ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
ริมแม่น้ำปิงแถบบ้านลุ่ม บ้านแพะ และบ้านหนองฟาน-สบสา อัน
สร้างขึ้นโดยการนำของพญาหาญเสือแผ้วขุนนางของราชสำนักเชียงใหม่ พ.ศ. 2380
ในสมัยเจ้าหลวงแผ่นดินเย็น หรือเจ้าหลวงพุทธวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 5
เมื่อบ้านเมืองสงบสุขเป็นปึกแผ่น - แผ่นดินเย็น หมายถึงไม่มีศึกสงคราม
วิหาร
หน้าบันเป็นเทพพนมและลายก้านขด
ซุ้มประตูเป็นรูปนาค
เหนือซุ้มประตูเป็นพระพุทธเจ้าประทับสมาธิราบ ปางประทานอภันอันหมายถึงความเมตตา ต่อพระอินทร์ พระพรหม เทวดา นางฟ้า
พระประธานปารมารวิชัย
ด้านหลังพระประธาน จิตกรรมฝาผนัง เป็นภาพต้นโพธิที่ประทับ และตอนปฐมเทศนา
ขวามือของพระประธาน เป็นเรื่อง หัตถกคฤหบดี
หัตถกคฤหบดี เป็นผู้ที่มีบริวารติดตามเสมอ 500 คนแวดล้อมเสมอ
เป็นเอตทัคคะในทางผู้สงเคราะห์บริษัทบริวารด้วยสังคหวัตถุ 4 คือ
ถ้าเขายินดีด้วยการให้ ก็สงเคราะห์ด้วยการให้ - คือทาน
ถ้าเขายินดีด้วยการพูดจาไพเราะ ก็สงเคราะห์ด้วยวาจาไพเราะ - คือ ปิยวาจา
ถ้าเขายินดีด้วยการให้ทำกิจที่เกิดขึ้นจนสำเร็จ ก็สงเคราะห์ด้วยการช่วยทำกิจที่เกิดขึ้นจนสำเร็จ - คืออัตถจริยา
ถ้าเขายินดีด้วยการวางตนเสมอกัน ก็สงเคราะห์ด้วยการด้วยการวางตนเสมอกัน - คือสมานัตตตา
.
หัตถ(มือ)กคฤหบดี
เป็นราชโอรสของพระเจ้าอาฆวกะ มีพระนามว่า “อาฬวกะ”
เมื่อยังเป็นอาฬวกุมาร พระเจ้าอาฆวกะเสด็จประพาสป่าล่าสัตว์
ได้เข้าไปพักเหนื่อยที่โคนต้นไทรใหญ่ริมทางของยักษ์จึงจะถูกจับกิน
พระเจ้าอาฆวกะจึงขอและชีวิตด้วยการส่งมนุษย์คนหนึ่งมาให้กินทุกวัน
จากวันนั้นพระเจ้าอาฆวกะ ได้ส่งนักโทษในเรือนจำไปเป็นอาหารของยักษ์ทุกวันจนหมด
จับคนแก่ไปให้ยักษ์วันละคนจนหมด
จับตัวเด็ก ๆ ส่งไปให้ยักษ์ คนที่มีลูกหลานก็อพยพหนีไปจนหมด
วันหนึ่งพระพุทธเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็นอุปนิสัยของอาฬวกกุมาร
ผู้ซึ่งได้ตั้งความปรารถนาไว้ถึงแสนกัป เพื่อบรรลุธรรมได้
จึงได้เสด็จไปยังต้นไทรนั้น และได้ลดมิจฉาทิฏฐิ บรรลุโสดาบัน
รุ่งขึ้น พระราชา ได้ให้ราชบุรุษส่งอาฬวกกุมารวางลงที่มือของยักษ์
ยักษ์ได้น้อมเข้าไปถวายวางลงบนพระหัตถ์ของพระพุทธองค์
พระพุทธองค์ทรงรับแล้วส่งกลับคืนในมือของยักษ์อีก
ยักษ์ได้นำเด็กไปวางในมือของพวกราชบุรุษที่นำมาอีกครั้ง
การที่ถูกส่งจากมือหนึ่งไปยังอีกมือหนึ่ง ได้ชื่อว่า หัตถกอาฬวกกุมาร
ถัดไปด้านหน้าพระประธานเป็นภาพตอนตรัสรู้
ด้านซ้ายมือพระประธานยังคิดไม่ออก
แต่ถัดมาน่าจะเป็นเรื่องมหาสัจจกสูตร
ด้านล่างเป็นเวสสันดรชาดก
วิหารเล็กข้างวิหารใหญ่
วิหารพระแก้วขาว
เจดีย์ทรงระฆังล้านนา
มีกำแพงแก้ว และลานประทักษิณ
ฐานเขียงสี่เหลี่ยมซ้อนสองชั้น มุมทั้งสี่มีสถูป
ฐานปัทม์ยืดตัวสูงย่อมุม 20 ด้านทั้งสี่มีซุ้มพระเจ้า
ถัดไปฐานปัทม์ย่อมมุม 12
ถัดไปเป็นบัวถลาแปดเหลี่ยม 3 ชั้น รับองค์ระฆังกลมมีรัดอก
บัลลังก์ ก้านฉัตร ปล้องไฉน ปลี ลูกแก้วปกฉัตร
อุโบสถยกสูง
ปิดท้ายด้วย
และบ่อน้ำของวัด
วัดดอนแก้ว อำเภอแม่ริม ... เชียงใหม่
ริมแม่น้ำปิงแถบบ้านลุ่ม บ้านแพะ และบ้านหนองฟาน-สบสา อัน
สร้างขึ้นโดยการนำของพญาหาญเสือแผ้วขุนนางของราชสำนักเชียงใหม่ พ.ศ. 2380
ในสมัยเจ้าหลวงแผ่นดินเย็น หรือเจ้าหลวงพุทธวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 5
เมื่อบ้านเมืองสงบสุขเป็นปึกแผ่น - แผ่นดินเย็น หมายถึงไม่มีศึกสงคราม
วิหาร
หน้าบันเป็นเทพพนมและลายก้านขด
ซุ้มประตูเป็นรูปนาค
เหนือซุ้มประตูเป็นพระพุทธเจ้าประทับสมาธิราบ ปางประทานอภันอันหมายถึงความเมตตา ต่อพระอินทร์ พระพรหม เทวดา นางฟ้า
พระประธานปารมารวิชัย
ด้านหลังพระประธาน จิตกรรมฝาผนัง เป็นภาพต้นโพธิที่ประทับ และตอนปฐมเทศนา
ขวามือของพระประธาน เป็นเรื่อง หัตถกคฤหบดี
หัตถกคฤหบดี เป็นผู้ที่มีบริวารติดตามเสมอ 500 คนแวดล้อมเสมอ
เป็นเอตทัคคะในทางผู้สงเคราะห์บริษัทบริวารด้วยสังคหวัตถุ 4 คือ
ถ้าเขายินดีด้วยการให้ ก็สงเคราะห์ด้วยการให้ - คือทาน
ถ้าเขายินดีด้วยการพูดจาไพเราะ ก็สงเคราะห์ด้วยวาจาไพเราะ - คือ ปิยวาจา
ถ้าเขายินดีด้วยการให้ทำกิจที่เกิดขึ้นจนสำเร็จ ก็สงเคราะห์ด้วยการช่วยทำกิจที่เกิดขึ้นจนสำเร็จ - คืออัตถจริยา
ถ้าเขายินดีด้วยการวางตนเสมอกัน ก็สงเคราะห์ด้วยการด้วยการวางตนเสมอกัน - คือสมานัตตตา
เมื่อยังเป็นอาฬวกุมาร พระเจ้าอาฆวกะเสด็จประพาสป่าล่าสัตว์
ได้เข้าไปพักเหนื่อยที่โคนต้นไทรใหญ่ริมทางของยักษ์จึงจะถูกจับกิน
พระเจ้าอาฆวกะจึงขอและชีวิตด้วยการส่งมนุษย์คนหนึ่งมาให้กินทุกวัน
จากวันนั้นพระเจ้าอาฆวกะ ได้ส่งนักโทษในเรือนจำไปเป็นอาหารของยักษ์ทุกวันจนหมด
จับคนแก่ไปให้ยักษ์วันละคนจนหมด
จับตัวเด็ก ๆ ส่งไปให้ยักษ์ คนที่มีลูกหลานก็อพยพหนีไปจนหมด
วันหนึ่งพระพุทธเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็นอุปนิสัยของอาฬวกกุมาร
ผู้ซึ่งได้ตั้งความปรารถนาไว้ถึงแสนกัป เพื่อบรรลุธรรมได้
จึงได้เสด็จไปยังต้นไทรนั้น และได้ลดมิจฉาทิฏฐิ บรรลุโสดาบัน
รุ่งขึ้น พระราชา ได้ให้ราชบุรุษส่งอาฬวกกุมารวางลงที่มือของยักษ์
ยักษ์ได้น้อมเข้าไปถวายวางลงบนพระหัตถ์ของพระพุทธองค์
พระพุทธองค์ทรงรับแล้วส่งกลับคืนในมือของยักษ์อีก
ยักษ์ได้นำเด็กไปวางในมือของพวกราชบุรุษที่นำมาอีกครั้ง
การที่ถูกส่งจากมือหนึ่งไปยังอีกมือหนึ่ง ได้ชื่อว่า หัตถกอาฬวกกุมาร
แต่ถัดมาน่าจะเป็นเรื่องมหาสัจจกสูตร
ด้านล่างเป็นเวสสันดรชาดก
มีกำแพงแก้ว และลานประทักษิณ
ฐานเขียงสี่เหลี่ยมซ้อนสองชั้น มุมทั้งสี่มีสถูป
ฐานปัทม์ยืดตัวสูงย่อมุม 20 ด้านทั้งสี่มีซุ้มพระเจ้า
ถัดไปฐานปัทม์ย่อมมุม 12
ถัดไปเป็นบัวถลาแปดเหลี่ยม 3 ชั้น รับองค์ระฆังกลมมีรัดอก
บัลลังก์ ก้านฉัตร ปล้องไฉน ปลี ลูกแก้วปกฉัตร