เที่ยวน้ำตกลาวใต้ต้นหนาว สวยดีนะ#1 bolaven plateau coffee ร้านกาแฟ บ้านหลัก 40 ปากซอง เล็กๆแต่อบอุ่น
เที่ยวน้ำตกลาวใต้ต้นหนาว สวยดีนะ #1 bolaven plateau coffee ร้านกาแฟ บ้านหลัก 40 ปากซอง เล็กๆแต่อบอุ่น
https://ppantip.com/topic/41744117
เที่ยวน้ำตกลาวใต้ต้นหนาว สวยดีนะ #2 ทวิบรรจบ จุดบรรจบของตาดเสือ ตาดขมึด ที่หลายคนไปเที่ยวหน้าฝนจะถ่ายรูปยาก
https://ppantip.com/topic/41745874
เที่ยวน้ำตกลาวใต้ต้นหนาว สวยดีนะ #3 เล่น ZIPLINE นอนบ้านต้นไม้ ที่ตาดเสือ ตาดขมึด ลาวใต้
https://ppantip.com/topic/41747121
เที่ยวน้ำตกลาวใต้ต้นหนาว สวยดีนะ #4 ตาดย้อย ตาดห้วยคต (ตาดคต) ที่คิดถึง เดินไปแค้มป์ตาดย้อย
https://ppantip.com/topic/41747418
เที่ยวน้ำตกลาวใต้ต้นหนาว สวยดีนะ #5 ตาดย้อย ตาดห้วยคต (ตาดคต) ที่คิดถึง เดินลุยน้ำไปแค้มป์ตาดคต
https://ppantip.com/topic/41748962
-----------
ทริปนี้ (12-14 พย 2565) ที่จะไปหลักๆคือ ตาดย้อย ตาดคต และลงไปนอนที่ทวิบรรจบ(จุดที่ตาดเสือและตาดขมึดไหลมาบรรจบกัน ตรงบ้านต้นไม้ที่หลายๆคนไปชมดูตอนหน้าฝน)
ไปกัน 2 คนกันน้องอ้น ซึ่งขับกะบะจากอุบลฯ ไปกัน โดยจุดแรกทีวางแผนไว้ คือจะไปนอนด้านล่างของตาดย้อย และเดินเที่ยวตาดคต โดยนัดคนนำทางไว้เรียบร้อยก่อนเดินทาง
12 พย 2565 พวกเราก็เดินทางออกจาก ตัวเมืองอุบลแต่เช้า แวะพักกินข้าวเช้าและสั่งอาหารกลางวันที่ด่านช่องเม็ก โดยผมแวะที่ร้าน เพลินทัวร์ ซึ่งผมจะใช้บริการประจำ ที่นี่เป็นทั้งร้านอาหาร บริษัททัวร์ มีบริการห้องพักและฝากจอดรถก็ได้
เส้นทางตาม googlemap
https://g.page/ploentour?share
เบอร์ติดต่อกรณีสั่งอาหารล่วงหน้า
บริเวณร้านอาหาร มี 2 ชั้น โล่ง สะอาด ชั้นบนยังมีห้องคาราโอเกะด้วย
อันนี้ภาพเก่าที่เคยพาเพื่อนๆไปกินตอนเย็นหลังจากเที่ยว
ด้านหลังยังมีห้องพักไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย หรือใครจะแค่ฝากรถก็มีพื้นที่บริการ
กินข้าวสั่งข้าวห่อกลางวันเสร็จ ก็ออกเดินทางต่อ แต่ก่อนข้ามด่านก็แวะซื้อซิมการ์ดลาว สำหรับติดต่อคนนำทางและเล่นเน็ตซะหน่อย แวะร้านป้าที่เคยพาเพื่อนๆมาแวะประจำ เพื่อซื้อซิมลาวและแลกเงินกีบ
โดยร้านป้าจะอยู่ติดกับ ร้านคล้งยา สาขาช่องเม็ก
พิกัดตาม googlemap
https://goo.gl/maps/eDDMX38kDMDUfhrY6
ร้านป้าแกจะขายหลายอย่าง ติดฟุตบาท
ซิมอันละ 50 บาท และต้องเติมเงินก่อนอีก 40 บาท ก็จะได้เน็ตไว้ใช้ประมาณ 3 วัน ซึ่งขั้นตอนการเติมเงินและใช้งานป้าแกก็จะสอน สะดวกดี แล้วก็แลกเงินกีบที่ป้าเขาได้เลย ตอนแลกอัตราน่าจะ 480 กีบ เท่ากับ 1 บาท ซึ่งไม่แน่นอน ขึ้นลงได้เรื่อยๆ อย่าไปคิดมาก
ถ้าคิดว่าซื้อของกิน หรือบริการต่างๆในลาว แนะนำให้แลกไว้ก็จะดีครับไม่เสียหายจ่ายง่ายดี ยิ่งถ้าเอารถเข้าไปเอง จะเสียค่าทางด่วนประมาณ 5 ด่าน
โดยผมเติมเงิน 10000 กีบ (ประมาณ 20 บาท) ได้เน็ต 1.5GB ระยะเวลา 7 วัน ซึ่งถ้าต้องการเล่นเน็ตใช้ข้อมูลเยอะกว่านี้ ก็เติมเงินมากขึ้น ซึ่งจะมีข้อมูลบอกแต่ต้องกดเรียกดูจากโทรศัพท์ก่อน เช่น เติมเงิน 100,000 กีบ อาจได้ซัก 5GB (แค่ยกตัวอย่างนะครับ ผมคิดเอา)
แล้วก็ได้เวลาเดินทาง เนื่องจากเอารถไปกันเอง ถ้าฝั่งไทยก็ขับรถผ่านไปที่ช่องทางรถผ่านได้เลยโดยคนที่มาด้วยก็แค่ลงมาตรวจตรงด่านนี่เลย ไม่ต้องเดินเข้าอาคาร สะดวกดี มีค่านำรถขาออก(กลับไทย) 200 บาท ขาเข้าไม่เสีย
ขับมาฝั่งลาว ก็จะยากหน่อย เพราะต้องแยกกันไปทำเอกสารผ่านแดน โดยคนรถก็จะทำเอกสารอีกที่และเสียค่ารถน้องจำไม่ได้ประมาณ 40000 กีบ ส่วนผู้โดยสารก็ไปยื่นเอกสารที่อาคารใหม่ โดยขึ้นไปที่ชั้น 2 โดยภายในอาคารระบบไฟยังไม่เต็มที่ ดูไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ ถ้ายื่น passport เสียเงิน 100 บาทให้ทางการลาวด้วย ส่วนค่าอะไรไม่รู้ 555
ยื่นเอกสารต่างๆเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางต่อ ไปยัง bolaven plateau coffee ร้านกาแฟ บ้านหลัก 40 ปากซอง ที่นัดหมายกับคนนำทางไว้
ระหว่างทางก่อนถึงจุดหมายก็จะเสียค่าทาง ซึ่งเป็นเอกชนสร้างเข้าเลยต้องเก็บค่าบำรุง ทั้งหมด 5 ด่าน กว่าจะถึงเมืองปากซอง
- 9,000 กีบ
- 9,000 กีบ
- 9,000 กีบ
- 5,000 กีบ
- 15,000 กีบ
*** ทุกด่านมีใบเสร็จให้ และขากลับก็เสียอีกครังนะครับ ทุกด่านง่ายๆคือคูณ 2
ถ้าวิ่งแค่ถึงปากเซ จะเสีย 3 ด่าน ด่านละ 9000 กีบ
ก่อนถึงตัวเมืองปากเซ จะเห็นเขายอดแหลมๆ เหมือนภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งยอดนี้สามารถเห็นได้จากบริเวณเขื่อนสิริธร ฝั่งไทยเลย เรียกว่าภูมะโรง
ภูมะโรง
...ถิ่นวิเวกในฝัน หนึ่งเดียวถิ่นนี้... มาแต่อดีต...
ภูมะโรง หรือที่แปลว่า ภูงูใหญ่ หรือ ภูนาค เป็นภูเขาสูงใหญ่ ถ้ามองจากอำเภอพิบูลมังสาหารจังหวัดอุบลราชธานีฝั่งไทยไปทางตะวันออกจะเห็นยอดเขาแหลมเหมือนเจดีย์สูงเสียดฟ้าอยู่ลิบๆ ภูเขานี้เชื่อมโยงกับ ภูจำปาศักดิ์ และเทือกทิวเขาอื่นๆที่ทอดยาวลงไปทางเขมรต่ำ มีถ้ำใหญ่น้อยลึกลับซับซ้อนอยู่มากมายอันเป็นที่หลบเร้นพำเพ็ญพรตของเหล่าฤาษีดาบสหรือ “ตาปโส” มาแต่โบราณ ตลอดจนเป็นที่ปลีกวิเวกหลีกเร้นภาวนาของพระธุดงค์กรรมฐานที่จัดได้ว่า “ยอดเยี่ยม” แห่งหนึ่งซึ่ง หากจะเรียกว่าหนึ่งเดียวถิ่นนี้...ที่ไม่มีที่ใดเหมือน..หรือถิ่นวิเวกในฝัน...สำหรับผู้มีอุปนิสัยทรงฌานหรืออภิญญาก็เห็นจะไม่ผิด เพราะนอกจากจะมี ยอดภูสูง เหวลึก ป่ารกชัฏ ไข้ป่าชุกชุม และภูมิประเทศสลับซับซ้อนอันตรายรอบด้านแล้วยังเป็นแดนอาถรรพ์ของเหล่าภูตผีปีศาจร้าย เป็นถิ่นที่อยู่ของฝูงเสือ ช้าง หมี กระทิง ควายป่า ข่ากินคน และผีกองกอยสะมอยดง
บ่อน้ำเที่ยง
เป็นบ่อน้ำธรรมชาติที่เกิดอยู่บนภูมะโรงมีขนาดกว้างประมาณหนึ่งเมตร ในอดีตมาน้ำจะไหลลงบ่อตลอดวันตลอดคืนแต่จะไม่ล้น แม้จะมีคนตักไปจำนวนกี่โอ่งกี่ไหก็ไม่มีวันหมดหรือลดลงไป น้ำจะเสมอกับขอบบ่ออยู่อย่างนั้นจึงเรียกว่า “บ่อน้ำเที่ยง”
พระอาจารย์ไตผู้อยู่พ้นมิติเหนือวิสัย
ณ ถิ่นนี้คนแต่โบราณรู้กันว่าเป็นที่อยู่ของ “อาจารย์ไต” พระอาจารย์ใหญ่ผู้สำเร็จในอิทธิบาทภาวนาจนอยู่พ้นมิติเหนือโลกเหนือวิสัยแห่งปุถุชนสามัญ สามารถอธิษฐานธรรมจิตให้อายุขัยยืนยาวอยู่ได้เป็นกัปกัลป์
พระอาจารย์ไตท่านนี้ไม่มีผู้ใดทราบอายุขัยของท่านเลย.. และยังเชื่อกันว่าแม้ปัจจุบันนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ในภูมะโรงนี้ ตามปฏิปทาการประพฤติปฏิบัติที่เล่าขานมานั้นคล้ายกับพระปัจเจกพุทธเจ้า คือมุ่งรู้แต่ลำพังสังขารธรรมแห่งตนเองเท่านั้นโดยไม่สนใจที่จะสอนผู้อื่น วันหนึ่งๆบิณฑบาตได้พอฉันก็กลับไปยังที่อยู่ บางครั้ง ๗ วัน ๑๕ วัน ค่อยฉันอาหารครั้งหนึ่ง บางพรรษาไม่ฉันเลยตลอด ๓ เดือน
ถ้ำที่ท่านอยู่นั้น เป็นที่ๆอยู่ห่างพ้นโลกีย์เหนือวิสัยซึ่งบุคคลธรรมดาหรือพระภิกษุที่ยังด้อยคุณธรรมไม่มีทางจะเข้าไปถึงได้เลย เพราะมีเหวลึกสุดหยั่งขวางกั้นเอาไว้ เหวนี้หากมองลึกลงไปจะไม่เห็นพื้นดินหรือยอดไม้ เห็นแต่ม่านหมอกมัวขาวคลุ้งอยู่อย่างนั้นชั่วนาตาปี ..เมื่อโยนก้อนหินลงไปจะไม่ได้ยินเสียงหล่นกระทบกับอะไรเลย.. ทางข้ามเหวไปยังถ้ำพาดเอาไว้ด้วยไม้ไผ่ลื่นๆเพียงลำเดียว หากเดินข้ามต้องแช่มช้าระมัดระวังอย่างยิ่งยวดถ้าเลี้ยงตัวไม่ดีก็มีอันหลุดร่วงตกลงไปสังเวยก้นเหวลึกที่ไม่เห็นหน
พระอาจารย์ไตท่านสอนธรรมะสั้นๆว่า
“ถ้าใครเข้าถึงพระไตรสรณคมน์ได้ด้วยศรัทธาความจริงใจเลื่อมใสสูงสุดแล้วไม่ต้องกลัวอะไร แม้แต่คำว่าตายก็ไม่กลัว คนเราไม่ต้องไปยึดถืออะไรมาก ยึดถือหลักไตรสรณคมน์ให้จริงใจก็เข้าถึง มรรค ผล นิพพาน ได้ไม่ยาก”
ที่ภูควายนี้ นอกจาก “พระอาจารย์ไต” แล้ว ผู้คนฝั่งลาวยังได้เล่าลือเกี่ยวกับ “หลวงปู่พูสี” พระบังบดอายุ ๔๐๐ กว่าปี และพระปฏิบัติดีอีกมากที่อยู่ที่นี่
พระอาจารย์บุญมาก พระวิปัสสนาจารย์ผู้เรืองฤทธิ์
พระอาจารย์บุญมาก เป็นศิษย์ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล อยู่วัดภูมะโรง ท่านเป็นพระภิกษุที่มีอำนาจจิตแก่กล้าสูงส่งมาก สามารถส่งอำนาจจิตเรียกให้เสือโคร่งดุร้ายกินคนมาสยบอยู่ในวัดภูมะโรงเหมือนสัตว์เลี้ยงเชื่องๆตัวหนึ่ง เสือโคร่งใหญ่ตัวนี้มีลำตัวยาว ๘ ศอกกินคนมาแล้ว ๙ ศพจนคนลือว่าผีตายโหงสิงเพิ่มอาถรรพ์ชั่วร้ายกลายเป็นเสือสมิงไปแล้ว พระอาจารย์บุญมากได้ล่วงรู้เห็นในญาณทัศนะว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้มันก็จะกินคนอีกมากรังแต่จะเพิ่มบาปกรรม จนกระทั่งในคืนหนึ่งตรงกับวันเพ็ญ ท่านได้ทำจิตรวบรวมสมาธิจนบังเกิดฌานแก่กล้าแล้วใช้พลังอำนาจเรียกมันให้มาหาแล้วบอกกับมันทางจิตว่า
“..ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปให้เจ้าอยู่แต่ในวัดนี้ อย่าได้หนีไปเที่ยวหากินที่อื่นอีก อย่าได้ทำบาปกรรมอีก อย่าเอาสัตว์มีชีวิตมากินเป็นอาหาร ให้กินแต่สัตว์ที่ตายแล้ว”
มันฟังเข้าใจและเชื่อฟังท่านเป็นอย่างดี ตั้งแต่คืนนั้นมันก็อยู่แต่ที่วัดภูมะโรงไม่ไปไหน ท่านบอกให้มันนอนตรงไหนมันก็นอนที่นั่น ท่านแค่เสกข้าวก้นบาตรให้มันกินไม่ต้องผูกเชือกหรือล่ามโซ่ใดๆ ในยามที่ชาวบ้านญาติโยมเขามาทำบุญหรือปฏิบัติธรรมท่านก็จะไล่ให้ไปหลบในที่ลับตาเสียคนเขาจะได้ไม่พากันแตกตื่นโกลาหล
ข้อมูลจาก
https://sites.google.com/site/asianmount/xaseiyn-phuthr-rm/phu-marong
[CR] เที่ยวน้ำตกลาวใต้ต้นหนาว สวยดีนะ #1 bolaven plateau coffee ร้านกาแฟ บ้านหลัก 40 ปากซอง เล็กๆแต่อบอุ่น
เที่ยวน้ำตกลาวใต้ต้นหนาว สวยดีนะ #1 bolaven plateau coffee ร้านกาแฟ บ้านหลัก 40 ปากซอง เล็กๆแต่อบอุ่น
https://ppantip.com/topic/41744117
เที่ยวน้ำตกลาวใต้ต้นหนาว สวยดีนะ #2 ทวิบรรจบ จุดบรรจบของตาดเสือ ตาดขมึด ที่หลายคนไปเที่ยวหน้าฝนจะถ่ายรูปยาก
https://ppantip.com/topic/41745874
เที่ยวน้ำตกลาวใต้ต้นหนาว สวยดีนะ #3 เล่น ZIPLINE นอนบ้านต้นไม้ ที่ตาดเสือ ตาดขมึด ลาวใต้
https://ppantip.com/topic/41747121
เที่ยวน้ำตกลาวใต้ต้นหนาว สวยดีนะ #4 ตาดย้อย ตาดห้วยคต (ตาดคต) ที่คิดถึง เดินไปแค้มป์ตาดย้อย
https://ppantip.com/topic/41747418
เที่ยวน้ำตกลาวใต้ต้นหนาว สวยดีนะ #5 ตาดย้อย ตาดห้วยคต (ตาดคต) ที่คิดถึง เดินลุยน้ำไปแค้มป์ตาดคต
https://ppantip.com/topic/41748962
-----------
ทริปนี้ (12-14 พย 2565) ที่จะไปหลักๆคือ ตาดย้อย ตาดคต และลงไปนอนที่ทวิบรรจบ(จุดที่ตาดเสือและตาดขมึดไหลมาบรรจบกัน ตรงบ้านต้นไม้ที่หลายๆคนไปชมดูตอนหน้าฝน)
ไปกัน 2 คนกันน้องอ้น ซึ่งขับกะบะจากอุบลฯ ไปกัน โดยจุดแรกทีวางแผนไว้ คือจะไปนอนด้านล่างของตาดย้อย และเดินเที่ยวตาดคต โดยนัดคนนำทางไว้เรียบร้อยก่อนเดินทาง
12 พย 2565 พวกเราก็เดินทางออกจาก ตัวเมืองอุบลแต่เช้า แวะพักกินข้าวเช้าและสั่งอาหารกลางวันที่ด่านช่องเม็ก โดยผมแวะที่ร้าน เพลินทัวร์ ซึ่งผมจะใช้บริการประจำ ที่นี่เป็นทั้งร้านอาหาร บริษัททัวร์ มีบริการห้องพักและฝากจอดรถก็ได้
เส้นทางตาม googlemap
https://g.page/ploentour?share
เบอร์ติดต่อกรณีสั่งอาหารล่วงหน้า
บริเวณร้านอาหาร มี 2 ชั้น โล่ง สะอาด ชั้นบนยังมีห้องคาราโอเกะด้วย
อันนี้ภาพเก่าที่เคยพาเพื่อนๆไปกินตอนเย็นหลังจากเที่ยว
ด้านหลังยังมีห้องพักไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย หรือใครจะแค่ฝากรถก็มีพื้นที่บริการ
กินข้าวสั่งข้าวห่อกลางวันเสร็จ ก็ออกเดินทางต่อ แต่ก่อนข้ามด่านก็แวะซื้อซิมการ์ดลาว สำหรับติดต่อคนนำทางและเล่นเน็ตซะหน่อย แวะร้านป้าที่เคยพาเพื่อนๆมาแวะประจำ เพื่อซื้อซิมลาวและแลกเงินกีบ
โดยร้านป้าจะอยู่ติดกับ ร้านคล้งยา สาขาช่องเม็ก
พิกัดตาม googlemap
https://goo.gl/maps/eDDMX38kDMDUfhrY6
ร้านป้าแกจะขายหลายอย่าง ติดฟุตบาท
ซิมอันละ 50 บาท และต้องเติมเงินก่อนอีก 40 บาท ก็จะได้เน็ตไว้ใช้ประมาณ 3 วัน ซึ่งขั้นตอนการเติมเงินและใช้งานป้าแกก็จะสอน สะดวกดี แล้วก็แลกเงินกีบที่ป้าเขาได้เลย ตอนแลกอัตราน่าจะ 480 กีบ เท่ากับ 1 บาท ซึ่งไม่แน่นอน ขึ้นลงได้เรื่อยๆ อย่าไปคิดมาก
ถ้าคิดว่าซื้อของกิน หรือบริการต่างๆในลาว แนะนำให้แลกไว้ก็จะดีครับไม่เสียหายจ่ายง่ายดี ยิ่งถ้าเอารถเข้าไปเอง จะเสียค่าทางด่วนประมาณ 5 ด่าน
โดยผมเติมเงิน 10000 กีบ (ประมาณ 20 บาท) ได้เน็ต 1.5GB ระยะเวลา 7 วัน ซึ่งถ้าต้องการเล่นเน็ตใช้ข้อมูลเยอะกว่านี้ ก็เติมเงินมากขึ้น ซึ่งจะมีข้อมูลบอกแต่ต้องกดเรียกดูจากโทรศัพท์ก่อน เช่น เติมเงิน 100,000 กีบ อาจได้ซัก 5GB (แค่ยกตัวอย่างนะครับ ผมคิดเอา)
แล้วก็ได้เวลาเดินทาง เนื่องจากเอารถไปกันเอง ถ้าฝั่งไทยก็ขับรถผ่านไปที่ช่องทางรถผ่านได้เลยโดยคนที่มาด้วยก็แค่ลงมาตรวจตรงด่านนี่เลย ไม่ต้องเดินเข้าอาคาร สะดวกดี มีค่านำรถขาออก(กลับไทย) 200 บาท ขาเข้าไม่เสีย
ขับมาฝั่งลาว ก็จะยากหน่อย เพราะต้องแยกกันไปทำเอกสารผ่านแดน โดยคนรถก็จะทำเอกสารอีกที่และเสียค่ารถน้องจำไม่ได้ประมาณ 40000 กีบ ส่วนผู้โดยสารก็ไปยื่นเอกสารที่อาคารใหม่ โดยขึ้นไปที่ชั้น 2 โดยภายในอาคารระบบไฟยังไม่เต็มที่ ดูไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ ถ้ายื่น passport เสียเงิน 100 บาทให้ทางการลาวด้วย ส่วนค่าอะไรไม่รู้ 555
ยื่นเอกสารต่างๆเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางต่อ ไปยัง bolaven plateau coffee ร้านกาแฟ บ้านหลัก 40 ปากซอง ที่นัดหมายกับคนนำทางไว้
ระหว่างทางก่อนถึงจุดหมายก็จะเสียค่าทาง ซึ่งเป็นเอกชนสร้างเข้าเลยต้องเก็บค่าบำรุง ทั้งหมด 5 ด่าน กว่าจะถึงเมืองปากซอง
- 9,000 กีบ
- 9,000 กีบ
- 9,000 กีบ
- 5,000 กีบ
- 15,000 กีบ
*** ทุกด่านมีใบเสร็จให้ และขากลับก็เสียอีกครังนะครับ ทุกด่านง่ายๆคือคูณ 2
ถ้าวิ่งแค่ถึงปากเซ จะเสีย 3 ด่าน ด่านละ 9000 กีบ
ก่อนถึงตัวเมืองปากเซ จะเห็นเขายอดแหลมๆ เหมือนภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งยอดนี้สามารถเห็นได้จากบริเวณเขื่อนสิริธร ฝั่งไทยเลย เรียกว่าภูมะโรง
ภูมะโรง
...ถิ่นวิเวกในฝัน หนึ่งเดียวถิ่นนี้... มาแต่อดีต...
ภูมะโรง หรือที่แปลว่า ภูงูใหญ่ หรือ ภูนาค เป็นภูเขาสูงใหญ่ ถ้ามองจากอำเภอพิบูลมังสาหารจังหวัดอุบลราชธานีฝั่งไทยไปทางตะวันออกจะเห็นยอดเขาแหลมเหมือนเจดีย์สูงเสียดฟ้าอยู่ลิบๆ ภูเขานี้เชื่อมโยงกับ ภูจำปาศักดิ์ และเทือกทิวเขาอื่นๆที่ทอดยาวลงไปทางเขมรต่ำ มีถ้ำใหญ่น้อยลึกลับซับซ้อนอยู่มากมายอันเป็นที่หลบเร้นพำเพ็ญพรตของเหล่าฤาษีดาบสหรือ “ตาปโส” มาแต่โบราณ ตลอดจนเป็นที่ปลีกวิเวกหลีกเร้นภาวนาของพระธุดงค์กรรมฐานที่จัดได้ว่า “ยอดเยี่ยม” แห่งหนึ่งซึ่ง หากจะเรียกว่าหนึ่งเดียวถิ่นนี้...ที่ไม่มีที่ใดเหมือน..หรือถิ่นวิเวกในฝัน...สำหรับผู้มีอุปนิสัยทรงฌานหรืออภิญญาก็เห็นจะไม่ผิด เพราะนอกจากจะมี ยอดภูสูง เหวลึก ป่ารกชัฏ ไข้ป่าชุกชุม และภูมิประเทศสลับซับซ้อนอันตรายรอบด้านแล้วยังเป็นแดนอาถรรพ์ของเหล่าภูตผีปีศาจร้าย เป็นถิ่นที่อยู่ของฝูงเสือ ช้าง หมี กระทิง ควายป่า ข่ากินคน และผีกองกอยสะมอยดง
บ่อน้ำเที่ยง
เป็นบ่อน้ำธรรมชาติที่เกิดอยู่บนภูมะโรงมีขนาดกว้างประมาณหนึ่งเมตร ในอดีตมาน้ำจะไหลลงบ่อตลอดวันตลอดคืนแต่จะไม่ล้น แม้จะมีคนตักไปจำนวนกี่โอ่งกี่ไหก็ไม่มีวันหมดหรือลดลงไป น้ำจะเสมอกับขอบบ่ออยู่อย่างนั้นจึงเรียกว่า “บ่อน้ำเที่ยง”
พระอาจารย์ไตผู้อยู่พ้นมิติเหนือวิสัย
ณ ถิ่นนี้คนแต่โบราณรู้กันว่าเป็นที่อยู่ของ “อาจารย์ไต” พระอาจารย์ใหญ่ผู้สำเร็จในอิทธิบาทภาวนาจนอยู่พ้นมิติเหนือโลกเหนือวิสัยแห่งปุถุชนสามัญ สามารถอธิษฐานธรรมจิตให้อายุขัยยืนยาวอยู่ได้เป็นกัปกัลป์
พระอาจารย์ไตท่านนี้ไม่มีผู้ใดทราบอายุขัยของท่านเลย.. และยังเชื่อกันว่าแม้ปัจจุบันนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ในภูมะโรงนี้ ตามปฏิปทาการประพฤติปฏิบัติที่เล่าขานมานั้นคล้ายกับพระปัจเจกพุทธเจ้า คือมุ่งรู้แต่ลำพังสังขารธรรมแห่งตนเองเท่านั้นโดยไม่สนใจที่จะสอนผู้อื่น วันหนึ่งๆบิณฑบาตได้พอฉันก็กลับไปยังที่อยู่ บางครั้ง ๗ วัน ๑๕ วัน ค่อยฉันอาหารครั้งหนึ่ง บางพรรษาไม่ฉันเลยตลอด ๓ เดือน
ถ้ำที่ท่านอยู่นั้น เป็นที่ๆอยู่ห่างพ้นโลกีย์เหนือวิสัยซึ่งบุคคลธรรมดาหรือพระภิกษุที่ยังด้อยคุณธรรมไม่มีทางจะเข้าไปถึงได้เลย เพราะมีเหวลึกสุดหยั่งขวางกั้นเอาไว้ เหวนี้หากมองลึกลงไปจะไม่เห็นพื้นดินหรือยอดไม้ เห็นแต่ม่านหมอกมัวขาวคลุ้งอยู่อย่างนั้นชั่วนาตาปี ..เมื่อโยนก้อนหินลงไปจะไม่ได้ยินเสียงหล่นกระทบกับอะไรเลย.. ทางข้ามเหวไปยังถ้ำพาดเอาไว้ด้วยไม้ไผ่ลื่นๆเพียงลำเดียว หากเดินข้ามต้องแช่มช้าระมัดระวังอย่างยิ่งยวดถ้าเลี้ยงตัวไม่ดีก็มีอันหลุดร่วงตกลงไปสังเวยก้นเหวลึกที่ไม่เห็นหน
พระอาจารย์ไตท่านสอนธรรมะสั้นๆว่า
“ถ้าใครเข้าถึงพระไตรสรณคมน์ได้ด้วยศรัทธาความจริงใจเลื่อมใสสูงสุดแล้วไม่ต้องกลัวอะไร แม้แต่คำว่าตายก็ไม่กลัว คนเราไม่ต้องไปยึดถืออะไรมาก ยึดถือหลักไตรสรณคมน์ให้จริงใจก็เข้าถึง มรรค ผล นิพพาน ได้ไม่ยาก”
ที่ภูควายนี้ นอกจาก “พระอาจารย์ไต” แล้ว ผู้คนฝั่งลาวยังได้เล่าลือเกี่ยวกับ “หลวงปู่พูสี” พระบังบดอายุ ๔๐๐ กว่าปี และพระปฏิบัติดีอีกมากที่อยู่ที่นี่
พระอาจารย์บุญมาก พระวิปัสสนาจารย์ผู้เรืองฤทธิ์
พระอาจารย์บุญมาก เป็นศิษย์ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล อยู่วัดภูมะโรง ท่านเป็นพระภิกษุที่มีอำนาจจิตแก่กล้าสูงส่งมาก สามารถส่งอำนาจจิตเรียกให้เสือโคร่งดุร้ายกินคนมาสยบอยู่ในวัดภูมะโรงเหมือนสัตว์เลี้ยงเชื่องๆตัวหนึ่ง เสือโคร่งใหญ่ตัวนี้มีลำตัวยาว ๘ ศอกกินคนมาแล้ว ๙ ศพจนคนลือว่าผีตายโหงสิงเพิ่มอาถรรพ์ชั่วร้ายกลายเป็นเสือสมิงไปแล้ว พระอาจารย์บุญมากได้ล่วงรู้เห็นในญาณทัศนะว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้มันก็จะกินคนอีกมากรังแต่จะเพิ่มบาปกรรม จนกระทั่งในคืนหนึ่งตรงกับวันเพ็ญ ท่านได้ทำจิตรวบรวมสมาธิจนบังเกิดฌานแก่กล้าแล้วใช้พลังอำนาจเรียกมันให้มาหาแล้วบอกกับมันทางจิตว่า
“..ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปให้เจ้าอยู่แต่ในวัดนี้ อย่าได้หนีไปเที่ยวหากินที่อื่นอีก อย่าได้ทำบาปกรรมอีก อย่าเอาสัตว์มีชีวิตมากินเป็นอาหาร ให้กินแต่สัตว์ที่ตายแล้ว”
มันฟังเข้าใจและเชื่อฟังท่านเป็นอย่างดี ตั้งแต่คืนนั้นมันก็อยู่แต่ที่วัดภูมะโรงไม่ไปไหน ท่านบอกให้มันนอนตรงไหนมันก็นอนที่นั่น ท่านแค่เสกข้าวก้นบาตรให้มันกินไม่ต้องผูกเชือกหรือล่ามโซ่ใดๆ ในยามที่ชาวบ้านญาติโยมเขามาทำบุญหรือปฏิบัติธรรมท่านก็จะไล่ให้ไปหลบในที่ลับตาเสียคนเขาจะได้ไม่พากันแตกตื่นโกลาหล
ข้อมูลจาก
https://sites.google.com/site/asianmount/xaseiyn-phuthr-rm/phu-marong
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้