วยปิดอาการจิตหลุดให้เรา เพราะเราเห็นความแม่นของท่านมาหลายครั้งแล้ว จากแรกๆเคยมีความคิดดูถูก หลบหลู่ท่าน สุดท้ายต้องถือพานดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมา ขออโหสิกรรมจากท่าน
เพราะเราไปได้รู้ ได้เห็น ถึงความผิดของเราที่คิดไม่ดีกับท่าน ตอนที่ไปปฎิบัติธรรมในคราวนั้น หลังจากกลับปฎิบัติธรรมครั้งนั้น เราจึงได้ไปกราบขอขมา ขออโหสิกรรมจากท่าน ก่อนที่จะกลับมาทำงาน
ตอนที่เราไปหาท่านครั้งนั้นเหมือนท่านจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเราจะมา พอท่านเห็นเราท่านจึงทักขึ้นว่า มาแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ เหมือนท่านกำลังรอเราอยู่ และรู้ว่าเราไปเจออะไรมา ก่อนหน้านั้น
เราจึงบอกเล่าที่มา ที่ไป ที่เราได้มาหาท่านในวันนั้น ท่านจึงพูดกับเราเสียงดังกว่าปกติ เหมือนจะให้คนอื่นๆที่อยู่ในศาลาวันนั้นได้ยินด้วยว่า ไม่เป็นไรหรอก บางทีจิตเรามันคิด ไม่ดี คิดลบหลู่ไปเอง โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ แต่เราก็ยอมรับและตอบท่านไปตามตรงว่า เราตั้งใจ
ท่านได้ยินเราตอบเช่นนั้นแล้วก็ยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ เพราะท่านน่าจะรู้อยู่แล้วว่าเราจะตอบไปเช่นนั้น แต่แกล้งพูดกับเราเสียงดังเพื่อที่จะให้คนอื่นๆได้ยินที่เราสนทนากับท่านด้วย หลังจากเราทำพิธีขอขมา ขออโหสิกรรมกับท่านเป็นที่เรียบร้อยแล้วท่านก็เล่าให้เราฟังว่า ไม่ใช่เราคนเดียวหรอกที่คิดไม่ดีกับท่าน
เพราะชาวบ้านหลายๆคนแถวนี้ก็พากันคิดกับท่านเช่นนี้เหมือนกัน ท่านก็บอกว่าอาจจะเป็นเพราะท่านยังเป็นพระหนุ่ม ยังไม่ทันแก่แต่พรรษาท่านก็เยอะอยู่ เพราะท่านบวชมาท่านแล้ว ท่านปฎิบัติดีปฎิบัติชอบมาตลอด ศึกษาวิชาความรู้มาจากครูบาอาจารย์ได้มาช่วยเหลือชาวบ้านก็มาก
แต่บางคนไม่เคารพนับถือท่านแล้ว ยังไปกล่าวหาท่านคิดไม่ดีกับท่าน ไปพูดว่าท่านให้ท่านเสียหาย เหมือนอย่างเราเป็นต้น ไม่ใช่ว่าท่านไม่รู้ ท่านรู้หมด แต่ท่านแค่ไม่พูด ปล่อยให้นรกกินหัวไปนั่นแหละ ดีแล้ว เรายังดีที่ยังรู้สึกตัวทัน เราแก้ไม่หายสักทีกับนิสัยไม่เชื่อแล้วยังจะลบหลู่ กับพระกับเจ้าเราก็ไม่เว้น
วันนั้นเราเลยโทรไปปรึกษากับท่านเรื่องนี้ อยากให้ท่านดูให้ ว่าสามีเราคนนี้เป็นยังไง จริงใจเชื่อถือได้มั้ย เพราะเราจำเป็นต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ ท่านจึงบอกว่า ใช่ได้ ไปกันได้อยู่ เราจึงเชื่อท่านและยอมลาออกจากงานมาอยู่กับเขา ให้เขาเลี้ยงดู
ซึ่งความจริงในใจเราก็อยากจะเลือกทางนั้นอยู่แล้ว พอพระอาจารย์ท่านมาคอนเฟิร์มให้แบบนั้นอีกเราจึงสบายไปได้อีกระดับนึง เพราะเราเห็นมาหลายครั้งแล้วว่าท่านแม่นจริงๆ ทายทักอะไรไม่เคยพลาดเลยสักครั้งเดียว
ขนาดว่าครั้งแรกที่เราพบกับท่านแล้วท่านทำนาย ทายทักให้เราที่ทำให้เรามีความคิด อคติกับท่านตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา ก็ยังเป็นจริง เป็นไปตามนั้น ตามที่ท่านทำนายไว้
ตอนนั้นพ่อของลูกเราเขาอยากไปทำงานเมืองนอก แม่เขาเลยพาเขาไปหาพระอาจารย์รูปนี้ เราก็เลยได้ตามเขาไปด้วย เพราะตอนนั้นยังไม่ทันเลิกกัน พอดูให้พ่อของลูกเราเสร็จ แม่เขาก็หันถามเราว่าอยากจะให้พระอาจารย์ท่านดูให้ด้วยมั้ย
แต่เราไม่ชอบดูดวงเพราะเคยฝังใจกับการดูดวงมาก่อน เลยไม่อยากจะดู ไม่อยากรู้อะไรอีก เราก็บอกแม่เขาไปตรงๆว่า เราไม่อยากดู ไม่อยากรู้อะไรหรอก แล้วพระอาจารย์ท่านก็ทักเรามาว่า
เรานะไม่ต้องห่วงหรอก ดวงเรามันดีอยู่แล้ว ดวงเรามันมีผัวอุปถัมภ์ ท่านว่าอย่างนี้ ตอนนั้นเลยทำให้เรามีอคติ คิดลบหลู่ท่านในใจตลอดมา เพราะมันจะเป็นไปได้ยังที่เราจะมีผัวอุปถัมภ์นะ
เพราะตั้งแต่เราคบกับพ่อของลูกเรามา จนถึงตอนนั้นเราทำงาน มีเงินเดือน มีรายได้มากกว่าพ่อของลูกเราในตอนนั้นเสียอีก ซึ่งมีแต่เรานี่แหละที่จะอุปถัมภ์ผัว ไม่ใช่ผัวอุปถัมภ์ แต่พอมาดูตอนปัจจุบันนี้ ตั้งแต่เราลาออกจากงานมาตอนนั้น เราก็ได้สามีอุปถัมภ์มาตลอด
เราพึ่งจะได้เริ่มทำงานเมื่อเดือนที่แล้วเอง อยู่สุขสบายให้สามีเลี้ยงดูมาโดยตลอด พอมาคิดถึงคำทำนายทายทักของท่าน ก็ทำให้นึกขำในใจ ก็ตอนนั้นท่านบอกไม่หมด ท่านไม่ได้บอกว่าไม่ใช่ผัวคนนั้นที่อุปถัมภ์ แต่เป็นผัวคนถัดจากคนนั้นต่างหาก