เห็นนิมิต เห็นอดีต เห็นอนาคต เห็นกฎแห่งกรรม ภาค 11

เรื่องราว นิมิต เรื่องถัดไปที่เราจะเล่า เกี่ยวกับการทำแท้งค่ะ เราได้เห็น นิมิต นี้ตอนที่เราไปปฎิบัติธรรมทำกรรมฐานครั้งแรก เราค่อนข้างจะโชคดีกว่าคนอื่นๆมากในเรื่อง การปฎิบัติธรรม

เพราะสถานปฎิบัติธรรมที่ขอนแก่นที่เราไป ปกติผู้ปฎิบัติธรรมใหม่จะอยู่ปฎิบัติธรรมได้แค่ไม่เกิน 7 วันต่อครั้ง แต่ตอนเราไปปฎิบัติธรรมที่นั้นครั้งแรก เราบวชชีโกนผม ทีแรกที่บวชเราไม่ได้คิดเรื่องปฎิบัติธรรมกรรมฐานอะไรเลย เราแค่จะบวชให้ลูกตามคำพูดที่เราขอชีวิตลูกเราไว้

เราแค่ต้องการหาสถานที่ที่แม่ชีสามารถจำวัดได้เท่านั้น และเราก็ได้ไปอยู่จำวัดและปฎิบัติธรรมที่นั้น ตอนที่เราเห็นว่าจะเสียลูกไป เราไปกล่าวพูดขอชีวิตลูกเราไว้ว่า อย่าเอาลูกเราไปเลย จะให้เราทำยังไงก็ได้ จะให้เราบวชตลอดชีวิตเราก็ยอม

แต่หลังจากนั้นเราก็ไปตั้งจิตอธิฐานขอต่อหน้าองค์พระประธานของที่นั้น ว่าเรายังมีความจำเป็นต้องที่จะต้องใช้ชีวิตทางโลกอยู่ เราจะขอมาปฎิบัติธรรมให้เมื่อมีโอกาสตลอดชีวิตแทน

ตอนนั้นเราจึงขอพระอาจารย์ที่สอนกรรมฐาน เรื่องที่เราจะขออยู่ปฎิบัติธรรมต่อจนกว่าจะถึงกำหนดลาสิกขา ท่านไม่ได้อนุญาตแต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธ ท่านบอกว่าถ้าเราสามารถปฎิบัติธรรมกรรมฐาน ท่านจะพิจารณาดูอีกที

ทำไปทำมาเราจึงได้อยู่ปฎิบัติธรรมที่นั้นในครั้งแรกประมาณเดือนกว่าๆได้ เราจึงคิดว่าตัวเองโชคดีกว่าคนอื่นมากในเรื่องนี้ เพราะได้ปฎิบัติต่อเนื่องนานกว่าคนอื่นๆ และก็ได้อะไรกลับมามากมายจากการปฎิบัติธรรมในคราวนั้น

และหนึ่งสิ่งที่เราได้กลับมา และยังคงเป็นภาพที่ฝังลึกติดตรึงอยู่ในจิตใจเราอยู่ตลอด ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีแล้วก็ตาม คือการได้เห็น นิมิต เกี่ยวกับเด็กที่ถูกทำแท้ง

ส่วนตัวเราไม่เคยทำแท้ง ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการทำแท้ง และไม่เคยคิดที่จะทำแท้งลูกของตัวเอง เรารักลูกของเรามาก และไม่เคยมีความคิดที่ทำเช่นนั้นกับลูกของตัวเองเลย

แต่ชีวิตเราเคยถูกแม่เราทำแท้ง ตั้งแต่ตอนแรกที่แกรู้ว่าท้อง ที่เราได้รู้เพราะครั้งนึงเราเคยดูดวงกับหมอดูอิสลามคนนึง ทีแรกเราก็ไม่ได้อยากดู เพราะเราไม่ชอบดูดวง แต่เราไปกับเพื่อน เค้าก็บอกว่าหมอดูคนนี้แม่น เลยพากันไปลองของ

ดูเสร็จคืนนั้นเล่นเอาเรานอนไม่หลับทั้งคืน เพราะเรื่องที่แกดูให้เราคือเรื่องที่แม่เคยทำแท้งเรา แกบอกว่าเราหัวแข็ง เค้าทำไม่ให้เกิดแล้ว ยังเกิดออกมาได้ หัวแข็งจริงๆ เราเคืองมาก แล้วเราก็ไม่ดูเรื่องอื่นต่อ

ด้วยความที่เราไม่เคยเก็บความสงสัยอะไรไว้ได้เลยเพราะมันอึดอัด คืนนั้นเราจึงโทรไปหาแม่เราตอนดึก แล้วก็ถามแกตรงๆเรื่องนี้ แม่เราแกก็ไม่ได้คิดจะปิดบัง เล่าให้เราฟังเป็นฉากๆว่าแกทำอะไรบ้างตอนที่แกตั้งท้องเราอยู่ เราได้แต่นอนฟังแล้วร้องไห้ไปด้วย ทนฟังต่อไปไม่ไหว จนต้องบอกให้แกหยุดเล่า

แต่เราไม่เคยโกรธแม่เราเรื่องนี้เลย เพราะยังไงตอนนี้เราก็ได้เกิดมาแล้วและยังมีชีวิตอยู่ เราดีใจด้วยซ้ำที่แกไม่โกหก แกยอมเล่าความจริงทุกอย่างให้เราฟัง ตั้งแต่นั้นเราก็ขยาดกับการดูดวงไปเลย กลัวจะไปรู้เรื่องอดีตอะไรไม่ดีของตัวเองมาอีก

มาเข้าเรื่อง นิมิต ที่เราเห็นตอนนั้นกันบ้าง ตอนที่เราทำกรรมฐานรอบนั้นหลังจากเดินจงกรมเสร็จแล้วก็เปลี่ยนไปนั่งสมาธิ ตอนที่นั่งสมาธิไปได้สักพัก เราเห็นเด็กเต็มไปหมดทั้งผู้หญิง ผู้ชาย อายุรุ่นราวก็แตกต่างกันไป 

แต่เด็กพวกนั้นมีสิ่งที่เหมือนกันคือ ไม่ใส่เสื้อผ้า บ้างก็นั่งพนมมือ บ้างก็ยืนพนมมือ ในตอนนั้นเราคิดว่า พวกเขาคงจะมาขอส่วนบุญ เราจึงตั้งจิตแผ่เมตตา แผ่ส่วนกุศลให้ในสมาธิ แต่พอแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลให้ไปแล้ว พวกเด็กเหล่านั้นก็ยังไม่ไปกันอีก

เราก็ยังคงเห็นเด็กพวกนั้นใน นิมิต อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งถึงเวลาออกจากสมาธิในรอบนั้น เพื่อจะแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลพร้อมกับผู้ปฎิบัติธรรมท่านอื่นๆ แต่ว่าพระอาจารย์ที่นำปฎิบัติธรรมในรอบนั้น ท่านพูดถึงเรื่อง การทำแท้งขึ้นมา

ท่านพูดแบบรวมๆว่า ผู้ปฎิบัติธรรมที่เป็นพ่อแม่ ที่มาทำกรรมฐานให้ดวงวิญญาณลูกที่ตนเคยทำแท้งไปแล้ว ที่เคยทำกรรมกับเขาไว้ อยากให้ตั้งใจปฎิบัติธรรมให้มากๆ เจ็บปวดก็ทนเอา เพราะมันเป็นการชดใช้กรรมให้เขา ที่เคยทำกับเขาไว้

ตอนทำเขา เขาก็แค้น เขาก็มาเอาคืนตอนที่เรามาทำกรรมฐานนี่แหละ มาบีบไข่บ้าง ขี่คอบ้าง โดยเฉพาะคนเป็นพ่อที่ทำอะไรแล้วไม่รับผิดชอบ อยากจะให้อดทน อยากจะให้ทำให้ได้ตามความตั้งใจที่จะมาปฎิบัติธรรมให้เขา

อย่าเพิ่งหนีไปเสียก่อน เพราะว่าบอกเขาแล้วว่าจะมาทำให้ เขาก็จะมารอ แต่พอทนไม่ได้ทำไม่ได้ คนที่รอ เขาก็รอเก้อ ไม่ได้อะไรกลับไปเลย แล้วจะไปขอให้เขายกโทษให้ ขอให้เขาอโหสิกรรมให้ มันก็เป็นไปได้ยาก

ตอนนั้นเราจึงได้กระจ่างว่า นิมิต ที่เราเห็นในสมาธิ ที่เป็นเด็กพวกนั้นคือ ดวงวิญญาณเด็กที่พ่อแม่ทำแท้ง แล้วมารอรับส่วนบุญนี่เอง แต่ด้วยความสงสัย เราจึงไปถามพระอาจารย์ในตอนหลังถึง นิมิต ที่เราเห็นตอนนั้น

และเราก็ได้คำตอบ เราไม่ได้เป็นคนเดียวที่เห็น เด็กพวกนั้น พระอาจารย์ท่านก็เห็นเหมือนเรา เราจึงถามท่านไปว่า ตอนนั้นที่เราแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลไปให้ทำไมพวกเขาถึงยังไม่ไป ท่านจึงตอบว่า เราไม่ใช่คนที่ทำเขา พวกเขามารอรับจากคนที่ทำกรรมกับเขา

เราก็ถามท่านไปอีกว่า แล้วทำไมพวกเขาถึงมาให้เราเห็นใน นิมิต ในเมื่อเราไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา ท่านจึงตอบว่า อาจจะเป็นเพราะเรามาปฎิบัติธรรมให้ลูกเรา เพื่อช่วยชีวิตลูกเรา จิตจึงสื่อถึงกัน เลยทำให้เราได้เห็นพวกเขาเหล่านั้นที่มารอรับส่วนบุญส่วนกุศลจากพ่อแม่ที่มาปฎิบัติธรรมให้เช่นเดียวกัน

เราคิดในใจอยู่เสมอ ว่าถ้าพ่อแม่ของพวกเขาเหล่านั้น ได้มาเห็นสภาพลูกของตัวเอง เหมือนใน นิมิต นั้นที่เราได้เห็นวันนั้น ภาพเด็กน้อยไม่ใส่เสื้อผ้า มาตั้งหน้าตั้งตาพนมมือรอรับส่วนบุญส่วนกุศลจากพ่อแม่ พวกเขาคงจะตั้งใจปฎิบัติธรรมกรรมฐานอย่างแน่นอน ถึงแม้จะต้องทนเจ็บ ทนปวด ในขณะปฎิบัติธรรมมากมายขนาดไหน คงจะไม่มีความคิดที่จะทิ้งความตั้งใจของตนเองขึ้นมากลางคันเป็นแน่

ลองนึกภาพเด็กน้อยที่มาเฝ้ารออย่างมีความหวัง แต่สุดท้ายที่ต้องกลับไปมือเปล่าสิค่ะ มันน่าเวทนาขนาดไหน เราคิดว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ ถ้าได้เห็นภาพลูกตัวเองในสภาพนั้นแล้ว คงจะทำไม่ลงหรอกค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่