พาแฟนแบกเป้เที่ยวลาวด้วยตนเอง 3 วัน 2 คืน

#พาแฟนแบกเป้เที่ยวลาวด้วยตัวเอง 3 วัน 2 คืน
ทริปนี้เราจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวลาวกันนะครับ ประเทศลาวเป็นอีก 1 ประเทศที่น่าท่องเที่ยวมาก การเดินทางก็ง่าย สะดวก ไม่ค่อยยุ่งยาก
#วิธีการเดินทาง: เราสองคนนั่งเครื่องมาลงที่สนามบินนานาชาติอุดรธานี ลงเครื่องประมาณ20:30น. เราหาข้อมูลเรื่องรถตู้ที่จะต่อไปหน้าด่านหนองคายมาล่วงหน้าแล้วซึ่งก็เจอแต่ข้อมูลที่บอกว่ารถหมดช้าสุดประมาณ20:00น.ซึ่งก็เป็นอันว่าไม่ทันแน่นอนเราเลยจองนอนที่อุดร 1 คืน แต่ความจริงแล้วยังมีรถอยู่นะครับเพราะรถจะวิ่งเที่ยวสุดท้ายที่เครื่องลงก็คือ20:30 เที่ยวที่เราไปนั้นเอง แต่ก็ไม่เป็นไรยังไงเราก็ต้องนอน 1 คืนอยู่ดี
#รถตู้ไปหน้าด่านหนองคาย สามารถขึ้นได้ที่สนามบินอุดรเลยครับ ราคาคนล่ะ 200฿  ของบริษัทอุดรแก้วทัวร์ครับ รถจะส่งถึงหน้าด่านหนองคายเลยครับ

และจะมีที่ขึ้นอีกที่นึงก็คือ ตรงเซ็นทรัลอุดรครับ ราคาก็เท่ากันครับหรือขึ้นในบขส.อุดร1 ก็ได้ครับ
เริ่มการเดินทางจากด่านหนองคายสิ่งสำคัญที่เราต้องใช้ก็คือพาสปอร์ตครับเพราะเราจะเดินทางไปวังเวียงกันแต่ถ้าคนไหนจะเดินทางไปแค่เวียงจันทน์สามารถทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราวไปได้ครับ


-การข้ามด่านหนองคาย เมื่อเราหันหน้าเข้าด่าน ให้เราเดินเข้าอาคารซ้ายมือเรา จะมีช่องทางเดินอยู่ให้เราเดินเข้าไปได้เลยครับ
-พอเข้าไปถึงด่านจะมีช่องเจ้าหน้าที่กับตู้อัตโนมัติซึ่งเจ้าหน้าที่ให้เรามาช่องตู้อัตโนมัติเพราะส่วนมากช่องที่มีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่จะตรวจและปั๊มเอกสารของคนที่ใช้ใบผ่านแดนชั่วคราวซะส่วนใหญ่แต่ตรงตู้อัตโนมัติเราก็ไม่เคยทำเหมือนกันแต่จะมีเจ้าหน้าที่ค่อยบอกอยู่ สแกนพาสปอร์ต สแกนใบหน้า ปั๊มลายนิ้วมือ เสร็จแล้วให้เจ้าหน้าที่ปั๊มตรา ก็เดินออกมาได้เลยครับ
-เดินออกมาประมาณ20-30เมตร ให้สังเกตทางขวามือเราจะมีตู้ขายตั๋วรถอยู่ เพื่อนั่งรถบัสข้ามไปยังฝั่งลาว ค่ารถในเวลาทำการจะอยู่ที่30฿ นอกเวลาทำการจะอยู่ที่ 35฿ ต่อคน

เมื่อได้ตั๋วแล้วถ้ารถยังไม่มาก็นั่งรอแถวนั้นได้ แต่ถ้ารถจอดอยู่แล้วก็สามารถเดินขึ้นรถได้เลยครับ รถบัสจะพาเราข้ามสะพานไปยังฝั่งลาวใช้เวลาประมาณ10 นาทีก็ถึงครับ รถจะเป็นแบบนี้

- พอถึงด่านลาว เราจะต้องไปนำใบตม.หรือใบเขียนเข้าเมืองเค้ามาเขียน จะมีคนนั่งแจกให้อยู่ที่โต๊ะถ้าเราเขียนไม่ถูกหรือไม่มีปากกาก็สามารถจ้างเค้าเขียนให้ได้นะครับคนล่ะ 20฿ แต่ผมเตรียมไปแล้วเลยเขียนเอง ให้เขียนข้อมูลของเราลงไปเป็นภาษาอังกฤษนะครับ

-หลังจากที่เขียนเสร็จแล้วเราก็นำไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ตม.ฝั่งลาวครับพร้อมพาสปอร์ตซึ่งก็อยู่แถวๆนั้นแหละครับจะเป็นตู้สีเขียวๆอยู่3ตู้ และก็เสียค่าเหยียบแผ่นดินลาวคนล่ะ20฿ ครับ ก็จะทำเหมือนกับฝั่งไทยครับ ถ่ายรูป สแกนนิ้ว แต่ที่สำคัญอย่าลืมดูว่าเจ้าหน้าที่ปั๊มพาสปอร์ตให้เราหรือยังนะครับ ดูวันที่ด้วยเพราะไม่นั้นจะเสียเวลาและจะโดนปรับตอนขาออก


-จากนั้นเดินออกมาจากด่านจะมีตู้รับแลกเงินและซื้อซิมอยู่มากมายเลย เราเหมือนดาราท่านนึงเลยจร้ามีคนมารุมถามว่าจะไปไหน ไปรถเหมาไหมเสนอราคาให้ต่างๆนานาๆ ถ้าใครพอใจในราคาก็ไปได้ ถ้าใครไม่พอใจก็เดินหนีเค้าก็จะมาตามตื้อลดราคาให้ แต่ตอนที่เราไปพอดีเราไม่รีบเราเลยเลือกไปรถบัสเพราะจะไปแวะเวียงจันทน์ก่อนสักแปบ
-เราแลกเงินและซื้อซิมจากที่ตู้นี้เลย เลทตอนที่เราไป1฿=532กีบ และซิมเน็ตของลาวเทเลคอม10กิ๊ก 80฿แต่คนที่มาเดินขายส่วนใหญ่จะ100฿ เราเลยเลือกซื้อที่ตู้นี้เค้ามีที่จิ้มซิมและเปลี่ยนให้เรียบร้อย
-แลกเงินเสร็จก็เดินทางกันเลยเป็นคนรวยขึ้นมาทันทีถือเงินหลายล้านมาก😁😁
-เมื่อออกมาจากตู้แลกเงินให้เรามองไปทางขวามือ จะมีรถบัสสีเขียวจอดอยู่ เราจะขึ้นรถบัสคันนี้แหละทุกคนเพื่อไปลงตลาดเช้ากันค่ารถจะอยู่ที่คนล่ะ 12,000กีบ แต่ถ้าจ่ายไปเงินไทยจะแพงกว่าแนะนำว่าให้จ่ายทุกอย่างในลาวเป็นเงินกีบ
-ภายในรถบัสจะเป็นแบบนี้ เป็นรถแอร์นะทุกคน


- ข้อมูลรถบัสจากหน้าด่านไปสถานีรถไฟเวียงจันทน์โดยตรงจะมีแค่3 เที่ยวต่อวันคือ รอบจากหน้าด่านไปสถานีรถไฟเวียงจันทน์ 1 เที่ยวคือเวลา 14:50 ถ้าใครไปก่อนหรือหลังเวลานี้ก็ต้องนั่งแบบผมคือไปลงตลาดเช้าก่อนและรถบัสจากสถานีรถไฟเวียงจันทน์มาหน้าด่านจะมี 2 เที่ยวคือ เวลา13:50และ 17:00น.
-เมื่อมาถึงตลาดเช้าเราก็เป็นดาราอีกเช่นเคยที่ลงจากรถแล้วมีคนมาล้อมสอบถามว่าจะไปไหนยังไงอีกเช่นเคย แต่เราจะไปประตูไซ เราเลยเลือกเดินเพราะใกล้กับตลาดเช้าประมาณ800เมตรครับ เปิดGPS เดินตามไปได้เลยครับ
#ถึงแล้วประตูไซ


-เมื่อถ่ายรูปเล่น เดินเล่นเสร็จแล้ว ก็นั่งพักซื้อน้ำดื่มมากินและเราก็เรียกแท็กซี่เพราะขี่เกียจเดินไปที่ตลาดเช้าเพื่อขึ้นรถบัสไปยังสถานีรถไฟ นี่นะครับที่จอดรถบัสในตลาดเช้ามีรถไปทุกสายสอบถามเค้าได้เลย
-เราก็เรียกรถแท็กซี่จากแอพIndrive ซึ่งแอพที่ใช้ส่วนมากก็จะเป็นIndriveกับ Loca เราเรียกได้ราคา100,000กีบ แต่เราสามารถต่อราคาผ่านแอพได้เลย เราเลยเลือกลองต่อไปเหลือ80,000กีบ ก็มีคนรับเยอะแยะเลยที่นี้เราก็ต้องเป็นคนเลือกเองว่าจะเอาคนขับคนไหน พอเลือกเสร็จเค้าก็จะขึ้นข้อมูลป้ายทะเบียนรถ สีรถมาให้และมีข้อความแชทจากคนขับมาว่ารอสักครู่อะไรประมาณนี้ พอเราขึ้นรถคนขับถามว่าจะไปตามหมุดที่เราปักไปใช่ไหม เราก็บอกว่าใช่เพราะเราปักไว้สถานีรถไฟ เค้าก็บอกว่าหมุดที่เราปักอะสถานีนั้นเป็นสถานีใหม่ยังทำไม่เสร็จเรากับแฟนก็แอ๊ะใจโดนหรอกแน่ๆ แฟนก็เปิดกูเกิ้ลแมพซึ่งก็ตรงที่เราปักไม่ว่าจะพิมพ์ว่าสถานีรถไฟเวียงจันทน์ สถานีรถไฟลาว-จีน เวียงจันทน์ บลาๆๆ ซึ่งเค้าก็บอกไม่ใช่เดี๋ยวพี่กดยกเลิกก่อนน่ะแล้วให้น้องเรียกใหม่ แต่เรียกเป็นคันพี่นี่แหละตอนนั้นแฟนจะลงจากรถแล้วเพราะรู้ว่าโดนหรอกค่ารถแน่ๆ เราก็เกรงใจเลยเอาโทรศัพท์ให้เค้าปักหมุดให้ เค้าก็เลือกไม่เจอในโทรศัพท์เรา เค้าเลยบอกว่าเดี๋ยวพี่พาไปเองพี่คิด120,000 กีบเรากับแฟนหันดูหน้ากันโดนแน่นอนแฟนเลยบอกว่าเมื่อกี้ที่ตลาดเช้า 100,000กีบเองน่ัะ คนขับเลยบอกว่าตรงนี้ที่น้องอยู่จะไกลกว่าตรงนั้น แฟนเลยเอากูเกิ้ลแมพให้เค้าดูว่ามันใกล้กันเค้าก็ไปได้เลยว่าระยะทางกิโลมันไม่เท่ากันเราเลยบอกแฟนช่างมันเถอะขึ้นมาแล้ว แต่แฟนเป็นคนไม่ยอมเรื่องโดนโกงเอาเปรียบอะไรแบบนี้แฟนจะลงเราเลยคุยกันผ่านไลน์ส่วนตัวในระหว่างนั่งรถว่าช่างมันเถอะมาเที่ยวแบบนี้ยังไงเราก็ต้องโดนไม่ที่นึงก็ที่นึงที่นี้เราโดนน้อยที่ต่อไปเราจะไม่โดนอะไรเลย ก็เลยนั่งมาถึงสถานีรถไฟเวียงจันทน์และหลังจากนั้นก็จะต่อราคาคุยราคากันแบบรอบคอบที่สุดก่อนจะขึ้นรถ ก่อนจะซื้ออะไร ถ้าไม่พอใจเราก็เดินออกแค่นั้นเองครับ
-เมื่อมาถึงสถานีรถไฟเวียงจันทน์เรานัดรับตั๋วกับคนลาวที่เค้ารับจองให้ที่นี้ค่าตั๋วรถไฟบวกค่าจองแล้ว 772฿ ราคานี้ 2 คนน่ะครับ เป็นรถไฟชั้น2  ออลืมบอกว่าน้องคนที่รับจองให้ตั๋วเราก่อนน่ะครับถึงจะจ่ายเงินให้เค้าสำหรับคนที่กลัวโดนโกงสบายใจได้เลย เพราะเราก็คือหนึ่งในนั้นคนที่กลัวเหมือนกัน

- ได้ตั๋วรถไฟแล้วเราก็นั่งรอรถไฟมา เดินถ่ายรูปเล่นกันครับ

-เรามีเวลาเหลือเราเลยไปจองตั๋วรถไฟเองตอนกลับที่สถานีเพราะตั๋วรถไฟจะเปิดจองก่อนวันเดินทางแค่3 วัน ช่องขายตั๋วจะอยู่ทางขวามือสุดของทุกๆสถานีเมื่อเรายืนหันหน้าเข้าสถานีครับ แต่ละสถานีจะเปิดรอบขายตั๋วคนล่ะเวลากันส่วนใหญ่จะเปิดตามรอบที่รถไฟมาถึง การจองใช้แค่พาสปอร์ตครับ คนนึงสามารถจองตั๋วได้3 ใบ ขากลับเราเลือกจองชั้น1 ไหนๆก็มาแล้วลองนั่งให้ทุกชั้นสิ




-ถ่ายรูปเสร็จก็เข้ามานั่งรอในสถานีรถไฟแต่ก่อนเข้าสถานีก็จะมีการสแกนกระเป๋าและตัวเหมือนกับการขึ้นเครื่องบินเลยครับ แต่สามารถนำน้ำและขนม อาหารเข้าไปกินได้ครับ

-เมื่อรถไฟมาเค้าก็จะให้เข้าแถวเพื่อตรวจสอบตั๋วรายชื่ิอกับพาสปอร์ตว่าตรงกันไหมก่อนขึ้นรถไฟ

- ภายในรถไฟก็ประมาณนี้เป็นรถปรับอากาศครับ


- เมื่อมาถึงสถานีวังเวียงเดินออกมาตรงทางออกเจ้าหน้าที่จะสแกนตั๋วอีก1 รอบเพื่อออกนะครับ ตั๋วอย่าเพิ่งทิ้งน่ะ เมื่อออกมาแล้วจะมีรถตุ๊กๆเข้าเมืองวังเวียง คนล่ะ30,000กีบครับ จะไปส่งถึงหน้าที่พักเลย
-คืนแรกเราเลือกพักที่ริเวอร์วิว โฮเทล เราจองผ่านอโกด้าไปได้ราคา 897฿ รวมภาษีรวมvat แล้ว


-เราไปถึงบ่ายสามโมงกว่าๆ ก็เก็บของนอนเล่นแปบนึงแล้วก็ลงมาพายเรือคายัคในแม่น้ำซองกันครับ เราซื้อโปรแกรมพายเรือคายัคกับที่พักเลยครับ ราคาคนล่ะ100,000กีบ ราคาก็รับได้เพราะเราไปกัน2 คนเราเช็คราคาหลายๆที่แล้วนะครับ ถ้าไปกันเยอะราคาจะถูกลง



-กลับมาจากพายเรือคายัคเราก็อาบน้ำแต่งตัวออกไปหาข้าวกินกัน เราเลือกร้านพีบพิ่งสมหมูกระทะ-จิ้มจุ่ม ซึ่งหมูกระทะจะมาเป็นชุดๆพร้อมผักและไข่ กินอิ่มก็เดินเล่นและกลับมาพักผ่อนที่ห้อง




-เช้าวันที่2 เราก็ไปเดินตลาดเช้าหาของกินกันเพราะที่พักที่เราจองไม่รวมอาหารเช้า เราได้ข้าวต้มถ้วยล่ะ 40,000กีบ กินกัน


-หลังจากกินข้าวต้มเสร็จก็มาเจอโรตี แซนวิส เราซื้อแซนวิสมาอันนึง35,000กีบเพราะมันอันใหญ่มากกินกัน2 คน ร้านแบบนี้จะเห็นทั่วเมืองวังเวียงเลยครับ มาแล้วก็ต้องลองกินครับ



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่