ยิ่งลักษณ์ โอดถูกกลั่นแกล้งไม่จบ นายกฯย้าย ขรก.คนเดียว โดนดำเนินคดี
https://www.matichon.co.th/politics/news_3687807
ยิ่งลักษณ์ โอดถูกกลั่นแกล้งไม่จบ ‘ไทย’ ที่เดียว นายกฯจากการเลือกตั้งย้าย ขรก.คนเดียว โดนดำเนินคดี
จากกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดพิจารณาคดีครั้งแรก (สอบคำให้การ) ในคดีหมายเลขดำที่ อม.11/2565 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
กรณีเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับพวก ใช้อำนาจโอน นาย
ถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในขณะนั้นให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำโดยมิชอบเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2554 โดยฟ้องเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์มาศาล ส่วนจำเลยไม่เดินทางมาศาล แต่จำเลยตั้ง นาย
นรวิชญ์ หล้าแหล่ง และนาย
วิญญัติ ชาติมนตรี เป็นทนายจำเลย
โจทก์แถลงว่า ปัจจุบันจำเลยไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดในทางการเมือง จึงไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งเกี่ยวกับการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยอีกต่อไป จำเลยมิได้มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง หรือร้องขอเลื่อนคดี จึงออกหมายจับจำเลย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28 วรรคหนึ่ง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน น.ส.
ยิ่งลักษณ์ระบุถึงเรื่องที่เกิดขึ้นผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ความว่า
มีประเทศไทยประเทศเดียวที่นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ย้ายข้าราชการคนเดียวแล้วถูกดำเนินคดี #ถูกกลั่นแกล้งไม่จบ
“
จากข่าวการออกหมายจับดิฉันจากการย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี มีประเทศไทยประเทศเดียวที่นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ย้ายข้าราชการคนเดียว แล้วถูกดำเนินคดี #ถูกกลั่นแกล้งไม่จบ” น.ส.
ยิ่งลักษณ์ระบุ
‘พิชัย’ อัดค่าไฟแพง แนะ รื้อโครงสร้างใหม่ งดแจกใบอนุญาต กำหนดทิศทางให้ชัดเจน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3687889
“พิชัย” อัดค่าไฟแพง แนะ รัฐบาลรื้อโครงสร้างใหม่ งดแจกใบอนุญาต กำหนดทิศทางให้ชัดเจน
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน และรองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่าเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มที่จะถดถอยมาก ขณะที่เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 แม้จะดูเหมือนดีแต่ถ้าเทียบกับประเทศในอาเซียนแล้วยังต่ำมาก ทั้งนี้การประชุม APEC ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ประโยชน์น้อยมาก บทบาทของผู้นำเทียบไม่ได้เลยกับบทบาทผู้นำของชาติอาเซียนอื่น นอกจากนี้ยังมีการทำร้ายผู้ประท้วงอย่างรุนแรงจนถึงขั้นตาบอด และทำร้ายสื่อมวลชน ซึ่งเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ และควรจะต้องมีผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ ทั้งนี้ ในต่างประเทศที่เจริญแล้วที่การจัดประชุมแห่งชาติก็มักจะมีการประท้วงเป็นเรื่องปกติ แต่รัฐบาลที่มีคุณธรรมจะไม่มีการกระทำผู้ประท้วงแต่อย่างใด จึงอยากเรียกร้องหาผู้รับผิดชอบด้วย
นอกจากนี้จากการลงพื้นที่ในเขตบางรักและเขตสาทร พบว่าประชาชนเดือดร้อนกันอย่างมากจากพิษเศรษฐกิจ มีหนี้สินจำนวนมาก แต่รายได้ไม่เพิ่มแถมลดลง ค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายสูง หลายคนถึงกับขู่ว่าอยากตายเพราะสู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายเรื่องค่าไฟฟ้าและค่าก๊าซหุงต้มที่พุ่งขึ้นสูงมาก ดังนั้นจึงอยากเสนอแนวในการแก้ไขราคาก๊าซหุงต้มดังนี้
นาย
พิชัย กล่าวว่า ปัญหาค่าไฟฟ้าที่แพงมหาโหด ที่กำลังจะขึ้นราคาจากหน่วยละ 4.72 บาท เป็นหน่วยละ 5.37 บาท หรือ 5.70 บาท และอาจจะถึง 6.03 บาทได้ ทั้งที่ตอนต้นปีราคายังอยู่ที่หน่วยละ 3.70 บาทเลย ซึ่งนอกจากจะทำให้ค่าใช้จ่ายประชาชนเพิ่มสูงแล้ว จะทำให้ความสามารถแข่งขันของไทยลดลง เพราะค่าไฟฟ้าของไทยแพงกว่าค่าไฟฟ้าของประเทศคู่แข่งมาก สาเหตุหลักมาจากค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นสูง จากก๊าซอ่าวไทยที่มีปริมาณลดลง และมีปัญหาการส่งมอบสัมปทานมาเพิ่มเติม และปัญหาก๊าซจากเมียนมา ทำให้ต้องนำเข้าก๊าซ LNG ที่มีราคาสูง และใช้น้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลที่มีราคาสูงเช่นกัน ทำให้ กฟผ. ขาดทุนเกือบ 2 แสนล้านบาทแล้ว นอกจากนี้ยังต้องจ่ายค่าความพร้อมให้กับโรงไฟฟ้าที่สร้างเสร็จแต่ไม่ได้จ่ายไฟฟ้าเพราะมีกำลังการผลิตล้นเกินกว่า 50% ซึ่งยังมีโรงงานไฟฟ้าที่กำลังจะสร้างเสร็จเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้ภาระหนักมากขึ้น อีกทั้งยังจะอนุมัติใบอนุญาตไฟฟ้าเพิ่มกันอีกถึง 5,203 เมกกะวัตต์
ทางแก้เรื่องไฟฟ้าสามารถทำได้โดย การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับประเทศกัมพูชาตามที่ได้บอกไว้แล้ว นอกจากนั้นน่าจะยังสามารถเจรจาค่าความพร้อมให้ลดลงได้ นอกจากนี้รัฐควรเข้าไปไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทการส่งมอบสัมปทานในอ่าวไทยเพื่อให้ส่งมอบก๊าซได้ตามปกติ รวมถึงต้องพยายามให้ประเทศเมียนมากลับสู่ปกติโดยเร็ว การส่งก๊าซธรรมชาติจากเมียนมามาไทยจะได้เป็นปกติ ไม่โดนวางระเบิด เป็นต้น
สำหรับปัญหาราคาก๊าซ LPG หรือ ก๊าซหุงต้มที่แพงนั้น รัฐสามารถที่จะเก็บเงินจากก๊าซ LPG ที่ส่งเข้าธุรกิจปิโตรเคมีได้ ซึ่งในอดีตก็เคยทำมาแล้วในสมัยรัฐบาลเพื่อไทย แต่ถูกยกเลิกไปหลังมีการปฏิวัติ ซึ่งควรต้องนำมาเก็บใหม่ และควรเก็บมากกว่าเดิมด้วย จะได้นำเงินมาลดราคาค่าก๊าซหุงต้มที่ประชาชนใช้อยู่ได้
การแก้ไขราคาพลังงาน ผู้นำต้องมีความรู้เรื่องพลังงานอย่างแท้จริง และต้องรู้โครงสร้างราคาพลังงานเพื่อจะได้เข้าไปแก้ไขให้ถูกทาง และจะต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือตกอยู่ใต้อำนาจของบริษัทพลังงาน เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะเป็นการลูบหน้าปะจมูก และจะไม่มีทางแก้ปัญหาพลังงานได้ ประชาชนจะยิ่งลำบากกันมากขึ้น
‘ก้าวไกล’ แนะ ‘ส.ว.’ อย่าเล่นตุกติก ตั้ง กมธ.เตะถ่วง หาเรื่องไม่ทำประชามติแก้ รธน.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3687854
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน นาย
ณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะผู้เสนอญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการตามที่สภามีมติในการออกเสียงประชามติเกี่ยวกับความเห็นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กล่าวว่า ตนเสียดายที่การประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ไม่อนุญาตให้มีตัวแทนจากฝั่ง ส.ส.เข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงในฐานะผู้เสนอญัตติ จึงไม่สามารถตอบข้อสงสัยในหลายๆ เรื่องที่ ส.ว.บางคนมีข้อกังวล เช่น เรื่องเนื้อหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับญัตตินี้ รวมไปถึงประเด็นด้านการประหยัดงบประมาณที่ ครม.สามารถดำเนินการได้ผ่านการตราเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติในบางมาตรา ก็เป็นช่องทางที่ทำให้การจัดทำประชามติสามารถจัดพร้อมกับการเลือกตั้งเพื่อประหยัดงบประมาณได้ เป็นต้น
นาย
ณัฐพงศ์กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าหากในที่ประชุมวุฒิสภาได้รับทราบเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ ผลการลงมติก็อาจมีทิศทางต่างออกไป เพราะเหตุผลที่ให้ไว้สำหรับการตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) ขึ้นมาศึกษาก่อน 30 วัน ก็ด้วยเหตุผลที่ให้ไว้ข้างต้นทั้งสิ้น โดยที่ประชุมวุฒิสภาได้อภิปรายไปในทิศทางเดียวกัน และเห็นด้วยกับการทำประชามติ เพียงแต่อยากให้พิจารณาศึกษาให้รอบคอบอย่างมีวุฒิภาวะให้สมกับเป็นวุฒิสภา
ทั้งนี้ ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การตั้ง กมธ.ขึ้นมาศึกษาจะดำเนินไปอย่างตรงไปตรงมา และพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันตามที่ได้เสนอไว้ อย่าขยายกรอบการพิจารณา ลากเกมเตะถ่วง และหวังว่าจะเปิดโอกาสให้ ส.ส.เข้าชี้แจงในฐานะผู้เสนอญัตติด้วย
JJNY : ยิ่งลักษณ์โอดถูกกลั่นแกล้งไม่จบ| ‘พิชัย’ อัดค่าไฟแพง| ‘ก้าวไกล’แนะ ‘ส.ว.’อย่าเล่นตุกติก| คาดกม.กัญชาถกสัปดาห์หน้า
https://www.matichon.co.th/politics/news_3687807
ยิ่งลักษณ์ โอดถูกกลั่นแกล้งไม่จบ ‘ไทย’ ที่เดียว นายกฯจากการเลือกตั้งย้าย ขรก.คนเดียว โดนดำเนินคดี
จากกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดพิจารณาคดีครั้งแรก (สอบคำให้การ) ในคดีหมายเลขดำที่ อม.11/2565 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
กรณีเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับพวก ใช้อำนาจโอน นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในขณะนั้นให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำโดยมิชอบเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2554 โดยฟ้องเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์มาศาล ส่วนจำเลยไม่เดินทางมาศาล แต่จำเลยตั้ง นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง และนายวิญญัติ ชาติมนตรี เป็นทนายจำเลย
โจทก์แถลงว่า ปัจจุบันจำเลยไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดในทางการเมือง จึงไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งเกี่ยวกับการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยอีกต่อไป จำเลยมิได้มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง หรือร้องขอเลื่อนคดี จึงออกหมายจับจำเลย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28 วรรคหนึ่ง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุถึงเรื่องที่เกิดขึ้นผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ความว่า
มีประเทศไทยประเทศเดียวที่นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ย้ายข้าราชการคนเดียวแล้วถูกดำเนินคดี #ถูกกลั่นแกล้งไม่จบ
“จากข่าวการออกหมายจับดิฉันจากการย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี มีประเทศไทยประเทศเดียวที่นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ย้ายข้าราชการคนเดียว แล้วถูกดำเนินคดี #ถูกกลั่นแกล้งไม่จบ” น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุ
‘พิชัย’ อัดค่าไฟแพง แนะ รื้อโครงสร้างใหม่ งดแจกใบอนุญาต กำหนดทิศทางให้ชัดเจน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3687889
“พิชัย” อัดค่าไฟแพง แนะ รัฐบาลรื้อโครงสร้างใหม่ งดแจกใบอนุญาต กำหนดทิศทางให้ชัดเจน
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน และรองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่าเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มที่จะถดถอยมาก ขณะที่เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 แม้จะดูเหมือนดีแต่ถ้าเทียบกับประเทศในอาเซียนแล้วยังต่ำมาก ทั้งนี้การประชุม APEC ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ประโยชน์น้อยมาก บทบาทของผู้นำเทียบไม่ได้เลยกับบทบาทผู้นำของชาติอาเซียนอื่น นอกจากนี้ยังมีการทำร้ายผู้ประท้วงอย่างรุนแรงจนถึงขั้นตาบอด และทำร้ายสื่อมวลชน ซึ่งเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ และควรจะต้องมีผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ ทั้งนี้ ในต่างประเทศที่เจริญแล้วที่การจัดประชุมแห่งชาติก็มักจะมีการประท้วงเป็นเรื่องปกติ แต่รัฐบาลที่มีคุณธรรมจะไม่มีการกระทำผู้ประท้วงแต่อย่างใด จึงอยากเรียกร้องหาผู้รับผิดชอบด้วย
นอกจากนี้จากการลงพื้นที่ในเขตบางรักและเขตสาทร พบว่าประชาชนเดือดร้อนกันอย่างมากจากพิษเศรษฐกิจ มีหนี้สินจำนวนมาก แต่รายได้ไม่เพิ่มแถมลดลง ค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายสูง หลายคนถึงกับขู่ว่าอยากตายเพราะสู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายเรื่องค่าไฟฟ้าและค่าก๊าซหุงต้มที่พุ่งขึ้นสูงมาก ดังนั้นจึงอยากเสนอแนวในการแก้ไขราคาก๊าซหุงต้มดังนี้
นายพิชัย กล่าวว่า ปัญหาค่าไฟฟ้าที่แพงมหาโหด ที่กำลังจะขึ้นราคาจากหน่วยละ 4.72 บาท เป็นหน่วยละ 5.37 บาท หรือ 5.70 บาท และอาจจะถึง 6.03 บาทได้ ทั้งที่ตอนต้นปีราคายังอยู่ที่หน่วยละ 3.70 บาทเลย ซึ่งนอกจากจะทำให้ค่าใช้จ่ายประชาชนเพิ่มสูงแล้ว จะทำให้ความสามารถแข่งขันของไทยลดลง เพราะค่าไฟฟ้าของไทยแพงกว่าค่าไฟฟ้าของประเทศคู่แข่งมาก สาเหตุหลักมาจากค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นสูง จากก๊าซอ่าวไทยที่มีปริมาณลดลง และมีปัญหาการส่งมอบสัมปทานมาเพิ่มเติม และปัญหาก๊าซจากเมียนมา ทำให้ต้องนำเข้าก๊าซ LNG ที่มีราคาสูง และใช้น้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลที่มีราคาสูงเช่นกัน ทำให้ กฟผ. ขาดทุนเกือบ 2 แสนล้านบาทแล้ว นอกจากนี้ยังต้องจ่ายค่าความพร้อมให้กับโรงไฟฟ้าที่สร้างเสร็จแต่ไม่ได้จ่ายไฟฟ้าเพราะมีกำลังการผลิตล้นเกินกว่า 50% ซึ่งยังมีโรงงานไฟฟ้าที่กำลังจะสร้างเสร็จเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้ภาระหนักมากขึ้น อีกทั้งยังจะอนุมัติใบอนุญาตไฟฟ้าเพิ่มกันอีกถึง 5,203 เมกกะวัตต์
ทางแก้เรื่องไฟฟ้าสามารถทำได้โดย การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับประเทศกัมพูชาตามที่ได้บอกไว้แล้ว นอกจากนั้นน่าจะยังสามารถเจรจาค่าความพร้อมให้ลดลงได้ นอกจากนี้รัฐควรเข้าไปไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทการส่งมอบสัมปทานในอ่าวไทยเพื่อให้ส่งมอบก๊าซได้ตามปกติ รวมถึงต้องพยายามให้ประเทศเมียนมากลับสู่ปกติโดยเร็ว การส่งก๊าซธรรมชาติจากเมียนมามาไทยจะได้เป็นปกติ ไม่โดนวางระเบิด เป็นต้น
สำหรับปัญหาราคาก๊าซ LPG หรือ ก๊าซหุงต้มที่แพงนั้น รัฐสามารถที่จะเก็บเงินจากก๊าซ LPG ที่ส่งเข้าธุรกิจปิโตรเคมีได้ ซึ่งในอดีตก็เคยทำมาแล้วในสมัยรัฐบาลเพื่อไทย แต่ถูกยกเลิกไปหลังมีการปฏิวัติ ซึ่งควรต้องนำมาเก็บใหม่ และควรเก็บมากกว่าเดิมด้วย จะได้นำเงินมาลดราคาค่าก๊าซหุงต้มที่ประชาชนใช้อยู่ได้
การแก้ไขราคาพลังงาน ผู้นำต้องมีความรู้เรื่องพลังงานอย่างแท้จริง และต้องรู้โครงสร้างราคาพลังงานเพื่อจะได้เข้าไปแก้ไขให้ถูกทาง และจะต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือตกอยู่ใต้อำนาจของบริษัทพลังงาน เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะเป็นการลูบหน้าปะจมูก และจะไม่มีทางแก้ปัญหาพลังงานได้ ประชาชนจะยิ่งลำบากกันมากขึ้น
‘ก้าวไกล’ แนะ ‘ส.ว.’ อย่าเล่นตุกติก ตั้ง กมธ.เตะถ่วง หาเรื่องไม่ทำประชามติแก้ รธน.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3687854
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะผู้เสนอญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการตามที่สภามีมติในการออกเสียงประชามติเกี่ยวกับความเห็นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กล่าวว่า ตนเสียดายที่การประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ไม่อนุญาตให้มีตัวแทนจากฝั่ง ส.ส.เข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงในฐานะผู้เสนอญัตติ จึงไม่สามารถตอบข้อสงสัยในหลายๆ เรื่องที่ ส.ว.บางคนมีข้อกังวล เช่น เรื่องเนื้อหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับญัตตินี้ รวมไปถึงประเด็นด้านการประหยัดงบประมาณที่ ครม.สามารถดำเนินการได้ผ่านการตราเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติในบางมาตรา ก็เป็นช่องทางที่ทำให้การจัดทำประชามติสามารถจัดพร้อมกับการเลือกตั้งเพื่อประหยัดงบประมาณได้ เป็นต้น
นายณัฐพงศ์กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าหากในที่ประชุมวุฒิสภาได้รับทราบเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ ผลการลงมติก็อาจมีทิศทางต่างออกไป เพราะเหตุผลที่ให้ไว้สำหรับการตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) ขึ้นมาศึกษาก่อน 30 วัน ก็ด้วยเหตุผลที่ให้ไว้ข้างต้นทั้งสิ้น โดยที่ประชุมวุฒิสภาได้อภิปรายไปในทิศทางเดียวกัน และเห็นด้วยกับการทำประชามติ เพียงแต่อยากให้พิจารณาศึกษาให้รอบคอบอย่างมีวุฒิภาวะให้สมกับเป็นวุฒิสภา
ทั้งนี้ ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การตั้ง กมธ.ขึ้นมาศึกษาจะดำเนินไปอย่างตรงไปตรงมา และพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันตามที่ได้เสนอไว้ อย่าขยายกรอบการพิจารณา ลากเกมเตะถ่วง และหวังว่าจะเปิดโอกาสให้ ส.ส.เข้าชี้แจงในฐานะผู้เสนอญัตติด้วย