หลายปีก่อนเราเคยได้ศึกษาการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน เคยได้ไปฝึกปฏิบัติที่วัดที่มีการสอนกรรมฐาน จำได้ว่าเดินจงกรมและมีจิตเป็นสมาธิพอสมควรรู้สึกเท้าชาๆเหมือนมีกระแสลมอ่อนๆที่เท้า แต่รู้ตัวว่าตอนนั้นสติและสมาธิยังไม่ค่อยเข้มแข็งเท่าที่ควร
หลังจากนั้นเราก็ปฏิบัติที่บ้านเองตามแต่ช่วงเวลาและกำลังที่สะดวกในการปฏิบัติ เนื่องจากชีวิตมีภาระมากมาย จึงไม่ได้ปฏิบัติเป็นประจำสม่ำเสมอ แต่ก็ได้พยายามหาเวลาก่อนเข้านอน สวดมนต์และสำรวมจิตนั่งสมาธิคราวละ 15 นาทีบ้าง ครึ่งชั่วโมงบ้าง ตามแต่สะดวก บางทีเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการงานก็ไม่ได้ปฏิบัติเพราะแค่สวดมนต์ไปได้เพียงครึ่งบทก็สัปหงกเสียแล้ว
แต่เราเคยมีประสปการณ์ในการสวดมนต์และนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าออกจนรู้สึกว่าลมหายใจขาดหายไป ตอนนั้นค่อนข้างตกใจและก็พยายามเรียกสติให้กลับมา หลังจากนั้นก็เลยศึกษาหาข้อมูลที่มีคนบอกว่าไม่ควรตกใจเมื่อมีอาการต่างๆเกิดขึ้นขณะที่นั่งสมาธิ ไม่ว่าจะเห็นอะไรหรือได้ยินอะไรหรือร่างกายเราเป็นเช่นใดก็ให้มีสติกำกับรู้ตัวตลอดเวลา ซึ่งเราก็นำมาปฏิบัติ
จนเมื่อไม่นานมานี้ก่อนช่วงปีใหม่ได้หยุดงานมีเวลาพักผ่อนเพียงพอ คืนหนึ่งก่อนนอนเราได้ตั้งใจสวดมนต์และนั่งสมาธิ จำได้ว่าเรานั่งกำหนดดูลมหายใจด้วยสติ ลมหายใจของเราเริ่มสั้นลงๆและเบาลงมากๆ จิตรู้สึกมีสมาธิตั้งมั่นอย่างมาก ทั่วทั้งตัวรู้สึกเบาๆชาๆเหมือนมีกระแสพลังหรือลมอ่อนๆคลอบคลุม ไม่ทราบจะบรรยายอาการนี้ยังไงมันบรรยายไม่ถูก
เรากำหนดสติดูลมหายใจต่อไป ลมหายใจที่บางเบาเริ่มสม่ำเสมอหายใจเข้าหายใจออกมีปริมาณเท่ากัน มีสติรู้ตัวตลอดว่ากำลังนั่งสมาธิอยู่ ตาที่หลับอยู่ไม่เห็นอะไรเพราะในห้องปิดไฟ สักพักมีคนในครอบครัวเปิดประตูห้องเข้ามาเรียกเรา เรียกชื่อเรา 4-5 ครั้ง ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าเรากำลังนั่งสมาธิอยู่เพราะในห้องมืดมองไม่เห็น เขานึกว่าเรานอนหลับอยู่บนเตียง แต่สักพักพอเขาปรับสายตาให้เข้ากับความมืด เขาก็เห็นได้รางๆว่าเรานั่งสมาธิอยู่ (เขาเล่าให้ฟังตอนหลัง) เขาจึงหยุดเรียกเราและค่อยๆเดินออกไปและปิดประตู
ตลอดเวลาที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หูของเราได้ยินเขาเดินมาหยุดหน้าห้องเรา ได้ยินเขาเปิดประตูห้อง ได้ยินเขาเรียกเราทุกคำ แต่เราไม่ได้ขานตอบรับอะไร ไม่ได้ขยับตัวหรือพูดอะไรเลย จิตรู้แต่ลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอ มันคล้ายกับว่าจิตของเราตัดขาดจากโลกภายนอก ทั้งๆที่เรามีสติรับรู้ทุกอย่างอย่างที่บอกว่าได้ยินเสียงเขาเรียกแต่จิตมันไม่ขานรับ ไม่แม้แต่จะขยับตัวเพราะความตกใจที่มีคนเข้ามาในห้อง ไม่รู้สึกรำคาญที่ถูกรบกวนหรือใดๆ มันเป็นอาการที่แปลกมากๆ ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต
เรานั่งกำหนดดูลมหายใจต่อไปต่อไปสักพักหนึ่งจึงค่อยๆถอนตัวออกจากสมาธิ การนั่งสมาธิคราวนี้รู้สึกว่าค่อนข้างถอนตัวออกได้ช้ากว่าทุกครั้ง ทั่วทั้งตัวยังรู้สึกชาๆถึงพลังหรือลมที่มีอยู่ทั่วกาย เราค่อยๆตั้งจิตกล่าวคำแผ่เมตตา ขณะที่กล่าวคำแผ่เมตตาก็รู้สึกว่ากล่าวได้ช้ากว่าทุกครั้ง ลมหายใจเข้าออกยังช้าและสม่ำเสมอ หลังจากแผ่เมตตาแล้วต้องใช้เวลาสักครู่ถึงรู้สึกว่าร่างกายเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ
อาการแบบนี้ที่เกิดขึ้นในขณะที่นั่งสมาธิคืออะไรคะ
เราไม่ทราบว่าเราปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน 4 ได้ถูกต้องหรือไม่ ไม่ทราบว่าเรามีสมาธิมากเกินกว่าสติไปหรือเปล่า ควรปฏิบัติเช่นไรต่อไป วานผู้รู้และมีประสปการณ์ช่วยแจกแจงและอธิบายให้เข้าใจทีค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
อาการแบบนี้นี้ที่เกิดขึ้นขณะนั่งสมาธิคืออะไรคะ
หลังจากนั้นเราก็ปฏิบัติที่บ้านเองตามแต่ช่วงเวลาและกำลังที่สะดวกในการปฏิบัติ เนื่องจากชีวิตมีภาระมากมาย จึงไม่ได้ปฏิบัติเป็นประจำสม่ำเสมอ แต่ก็ได้พยายามหาเวลาก่อนเข้านอน สวดมนต์และสำรวมจิตนั่งสมาธิคราวละ 15 นาทีบ้าง ครึ่งชั่วโมงบ้าง ตามแต่สะดวก บางทีเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการงานก็ไม่ได้ปฏิบัติเพราะแค่สวดมนต์ไปได้เพียงครึ่งบทก็สัปหงกเสียแล้ว
แต่เราเคยมีประสปการณ์ในการสวดมนต์และนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าออกจนรู้สึกว่าลมหายใจขาดหายไป ตอนนั้นค่อนข้างตกใจและก็พยายามเรียกสติให้กลับมา หลังจากนั้นก็เลยศึกษาหาข้อมูลที่มีคนบอกว่าไม่ควรตกใจเมื่อมีอาการต่างๆเกิดขึ้นขณะที่นั่งสมาธิ ไม่ว่าจะเห็นอะไรหรือได้ยินอะไรหรือร่างกายเราเป็นเช่นใดก็ให้มีสติกำกับรู้ตัวตลอดเวลา ซึ่งเราก็นำมาปฏิบัติ
จนเมื่อไม่นานมานี้ก่อนช่วงปีใหม่ได้หยุดงานมีเวลาพักผ่อนเพียงพอ คืนหนึ่งก่อนนอนเราได้ตั้งใจสวดมนต์และนั่งสมาธิ จำได้ว่าเรานั่งกำหนดดูลมหายใจด้วยสติ ลมหายใจของเราเริ่มสั้นลงๆและเบาลงมากๆ จิตรู้สึกมีสมาธิตั้งมั่นอย่างมาก ทั่วทั้งตัวรู้สึกเบาๆชาๆเหมือนมีกระแสพลังหรือลมอ่อนๆคลอบคลุม ไม่ทราบจะบรรยายอาการนี้ยังไงมันบรรยายไม่ถูก
เรากำหนดสติดูลมหายใจต่อไป ลมหายใจที่บางเบาเริ่มสม่ำเสมอหายใจเข้าหายใจออกมีปริมาณเท่ากัน มีสติรู้ตัวตลอดว่ากำลังนั่งสมาธิอยู่ ตาที่หลับอยู่ไม่เห็นอะไรเพราะในห้องปิดไฟ สักพักมีคนในครอบครัวเปิดประตูห้องเข้ามาเรียกเรา เรียกชื่อเรา 4-5 ครั้ง ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าเรากำลังนั่งสมาธิอยู่เพราะในห้องมืดมองไม่เห็น เขานึกว่าเรานอนหลับอยู่บนเตียง แต่สักพักพอเขาปรับสายตาให้เข้ากับความมืด เขาก็เห็นได้รางๆว่าเรานั่งสมาธิอยู่ (เขาเล่าให้ฟังตอนหลัง) เขาจึงหยุดเรียกเราและค่อยๆเดินออกไปและปิดประตู
ตลอดเวลาที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หูของเราได้ยินเขาเดินมาหยุดหน้าห้องเรา ได้ยินเขาเปิดประตูห้อง ได้ยินเขาเรียกเราทุกคำ แต่เราไม่ได้ขานตอบรับอะไร ไม่ได้ขยับตัวหรือพูดอะไรเลย จิตรู้แต่ลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอ มันคล้ายกับว่าจิตของเราตัดขาดจากโลกภายนอก ทั้งๆที่เรามีสติรับรู้ทุกอย่างอย่างที่บอกว่าได้ยินเสียงเขาเรียกแต่จิตมันไม่ขานรับ ไม่แม้แต่จะขยับตัวเพราะความตกใจที่มีคนเข้ามาในห้อง ไม่รู้สึกรำคาญที่ถูกรบกวนหรือใดๆ มันเป็นอาการที่แปลกมากๆ ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต
เรานั่งกำหนดดูลมหายใจต่อไปต่อไปสักพักหนึ่งจึงค่อยๆถอนตัวออกจากสมาธิ การนั่งสมาธิคราวนี้รู้สึกว่าค่อนข้างถอนตัวออกได้ช้ากว่าทุกครั้ง ทั่วทั้งตัวยังรู้สึกชาๆถึงพลังหรือลมที่มีอยู่ทั่วกาย เราค่อยๆตั้งจิตกล่าวคำแผ่เมตตา ขณะที่กล่าวคำแผ่เมตตาก็รู้สึกว่ากล่าวได้ช้ากว่าทุกครั้ง ลมหายใจเข้าออกยังช้าและสม่ำเสมอ หลังจากแผ่เมตตาแล้วต้องใช้เวลาสักครู่ถึงรู้สึกว่าร่างกายเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ
อาการแบบนี้ที่เกิดขึ้นในขณะที่นั่งสมาธิคืออะไรคะ
เราไม่ทราบว่าเราปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน 4 ได้ถูกต้องหรือไม่ ไม่ทราบว่าเรามีสมาธิมากเกินกว่าสติไปหรือเปล่า ควรปฏิบัติเช่นไรต่อไป วานผู้รู้และมีประสปการณ์ช่วยแจกแจงและอธิบายให้เข้าใจทีค่ะ ขอบคุณมากค่ะ