ครอบครัวเรามีทั้งหมด 4 คน เรามีพี่ชายที่แก่กว่าเรา 2 ปี พ่อกับแม่เราหย่ากันตอนที่เราอยู่ ม.2 โดยที่พ่อยกสิทธิ์การเลี้ยงดูทั้งหมดให้แม่ แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่การหย่ากันมันอยู่ที่ทั้งพ่อและแม่เราไม่มีใครยอมย้ายออกจากบ้าน ถึงจะหย่ากันแล้วก็ตาม แม่เราให้เหตุผลว่า แม่เองก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่บ้าน ส่วนพ่อเราเองก็บอกว่าตัวเขานั้นเป็นคนผ่อน เราเรียนอยู่โรงเรียนประจำเราเองก็ไม่รู้ว่าที่บ้านมีปัญหาอะไรกันแน่ เรารู้เรื่องที่พ่อแม่หย่ากันก็หลังจากนั้นหลายเดือน
ทั้งพ่อและแม่บอกเราว่ามันเป็นปัญหาของผู้ใหญ่ให้เด็กอย่าเราตั้งใจเรียนก็พ่อ แล้วพวกเขาก็ไม่เคยบอกอะไรเราโรงเรียนให้เรากลับบ้านได้ อาทิตย์เว้นอาทิตย์และทุกครั้งที่กลับบ้านหรือปิดเทอมบรรยากาศในบ้านมันก็จะมาคุตลอด เนื่องด้วยพี่ชายเราเรียนพิเศษทุกวันและกลับดึก ในบางวันเราก็จะต้องอยู่บ้านคนเดียวในวันที่เราไม่มีเรียนพิเศษหรือต้องอยู่กับพ่อสองคน ส่วนแม่เราที่ไปส่งพี่ชายเรียนก็จะหายไปทั้งวันจะกลับมาพร้อมพี่ชายตอนดึกๆ
พ่อเราจะอารมณ์เสียทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน เขาขอกว่า “เขานั้นทำงานมาทั้งอาทิตย์ เสาร์อาทิตย์แทนที่จะได้พักผ่อน แต่ต้องมาทำงานบ้าน” เพราะแม่เราไม่อยู่
แม่เราเองก็เริ่มที่จะไม่ทำงานบ้าน แม่เราบอกว่า “ถึงทำไปพ่อเราก็ไม่เห็นอยู่ดี ถ้าการทำกับไม่ทำมันไม่ต่างกันจะทำทำไม”
พอเราอยู่ ม.ปลายเราก็ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้าน งานบ้านส่วนใหญ่เราก็จะเป็นคนทำ อย่างซักผ้า ไปจนถึง รีดผ้า ของทุกคนในบ้าน แต่เราไม่ชอบล้างจาน เราจึงโยนหน้าที่ในี้ห้พี่ชายทำแทน
ในตอนที่ขึ้นมหาลัยตรงกับช่วงโควิดพอดี ทำให้พ่อ พี่ชายและเราต้องอยู่บ้าน ส่วนแม่เราไปอยู่บ้านยาย เราเรียนประมาณ 9:30 เรามักจะตื่น 9 โมง ในช่วงแรกๆมันก็ไม่มีปัญหา แต่ผ่านไปซักพัก พ่อเราก็โกรธเพราะเราตื่นก่อนเวลาเรียนแค่ครึ่งชั่วโมง เขาเริ่มขยับเวลาตื่นเราขึ้นเรื่อยๆ จาก 9 โมงเป็น 8 7 ครึ่งล่าสุด 7โมง ถ้าวันไหนเราตื่น 8 โมงเขาก็จะโกรธเราไปเป็นอาทิตย์จนถึงเดือน เขามักจะเรียกเราโดยการเคาะประตูกระจกเสียงดังๆแทนการเรียก ในตอนตื่นตอนเราสะดุ้งตื่นทุกครั้ง และเหมือนเป็นคนหวาดระแวงเพราะประตูห้องเราเป็ประตูกระจกบานเลื่อนที่กั้นม่านข้างนอก แต่ในส่วนของพี่ชายนั้นจะตื่นกี่โมงพ่อเราไม่เคยว่า แต่จะมาลงที่เราแทนโดยการโมโหใส่หายใจแรงๆทำเหมือนอารมณ์เสียตลอดเวลาตอนอยู่กับเราพอพ่อเราโกรธจนไม่คุยกับเราเป็นเดือนเราก็เลยไม่ตื่นเช้ามันเลย ตื่น10 โมง 11 โมงในตอนปิดเทอม
และเรื่องที่พ่อจะอารมณ์เสียอีกครั้งก็ตอนที่กินข้าวเย็น มันเป็นเรื่องปกติรึเปล่าที่มักจะเปิดอะไรดูตลกๆตอนกินข้าว ในวันนั้นเราก็เปิด และเขาก็เดินไปปิดไฟ เราก็เดินไปเปิด เขาก็มาปิดอีก เราก็เปิดอีก เขายืนจ้องหน้าเราแล้วก็ทะเลาะกันครั้งใหญ่ ในวันต่อมาเราโดนเขาไล่ออกจากบ้าน แม่เราก็พาเราไปอยู่บ้านยาย
เรามักจะหลับอยู่เสมอ เราไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว การนอนเป็นทางหนีปัญาที่เราทำได้ เพราะโควิดแม่เราเลยทำโจ๊กขาย มีคนชวนแม่เราไปขายของในตลาด เราเลยต้องขึ้นมาช่วยแม่ขายเราย้ายมาอยู่บ้านของลุงที่ปล่อยว่างไว้ แม่เราขายก๋วยเตี๋ยวกับโจ๊กเป็นตลาดกลางคืน ที่ปิด สี่ห้าทุ่ม ตอนเช้าก็ตื่นมาเรียนและตอนเย็นก็ไปช่วยแม่ขายก๋วยเตี๋ยวในตอนกลางวันเราก็จะนอน
แต่ยอดขายมันไม่ดีแม่จึงย้ายที่ขายเป็นขายตอนเช้าแทน เราเองก็เปิดเทอม แม่ออกไปตั้งร้านตอน 6 โมง เราเรียน 8 โมง เราเลยต้องเรียนบนรถตลอดทั้งเทอม ส่วนพี่ก็ย้ายมาอยู่กับเรา แม่บอกว่าพี่เราต้องเรียนเลยไม่อยากกวน พอปิดเทอมเราต้องไปช่วยแม่ขาย
ในช่วงกลางเดือนญาติของเราก็ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยเป็นอยู่กัน 5 คน พอเราเปิดเทอม พี่ชายเราเขาก็เรียนจบ หน้าที่ยกโจ๊กตอนเช้าเลยตกไปอยู่ที่เขาแทน เนื่องจากคนในบ้านเรามี 5 คน สิ่งที่เยอะตามมาคือเสื้อผ้า ญาติของเราสองคนต้องทำงาน บางครั้งเราก็ก็เก็บผ้าพับผ้าให้ทั้งหมดคนเดียวเพราะเราไม่อยากไปกวนพวกเขา
แต่ตอนที่ต้องล้างจาน พี่เราก็บอกว่า เรามันสันดาน ที่เราไม่ล้าง เขาบอกว่าเขาล้างจานมาแล้วหลายครั้ง (ซึ่งเราล้างแต่ส่วนใหญมักจะสั่งอาหารกินนอกบ้านเลยไม่ต้องล้างจาน) อย่างที่บอกเราไม่ชอบล้างจาน เราเองก็ต้องทำงานในตอนที่เราทำงานเรานอนทำอยู่บนเตียง เเล้วแมวก็นอนข้างเรา พี่เราบอกว่าเราโกหก เราไม่ได้ทำงานแต่นอเล่นกับแมว เรามันขี้เกียจเห็นแก่ตัวที่ไม่ช่วยงานเขา
ตอนที่เราออกไปทำธุระนอกบ้านแล้วฝากพี่ชายตากผ้า พี่ชายเราก็มีความสามารถที่จะตากผ้า 2 ตะกร้าให้เห็มอับได้ทำให้ต้องเอาผ้ามาตากให้ พี่ก็ก็บอกว่า จะอะไรนักหน้าทำแค่ตากผ้า
แม่มักจะบอกว่าหัดช่วยแม่บ้าง เราเลยทำตามอย่างที่แม่เคยบอก จะทำหรือไม่ทำยังไงเราก็เลวในสายตาเขาอยู่ดีต่อให้ทำให้ตายยังไงเขาก็ไม่เคยเห็นว่าเราทำเราก็ยังเป็นคนขี้เกียจในสายตาเขา เพราะเราเป็นอย่างนี้ครอบครัวถึงแตกแยก มันเป็นเพราะเราเห็นแก่ตัวไม่คิดถึงครอบครัวบ้าง…เรามันเห็นแก่ตัวขนาดนั้นเลยหรอ
เราอยากรู้ว่าเราเห็นแก่ตัวขนาดนั้นเลยหรอ
ทั้งพ่อและแม่บอกเราว่ามันเป็นปัญหาของผู้ใหญ่ให้เด็กอย่าเราตั้งใจเรียนก็พ่อ แล้วพวกเขาก็ไม่เคยบอกอะไรเราโรงเรียนให้เรากลับบ้านได้ อาทิตย์เว้นอาทิตย์และทุกครั้งที่กลับบ้านหรือปิดเทอมบรรยากาศในบ้านมันก็จะมาคุตลอด เนื่องด้วยพี่ชายเราเรียนพิเศษทุกวันและกลับดึก ในบางวันเราก็จะต้องอยู่บ้านคนเดียวในวันที่เราไม่มีเรียนพิเศษหรือต้องอยู่กับพ่อสองคน ส่วนแม่เราที่ไปส่งพี่ชายเรียนก็จะหายไปทั้งวันจะกลับมาพร้อมพี่ชายตอนดึกๆ
พ่อเราจะอารมณ์เสียทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน เขาขอกว่า “เขานั้นทำงานมาทั้งอาทิตย์ เสาร์อาทิตย์แทนที่จะได้พักผ่อน แต่ต้องมาทำงานบ้าน” เพราะแม่เราไม่อยู่
แม่เราเองก็เริ่มที่จะไม่ทำงานบ้าน แม่เราบอกว่า “ถึงทำไปพ่อเราก็ไม่เห็นอยู่ดี ถ้าการทำกับไม่ทำมันไม่ต่างกันจะทำทำไม”
พอเราอยู่ ม.ปลายเราก็ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้าน งานบ้านส่วนใหญ่เราก็จะเป็นคนทำ อย่างซักผ้า ไปจนถึง รีดผ้า ของทุกคนในบ้าน แต่เราไม่ชอบล้างจาน เราจึงโยนหน้าที่ในี้ห้พี่ชายทำแทน
ในตอนที่ขึ้นมหาลัยตรงกับช่วงโควิดพอดี ทำให้พ่อ พี่ชายและเราต้องอยู่บ้าน ส่วนแม่เราไปอยู่บ้านยาย เราเรียนประมาณ 9:30 เรามักจะตื่น 9 โมง ในช่วงแรกๆมันก็ไม่มีปัญหา แต่ผ่านไปซักพัก พ่อเราก็โกรธเพราะเราตื่นก่อนเวลาเรียนแค่ครึ่งชั่วโมง เขาเริ่มขยับเวลาตื่นเราขึ้นเรื่อยๆ จาก 9 โมงเป็น 8 7 ครึ่งล่าสุด 7โมง ถ้าวันไหนเราตื่น 8 โมงเขาก็จะโกรธเราไปเป็นอาทิตย์จนถึงเดือน เขามักจะเรียกเราโดยการเคาะประตูกระจกเสียงดังๆแทนการเรียก ในตอนตื่นตอนเราสะดุ้งตื่นทุกครั้ง และเหมือนเป็นคนหวาดระแวงเพราะประตูห้องเราเป็ประตูกระจกบานเลื่อนที่กั้นม่านข้างนอก แต่ในส่วนของพี่ชายนั้นจะตื่นกี่โมงพ่อเราไม่เคยว่า แต่จะมาลงที่เราแทนโดยการโมโหใส่หายใจแรงๆทำเหมือนอารมณ์เสียตลอดเวลาตอนอยู่กับเราพอพ่อเราโกรธจนไม่คุยกับเราเป็นเดือนเราก็เลยไม่ตื่นเช้ามันเลย ตื่น10 โมง 11 โมงในตอนปิดเทอม
และเรื่องที่พ่อจะอารมณ์เสียอีกครั้งก็ตอนที่กินข้าวเย็น มันเป็นเรื่องปกติรึเปล่าที่มักจะเปิดอะไรดูตลกๆตอนกินข้าว ในวันนั้นเราก็เปิด และเขาก็เดินไปปิดไฟ เราก็เดินไปเปิด เขาก็มาปิดอีก เราก็เปิดอีก เขายืนจ้องหน้าเราแล้วก็ทะเลาะกันครั้งใหญ่ ในวันต่อมาเราโดนเขาไล่ออกจากบ้าน แม่เราก็พาเราไปอยู่บ้านยาย
เรามักจะหลับอยู่เสมอ เราไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว การนอนเป็นทางหนีปัญาที่เราทำได้ เพราะโควิดแม่เราเลยทำโจ๊กขาย มีคนชวนแม่เราไปขายของในตลาด เราเลยต้องขึ้นมาช่วยแม่ขายเราย้ายมาอยู่บ้านของลุงที่ปล่อยว่างไว้ แม่เราขายก๋วยเตี๋ยวกับโจ๊กเป็นตลาดกลางคืน ที่ปิด สี่ห้าทุ่ม ตอนเช้าก็ตื่นมาเรียนและตอนเย็นก็ไปช่วยแม่ขายก๋วยเตี๋ยวในตอนกลางวันเราก็จะนอน
แต่ยอดขายมันไม่ดีแม่จึงย้ายที่ขายเป็นขายตอนเช้าแทน เราเองก็เปิดเทอม แม่ออกไปตั้งร้านตอน 6 โมง เราเรียน 8 โมง เราเลยต้องเรียนบนรถตลอดทั้งเทอม ส่วนพี่ก็ย้ายมาอยู่กับเรา แม่บอกว่าพี่เราต้องเรียนเลยไม่อยากกวน พอปิดเทอมเราต้องไปช่วยแม่ขาย
ในช่วงกลางเดือนญาติของเราก็ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยเป็นอยู่กัน 5 คน พอเราเปิดเทอม พี่ชายเราเขาก็เรียนจบ หน้าที่ยกโจ๊กตอนเช้าเลยตกไปอยู่ที่เขาแทน เนื่องจากคนในบ้านเรามี 5 คน สิ่งที่เยอะตามมาคือเสื้อผ้า ญาติของเราสองคนต้องทำงาน บางครั้งเราก็ก็เก็บผ้าพับผ้าให้ทั้งหมดคนเดียวเพราะเราไม่อยากไปกวนพวกเขา
แต่ตอนที่ต้องล้างจาน พี่เราก็บอกว่า เรามันสันดาน ที่เราไม่ล้าง เขาบอกว่าเขาล้างจานมาแล้วหลายครั้ง (ซึ่งเราล้างแต่ส่วนใหญมักจะสั่งอาหารกินนอกบ้านเลยไม่ต้องล้างจาน) อย่างที่บอกเราไม่ชอบล้างจาน เราเองก็ต้องทำงานในตอนที่เราทำงานเรานอนทำอยู่บนเตียง เเล้วแมวก็นอนข้างเรา พี่เราบอกว่าเราโกหก เราไม่ได้ทำงานแต่นอเล่นกับแมว เรามันขี้เกียจเห็นแก่ตัวที่ไม่ช่วยงานเขา
ตอนที่เราออกไปทำธุระนอกบ้านแล้วฝากพี่ชายตากผ้า พี่ชายเราก็มีความสามารถที่จะตากผ้า 2 ตะกร้าให้เห็มอับได้ทำให้ต้องเอาผ้ามาตากให้ พี่ก็ก็บอกว่า จะอะไรนักหน้าทำแค่ตากผ้า
แม่มักจะบอกว่าหัดช่วยแม่บ้าง เราเลยทำตามอย่างที่แม่เคยบอก จะทำหรือไม่ทำยังไงเราก็เลวในสายตาเขาอยู่ดีต่อให้ทำให้ตายยังไงเขาก็ไม่เคยเห็นว่าเราทำเราก็ยังเป็นคนขี้เกียจในสายตาเขา เพราะเราเป็นอย่างนี้ครอบครัวถึงแตกแยก มันเป็นเพราะเราเห็นแก่ตัวไม่คิดถึงครอบครัวบ้าง…เรามันเห็นแก่ตัวขนาดนั้นเลยหรอ