เสียงเตือนจาก “แบงก์ชาติ” ตั้งการ์ดให้สูง ปีหน้าป่วนแน่ (bangkokbiznews.com)
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1039370
ประเด็นหลักที่ท่านผู้ว่าการแบงก์ชาติต้องการเตือนให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตั้งการ์ดสูงเพื่อรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่อาจมาเยือน ซึ่งตัวท่านเองก็ยังไม่รู้ว่าจะมาในรูปแบบไหน แต่เชื่อว่ามาแน่นอน นั่นคือ ความผิดเพี้ยนของตลาด หรือ “Market Dysfunction” ซึ่ง ดร.เศรษฐพุฒิ ย้ำคำนี้อยู่หลายรอบในวงพูดคุยมื้อกลางวัน ท่านบอกว่า คนยังพูดถึงเรื่องนี้น้อยมาก แต่มีความสำคัญ เพราะสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ต่างกับสุภาษิตที่ว่า “น้ำลดตอผุด” ซึ่งที่ผ่านมาทั่วโลกดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากเป็นพิเศษ กดดอกเบี้ยไว้ระดับต่ำ เมื่อถึงจุดหนึ่งปัญหาต่างๆ ก็เริ่มโผล่ออกมาให้เห็น
แต่ที่น่ากังวลไปกว่านั้นคือ ปัญหารอบนี้ดันไปเกิดกับประเทศที่เซฟที่สุด เกิดกับตลาดที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด และยังเกิดในสินค้าที่มั่นคงที่สุด ตัวอย่างที่เห็นชัดๆ คือ อังกฤษ เป็นประเทศที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดปัญหา ที่สำคัญยังไปเกิดกับตัวพันธบัตรรัฐบาล ไปเกิดในกลุ่ม pension fund สะท้อนว่า สถานการณ์เวลานี้ปัญหาต่างๆ อาจเกิดขึ้นในจุดไหนก็ได้ ความเสี่ยงจึงมีสูงมากกว่าปกติ
นอกจากนี้ยังมีอีก 2 ปัจจัยที่ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ให้ความเป็นห่วง
อันแรกคือ ปัญหา Geopolitics หรือความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในระยะยาวอย่างแน่นอน
ส่วนอีกอัน คือ การดำเนินนโยบายแปลกๆ ของภาครัฐ ซึ่งช่วงนี้ใกล้เลือกตั้ง พรรคการเมืองต่างๆ เริ่มหาเสียง และก็เริ่มเห็นการเสนอนโยบายที่อาจบ่อนทำลายเศรษฐกิจระยะยาว เช่น การพักหนี้ต่างๆ โดยผู้ว่าการแบงก์ชาติ ย้ำเตือนว่า อยากให้ดูบทเรียนในต่างประเทศเป็นตัวอย่าง เช่น ในอังกฤษชัดเจนมาก เพราะเห็นได้ชัดว่า “ตลาดจะ Punish stupid policy”
เสียงเตือนจาก “แบงก์ชาติ” ตั้งการ์ดให้สูง ปีหน้าป่วนแน่
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1039370
ประเด็นหลักที่ท่านผู้ว่าการแบงก์ชาติต้องการเตือนให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตั้งการ์ดสูงเพื่อรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่อาจมาเยือน ซึ่งตัวท่านเองก็ยังไม่รู้ว่าจะมาในรูปแบบไหน แต่เชื่อว่ามาแน่นอน นั่นคือ ความผิดเพี้ยนของตลาด หรือ “Market Dysfunction” ซึ่ง ดร.เศรษฐพุฒิ ย้ำคำนี้อยู่หลายรอบในวงพูดคุยมื้อกลางวัน ท่านบอกว่า คนยังพูดถึงเรื่องนี้น้อยมาก แต่มีความสำคัญ เพราะสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ต่างกับสุภาษิตที่ว่า “น้ำลดตอผุด” ซึ่งที่ผ่านมาทั่วโลกดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากเป็นพิเศษ กดดอกเบี้ยไว้ระดับต่ำ เมื่อถึงจุดหนึ่งปัญหาต่างๆ ก็เริ่มโผล่ออกมาให้เห็น
แต่ที่น่ากังวลไปกว่านั้นคือ ปัญหารอบนี้ดันไปเกิดกับประเทศที่เซฟที่สุด เกิดกับตลาดที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด และยังเกิดในสินค้าที่มั่นคงที่สุด ตัวอย่างที่เห็นชัดๆ คือ อังกฤษ เป็นประเทศที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดปัญหา ที่สำคัญยังไปเกิดกับตัวพันธบัตรรัฐบาล ไปเกิดในกลุ่ม pension fund สะท้อนว่า สถานการณ์เวลานี้ปัญหาต่างๆ อาจเกิดขึ้นในจุดไหนก็ได้ ความเสี่ยงจึงมีสูงมากกว่าปกติ
นอกจากนี้ยังมีอีก 2 ปัจจัยที่ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ให้ความเป็นห่วง
อันแรกคือ ปัญหา Geopolitics หรือความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในระยะยาวอย่างแน่นอน
ส่วนอีกอัน คือ การดำเนินนโยบายแปลกๆ ของภาครัฐ ซึ่งช่วงนี้ใกล้เลือกตั้ง พรรคการเมืองต่างๆ เริ่มหาเสียง และก็เริ่มเห็นการเสนอนโยบายที่อาจบ่อนทำลายเศรษฐกิจระยะยาว เช่น การพักหนี้ต่างๆ โดยผู้ว่าการแบงก์ชาติ ย้ำเตือนว่า อยากให้ดูบทเรียนในต่างประเทศเป็นตัวอย่าง เช่น ในอังกฤษชัดเจนมาก เพราะเห็นได้ชัดว่า “ตลาดจะ Punish stupid policy”