พระบรมธาตุทุ่งยั้ง-พระแท่นศิลาอาสน์ จ.อุตรดิตถ์ “หลุมคลีเจ้าเงาะ”มาไง? ซุ้มประตูและพิพิธภัณฑ์เมืองลับแล “เขตห้ามโกหก"

ผมออกมาจากอนุสาวรีย์พระยาพิชัย ในเมืองอุตรดิตถ์ มาที่วัดพระบรมธาตุ ทุ่งยั้ง มาสักการะพระบรมธาตุ วัดเก่าแก่สมัยก่อนการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัย ซึ่งเป็นวัดที่มีความเกี่ยวข้องกับ ตำนานพระแท่นศิลาอาสน์ จากนั้นผมก็ไปต่ออีกไม่ไกล ไปสักการะพระแท่นศิลาอาสน์ ที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ ซึ่งพระแท่นศิลาอาสน์นี้ เป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า ซึ่งทรงกระทำภัตตกิจบนแท่นศิลาที่พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์เคยนั่งบำเพ็ญบารมีบนพระแท่นนี้ ด้านข้างๆ วัดพระบรมธาตุ มี “หลุมคลีเจ้าเงาะ” ตำนานเล่าว่าเป็นหลุมคลีของเจ้าเงาะหรือสังข์ทองกับพระอินทร์ที่ต่อสู้กันตามวรรณคดีเรื่องสังข์ทอง 
          จากวัดพระแท่นศิลาอาสน์  ผมขับไปแวะดื่มกาแฟ ที่ตลาดเทศบาลพระศรีพนมมาศ ซึ่งพระศรีพนมมาศนี้ เป็นตำนานคนดีแห่งเมืองลับแล ผมมีเวลาจำกัดเพราะต้องเดินยาวไปที่เชียงใหม่ ซึ่งก็บ่ายมากแล้ว ออกจากตลาดเทศบาลพระศรีพนมมาศ ขับตรงไปไม่ไกล ก็จะเจอซุ้มประตูเมืองลับแล และพิพิธภัณฑ์เมืองลับแลที่บอกเรื่องราวความเป็นมาของเมืองลับแล ความเป็นมาของแม่ม่ายเมืองลับแล ตำนานที่ห้ามโกหก
 
วัดพระบรมธาตุ ทุ่งยั้ง
              วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ไม่ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ชาวบ้านเรียกชื่อวัดนี้ไปต่าง ๆ กัน เช่น วัดมหาธาตุ วัดมหาธาตุทุ่งยั้ง วัดพระธาตุทุ่งยั้ง วัดหน้าพระธาตุ วัดบรมธาตุ และ วัดทุ่งยั้ง วัดนี้นับว่าเป็นวัดเก่าแก่สมัยก่อนการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัย ซึ่งเป็นวัดที่มีความเกี่ยวข้องกับ ตำนานพระแท่นศิลาอาสน์ เมืองทุ่งยั้งนี้ มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า กัมโพชนคร
             เมืองทุ่งยั้ง เป็นเมืองโบราณร่วมสมัยกับกรุงสุโขทัยและศรีสัชนาลัย วัดแห่งนี้จึงน่าจะสร้างขึ้นในช่วงการสร้างเมืองพิษณุโลก 
              วัดนี้กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2478 
 
             เพราะจากตำนาน พระแท่นศิลาอาสน์ มีช่วงหนึ่งกล่าวว่า “ สมัยโคดมโพธิสัตว์ได้ตรัสรู้เป็นพระโคตมพุทธเจ้า พระองค์พร้อมกับพระอรหันต์ 500 องค์ ได้เสด็จมาประทับยับยั้งกันทรบรรพตนอกเมือง ภายหลังเรียกเมืองนั้นว่า ทุ่งยันตินคร (เมืองทุ่งยั้ง) …………….”  


“หลุมคลีเจ้าเงาะ”
             ด้านข้างๆ วัดพระบรมธาตุ มี “หลุมคลีเจ้าเงาะ” ตำนานเล่าว่าเป็นหลุมคลีของเจ้าเงาะหรือสังข์ทองกับพระอินทร์ที่ต่อสู้กันตามวรรณคดีเรื่องสังข์ทอง หลุมนี้มีมานานมากๆๆๆ แต่ยังไม่มีหลักฐานว่า เหตุใดจึงมีการสร้าง “หลุมคลีเจ้าเงาะ” หลุมบางส่วนถูกถมเป็นสนามกีฬาของโรงเรียนไปนานแล้ว ท่านใดทราบ ช่วยบอกให้เป็นอาหารสมองด้วยนะครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าเลยครับ 
             ทำให้ผมมีการบ้านว่า คงต้องหาเวลาไปรื้อดูวรรณกรรมเรื่องสังข์ทอง ตอนตีคลีแข่งกับพระอินทร์ ว่า มีกล่าวถึงวัดพระบรมธาตุไหม ? อื่ม!! หรือจะตีคลีกันที่ “ทุ่งยั้ง “นี้  ฮ่าๆๆ 

               
         บ่นอีกหล่ะ ฮ่าๆๆ!!! เสร็จภารกิจที่วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งแล้ว ผมก็ไปต่อที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ สองวัดนี้มีความเกี่ยวข้องกัน เป็นวัดในอดีต ยุคก่อนการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัย เมืองทุ่งยั้งนี้ เป็นเมืองหน้าด่านในสมัยสุโขทัย 
 
 วัดพระแท่นศิลาอาสน์
            เดิมชื่อ วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่ที่บนเนินเขาเต่า บ้านพระแท่น ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ติดกับวัดพระยืนพุทธบาทยุคล ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออก บนเนินเขาลูกเดียวกันแต่คนละยอด วัดพระแท่นศิลาอาสน์เป็นวัดโบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้ใดสร้างและสร้างแต่เมื่อใด ในศิลาจารึกครั้งกรุงสุโขทัยไม่ปรากฏข้อความกล่าวถึงพระแท่นศิลาอาสน์ แต่มีปรากฏในหนังสือพระราชพงศาวดาร ในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เมื่อปี พ.ศ. 2283 แสดงว่าพระแท่นศิลาอาสน์มีมาก่อนหน้านี้แล้ว  
        พระแท่นศิลาอาสน์เป็นพุทธเจดีย์ เช่นเดียวกับพระแท่นดงรัง เป็นที่เชื่อกันมาแต่โบราณว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งห้าพระองค์ในภัทรกัปนี้ ได้เสด็จและจะได้เสด็จมาประทับนั่งบนพระแท่นแห่งนี้ เพื่อเจริญภาวนาและได้ประทับยับยั้งในเวลาที่ตรัสรู้แล้ว เพื่อโปรดสัตว์ ซึ่งแสดงว่าพระแท่นศิลาอาสน์นี้ มีประวัติความเป็นมาอย่างต่อเนื่อง ในพระพุทธศาสนามายาวนาน ตัวพระแท่นเป็นศิลาแลง มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 8 ฟุต ยาวประมาณ 10 ฟุต สูง 3 ฟุต ที่ฐานพระแท่นประดับด้วยลายกลีบบัวโดยรอบ มีพระมณฑป ศิลปะเชียงแสนครอบ อยู่ภายในพระวิหาร
        ทางราชการได้นำพระแท่นศิลาอาสน์ไปประดิษฐานไว้ในตราประจำจังหวัดอุตรดิตถ์แสดงถึงความศรัทธาเลื่อมใสและความสำคัญขององค์พระแท่นศิลาอาสน์

                  ผมมาสักการะอยู่หลายครั้ง มาทีไรก็ทำให้นึกถึงเพลง “คอยน้องที่พระแท่น” ของสันติ ดวงสว่าง 
พูดถึง นักร้องลูกทุ่งเพลงหวาน สันติ ดวงสว่าง นี่ร้องเพลงที่เกี่ยวกับอุตรดิตถ์อีกเพลงหนึ่ง ไพเราะมาก คือ “รอน้องกลับลับแล” อายุสั้นไปหน่อย ว่าไปแล้ว ก็อธิฐานแบ่งบุญให้คุณสันติ เขาสักหน่อย ฟังเพลงเขาอยู่บ่อยๆ แล้วก็แบ่งบุญทุกท่านตวยเน้อ สาธุๆๆๆ 
 
ตลาดเทศบาลพระศรีพนมมาศ
        ผมขับไปแวะดื่มกาแฟ ที่ตลาดเทศบาลพระศรีพนมมาศ ผมมาบ่ายมากแล้วตลาดวายหมด เหลือไม่กี่ร้าน ซึ่งพระศรีพนมมาศนี้ เป็นตำนานคนดีแห่งเมืองลับแล อำมาตย์ตรี พระศรีพนมมาศ (ทองอิน แซ่ตัน) ผมมาแวะไม่นาน เพราะบ่ายมากแล้ว เกรงจะถึงเชียงใหม่ค่ำไป แล้วเดียวจะยังไปแวะพิพิธภัณฑ์เมืองลับแลก่อนมุ่งหน้าไปเชียงใหม่อีก ในเมืองลับแลนี้ ไว้ผมจะมาเก็บรายละเอียดอีกสักที หนาวๆ นี้หล่ะครับ 

 
 ซุ้มประตูเมืองลับแลและพิพิธภัณฑ์เมืองลับแล
              เมืองลับแลนี้ ได้ชื่อลับแล เพราะเป็นอำเภอเล็กๆ ในจังหวัดอุตรดิตถ์ การที่จะเดินทางไปมาไม่สะดวก มีเส้นทางที่คดเคี้ยว ทำให้คนที่ไม่ชำนาญทางพลัดหลงได้ง่าย จนได้ชื่อว่าเมืองลับแล ซึ่งแปลว่า มองไม่เห็น แต่ในอีกการเล่าขานหนึ่งก็คือ ในสมัยก่อนนั้น มีภูมิประเทศเป็นป่าเขาสลับซับซ้อน มีบรรยากาศเยือกเย็นแม้ยามพลบค่ำตะวันจะยังไม่ตกดินก็จะมืดแล้ว เพราะมีดอยม่อนฤๅษีเป็นฉากกั้นแสงอาทิตย์ ป่านี้จึงได้ชื่อว่า "ป่าลับแลง" แลง ที่แปลว่า เวลาเย็น ต่อมาเรียกเพี้ยนไปเป็น "ลับแล"

             พิพิธภัณฑ์ที่บอกเรื่องราวความเป็นมาของเมืองลับแล ความเป็นมาของแม่ม่ายเมืองลับแล ตำนานที่ห้ามพูดโกหก  อื่ม!!!!! จะจีบสาวลับแลนี่ พูดโกหกต้องโดนขับออกจากเมืองลับแลเลยนะเนี่ย 
               ตำนานชายหนุ่ม พบเจอสาวเมืองลับแล ออกจากเมืองมาเที่ยว เอาใบไม้นำทางซ่อนไว้ ชายหนุ่มเก็บใบไม้ของสาวไว้คนหนึ่ง เมื่อได้พบเจอจึงเป็นรักแรกพบ ขอตามสาวไปอยู่ด้วยในเมืองลับแล หญิงสาวจึงพาไปด้วย ไปถึงเมืองลับแลก็ไปบอกกับพ่อแม่  พ่อแม่จึงให้แต่งงาน กติกาของเมืองนี้ ต้องอยู่ในศีลในธรรม ห้ามโกหกเด็ดขาด หากโกหกต้องออกจากเมืองนี้ หนุ่มสาวทั้งสอง มีลูก 1 คน มีช่วงหนึ่ง หนุ่มคนนี้เลี้ยงลูกน้อย ลูกร้องไห้งองแง จึงพูดไปว่า แม่กำลังมาแล้วๆๆ  
                ตายาย ได้ยินเข้า จึงได้คุยกับลูกสาวในภายหลังว่า สามีเธอโกหก ผิดกฎหมู่บ้าน ต้องไปจากที่นี่เสีย ก่อนจากกัน ภรรยาก็เอาขมิ้นใส่ถุงย่ามให้สามี สามีเห็นว่าหนัก เดินออกจากหมู่บ้านก้ค่อยๆ เอาขมิ้นโยนทิ้งไป แต่พอถึงบ้านเหลือขมิ้นติดย่ามอยู่นิดหน่อยพอเปิดออกดูพบว่าเป็นทองคำ หวังจะกลับไปเก็บตามทางแต่ก็ไม่พบแล้วทั้งทองคำและทางเข้าเมืองลับแล
 

         บ่ายมากแล้ว ผมต้องไปต่อแล้ว เพราะมีเป้าหมายที่เชียงใหม่ 
                     ขับรถไกลๆ ยามแสงอาทิตย์อัสดง ธรรมชาติข้างทางนี้งดงามมาก อากาศเย็นมาก ผมนี้ อยากนอนที่ห้างนานี้เลยครับ 
 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่