อุตรดิตถ์ แปลว่า ท่าน้ำทางทิศเหนือ
อำเภอลับแล เดิมประกอบด้วยสามเมืองคือเมือง ด่านนางพูน ทุ่งยั้ง ลับแล
ด่านนางพูน เป็นเมืองรอยต่อของรัฐสุโขทัยและเมืองแพร่ของล้านนา จึงมีด่านตามเส้นทางโบราณหลายด่าน
เส้นทางโบราณนั้นภายหลังสร้างเป็นทางรถไฟ ต่อแดนคือยอดเขาพลึง
ทุ่งยั้งเป็นเมืองเก่ามาแต่รัฐสุโขทัย คนทุ่งยั้ง เป็นคนไทย พูดภาษาไทยสุโขทัย
เป็นเมืองที่มีกำแพงเมือง 3 ชั้น เป็นทั้งเนินดิน และเป็นศิลาแลง มีคูเมือง
และมีกำแพงเมืองอีกเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือ - เวียงเจ้าเงาะ
จากตำนานปัญจพุทธพยากรณ์ - คล้ายตำนานพระเจ้าเลียบโลก
เล่าถึง ที่มาของวัดบนม่อนดอยสามดอยนอกเมืองทุ่งยั้งคือวัดพระแท่นศิลาอาสน์, วัดพระยืนพุทธบาทยุคล, วัดพระนอนพุทธไสยาสน์ และวัดพระบรมธาตุศูนย์กลางของเมืองทุ่งยั้ง
-วัดพระแท่นศิลาอาสน์-
ตำนานว่าเป็นแท่นที่พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ เมื่อครั้งเสวยชาติเป็นสัตว์ 5 ชนิด คือ ไก่ นาค เต่า วัว และราชสีห์ ได้เสด็จมาประทับบนพระแท่นแห่งนี้ เพื่อเจริญภาวนา
เป็นวัดโบราณ ไม่มีหลักฐานว่าใครสร้าง สร้างเมื่อใด ไม่มีข้อความกล่าวถึงในศิลาจารึก แต่ปรากฎในหนังสือพระราชพงศาวดาร ในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศว่า พระองค์ได้เสด็จนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ เมื่อปี พ.ศ. 2283
ในวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่อง ตำนานเมืองลับแล ตำนานที่พบพระแท่นศิลาอาสน์
-วัดพระยืนพุทธบาทยุคล-
พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับยืนบนยอดเขาแห่งนี้ ปรากฎเป็นรอยพระพุทธบาทคู่กันบนแผ่นศิลาแลง
อุโบสถประดิษฐาน พระพุทธรังสี
มีแม่ชี 4 คนจากนครศรีธรรมราช ได้เข้านมัสการและสำรวมจิตเจริญภาวนา ได้เห็นแสงรัศมีออกจากองค์พระพุทธรูป เมื่อกระเทาะปูนออกจึงพบพระพุทธรูปสำริดอยู่ข้างใน
-วัดพระนอนพุทธไสยาสน์-
อยู่บนเนินเขาทางทิศเหนือของวัดพระยืน มีสะพานสามัคคีทวีสุข ให้เดินข้ามไปยังวัดพระนอน
ตำนานว่าเป็นแท่นที่พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ เมื่อครั้งเสวยชาติเป็นสัตว์ 5 ชนิด คือ ไก่ นาค เต่า วัว และราชสีห์ เคยมาประชุมจัดเรียงลำดับการเป็นพระพุทธเจ้าบนแท่นศิลาแห่งนี้
ชาวบ้านไปเลี้ยงวัวบนเนินเขานี้ พบแท่นศิลาใหญ่มีพระพุทธรูปพระพุทธไสยาสน์ทองคำ จึงตามชาวบ้านคนอื่นมาดู แต่ไม่พบพระพุทธรูปไสยาสน์
ได้สร้างมณฑปครอบแท่นศิลาไว้
-วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง-
เป็นศูนย์กลางของเมืองทุ่งยั้ง
สมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไท แห่งเมืองสุโขทัย ได้เชิญพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาบรรจุไว้
สมเด็จพระเจ้าบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา โปรดให้มีตราพระราชสีห์ให้เมืองลับแล เมืองทุ่งยั้ง รื้อวิหารและกำแพงแล้วสร้างใหม่
พระประธาน หลวงพ่อหลักเมือง หรือหลวงพ่อแก่ สร้างสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเมื่อคราวสร้างวิหารขึ้นใหม่
พญาตะก่าเป็นพ่อค้าไม้ชาวพม่าขออนุญาตทำการบูรณะพระมหาธาตุเจดีย์ มีเจดีย์มุมแบบพม่าเพิ่มขึ้นมา
ต่อมาองค์เจดีย์พังลงจากแผ่นดินไหว หลวงพ่อแก้วได้ร่วมกับชาวบ้านบูรณะเจดีย์ขึ้นใหม่
ลับแล คนนอกลับแลเรียกลับแล คนในลับแลเรียกลับแลง คนลับแลง เป็นคนเมือง อู้ภาษาล้านนา อู้ลำ
บริเวณนี้มีคนอยู่มาตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ แต่ไม่ทราบว่าชนที่อู้ภาษาล้านนา อู้ลำ เข้ามาครั้งแรกเมื่อใด
แต่
เมื่อพญาแสนเมืองมาสวรรคตลง พญาสามฝั่งแกนผู้เป็นน้องเจ้ายี่กุมกามได้ครองล้านนาแทน
เจ้ายี่กุมกามที่ครองเชียงราย - เมืองลูกหลวง ได้ส่งสารขอพญาไสลือไทไปช่วยรบเอาเชียงใหม่ แต่สู้ไม่ได้
พญาไสลือไทจึงให้เทครัวชาวเชียงรายมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองซากสระหลวง
ตั้งอยู่ระหว่างน้ำน่าน และ น้ำยม - เชื่อว่าเป็นเมืองลับแลงแห่งนี้
-วัดท้องลับแล-
เป็นวัดสะดือเมืองของเมืองลับแลง เดิมชื่อวัดลับแลงหลวง
วิหารมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องเวสสันดรชาดก ที่มีวัฒนธรรมการแต่งกาย บ้านเรือนแบบชาวลับแลง
พระอุโบสถประดิษฐานพระเจ้ายอดคำทิพย์ สร้างโดยพญาติโลก
พญาติโลกทรงฝันถึงเจ้ายี่กุมกามผู้เป็นลุงที่ยังไปเกิดไม่ได้ จึงทำบุญให้
ส่วนยอดของ พระเจ้ายอดคำทิพย์ (สังเกตชื่อพระพุทธรูป) ทำด้วยทองจากไม้หมั้นเกล้าหรือปิ่นของพญาติโลก (หมั้น - มั่นคง อยู่นิ่ง)
พญาติโลก ได้นำ พระเจ้ายอดคำทิพย์ ขึ้นหลังช้างไปตีเมืองเชลียงได้ จึงเปลี่ยนชื่อเมืองเชลียงเป็นเชียงชื่น
แล้วนำพระเจ้ายอดคำทิพย์มาประดิษฐานไว้ที่อุโบสถวัดท้องลับแลนี้ ตอนที่พบ ยอดพระพุทธรูปหายไปแล้ว
- วัดเจดีย์คีรีวิหาร -
เจดีย์สร้างโดยพญาลิไทหลังจากขึ้นครองราชย์ได้ 7 ปี พ.ศ. 1896 ที่ม่อนป่าแก้ว พร้อมทั้งแบ่งพระธาตุจากวัดพระมหาธาตุสุโขทัยมาบรรจุไว้
เมื่อเจ้ายี่กุมกามเทครัวจากเชียงรายมาสร้างเมืองซากที่เดิมชื่อสระหลวง - ลุ่มห้วยซาก ใช้วัดคีรีพิหารเป็นแนวสีมาเวียง
ต่อมาวัดทรุดโทรมลงจนกลายเป็นวัดร้าง
หลังจากบูรณะแล้ว สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวชิโรรสได้ตั้งชื่อวัดว่า วัดเจดีย์คีรีวิหาร
ตึกธรรมธิติวงศ์ ... สำนักงานเจ้าคณะอำเภอลับแล
-วัดดอนสัก-
ตั้งอยู่บนที่ดอน มีต้นสักมาก จึงเรียกดอนสัก
เป็นหนึ่งในสองวัดที่มีบานประตูวิหารแกะสลักสวยงามเลื่องชื่อคือวัดพระฝางสวางคบุรี และวัดดอนสัก
เดิมมีอีกวัดคือวัดพระแท่นศิลาอาสน์แต่ถูกไฟไหม้ไปเมื่อ พ.ศ. 2451
ตัวเสาประตูเป็นลายกนกใบเทศสลับลายกนกก้ามปู บานประตูเป็นไม้แกะสลักทั้งบาน รูปลายกนกก้านขด
มีรูปสัตว์หิมพานต์แทรกอยู่ในลวดลายกนกต่าง ๆ
บานซ้ายและขวานั้นไม่เหมือนกัน แต่เมื่อปิดบานแล้วลวดลายมีความลงตัวเข้ากันได้สนิท
นอกจากบานประตูแล้ว ที่น่าสนใจยิ่งคือวิหารมี
ศิลปะแบบอยุธยา คือ ฐานโค้งตกท้องช้าง เสาหัวบัว
ศิลปะแบบล้านนา คือ บันไดมกรคายนาค โครงหลังคาม้าต่างไหม ภายในมีโขงพระเจ้าต่างแท่นแก้ว ประดิษฐานพระพุทธรูปสิงห์ 1
- เขื่อนสิริกิติ์ -
เป็นที่พักผ่อน อาหารอร่อย และตีกอล์ฟ
เมืองฝาง สวางคบุรี ตั้งอยู่ริมน้ำน่าน บริเวณนี้มีคนอาศัยอยู่ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์
ครอบคลุมพื้นที่ลุ่มน้ำน่านคือคุ้งตะเภา ผาจุกที่ตั้งวัดพระฝาง ไปจนถึงแสนตอ-ชุมชนลุ่มน้ำปาดไหลลงลงน้ำน่าน
เป็นเมืองชายขอบรัฐสุโขทัยต่อกับล้านนากับเมืองน่าน มีวัดพระธาตุกลางเมือง
-วัดพระฝางสวางคบุรี-
เป็นวัดพระธาตุกลางเมืองสวางคบุรี เจดีย์พระธาตุวัดพระฝาง ประดิษฐานพระรากขวัญ (กระดูกไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้า
ในสมัยสุโขทัยสร้างเป็นทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ พ.ศ. 2410 สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้บูรณะใหม่เป็นทรงลังกา ... ทรงระฆัง
ตอนบูรณะเมื่อรื้ออิฐเก่าออก พบกรุบรรจุผอบมีพระบรมธาตุขนาดน้อยสีดอกพิกุลแห้ง
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้า ฯ ให้ทำการสมโภชแล้วอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
และแบ่งพระบรมธาตุคืนยังเมืองสวางคบุรี
วิหาร มีบานประตูไม้แกะสลักที่สวยงามของอุตรดิตถ์ ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่วัดธรรมาธิปไตย และจำลองบานใหม่ไว้ที่วัดพระฝางนี้
อุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ทรงเครื่องอย่างจักรพรรดิราช สร้างขึ้นสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยาประมาณ พ.ศ. 2280
สันนิษฐานว่าผู้สร้างเป็นเจ้าอาวาสวัดพระฝาง ปัจจุบันประดิษฐานที่วัดเบญจมบพิตร สถิตมหาสีมาราม
อุโบสถมหาอุด อยู่ด้านทิศตะวันตกของกลุ่มโบราณสถาน
-วัดคุ้งตะเภา-
ชื่อมาจากคุ้งนี้เคยมีสำเภาล่ม วัดสร้างในสมัยกรุงธนบุรี เมื่อ พ.ศ. 2313
ซุ้มประตูวัด ... ด้านติดถนนสาย 11 อุตรดิตถ์-เด่นชัย เป็นเจดีย์ล้านนาล้านนา 5 ยอด บนยอดซุ้มบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่นำมาจากจังหวัดลำปาง 3 องค์
อุโบสถ ประดิษฐาน หลวงพ่อสุวรรณเภตรา หล่อขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2489 พร้อมตอนสร้างโบสถ์
บนอาคารศาลาการเปรียญเฉลิมพระเกียรติฯ ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุวัดคุ้งตะเภา และ พระพุทธสุโขสัมฤทธิ์อุตรดิตถ์มุนี
พุทธลักษณะสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยแรกก่อตั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี แล้วถูกชาวบ้านพอกปูนลงรักไว้เพื่ออำพรางปิดบังข้าศึก
เป็นพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ให้อัญเชิญเคลื่อนย้ายรวบรวมพระพุทธรูปซึ่งถูกทอดทิ้ง
มาประดิษฐานไว้ ณ พระระเบียงวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม แล้วต่อมาถูกอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ ณ วัดเลียบ หรือ วัดราชบุรณะ
พ.ศ. 2488 สงครามโลกครั้งที่ 2 วัดราชบุรณะถูกระเบิดเสียหายมากจึงยุบเลิกวัด วัดคุ้งตะเภาจึงขอรับพระพุทธรูปมา
พ.ศ. 2500 ได้มีลมพายุพัดแรง กิ่งไม้หักต้ององค์พระปูนปั้นหลวงพ่อสุโขสัมฤทธิ์ชำรุด จึงเห็นเนื้อภายใน
- วัดธรรมาธิปไตย -
อาคารธรรมสภา เป็นอาคารปูน 2 ชั้นหลังแรกในจังหวัดอุตรดิตถ์ สร้างในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงครามพ.ศ. 2491
เป็นอาคารแห่งแรกของประเทศไทยที่ให้ใช้ใช้ประโยชน์ได้ 7 อย่างในที่เดียว คือ
เป็น อุโบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ โรงเรียน หอสวดมนต์ หอไตร และธรรมสมาคม
ชั้นบนของอาคาร ประดิษฐานหลวงพ่อเชียงแสน เป็นพระประธาน
ที่นำมาจากวัดเลียบหรือวัดวัดราชบุรณราชวรวิหาร คราวเดียวกับหลวงพ่อพระพุทธสุโขสัมฤทธิ์อุตรดิตถ์มุนี วัดคุ้งตะเภา
และ เก็บรักษา บานประตูแกะสลักของวัดพระฝางสวางคบุรี ที่สวยงามหนึ่งในสองของอุตรดิตถ์


ยังมีต่อ
อุตรดิตถ์ - เที่ยวอุตรดิตถ์ตามใจฉัน
อำเภอลับแล เดิมประกอบด้วยสามเมืองคือเมือง ด่านนางพูน ทุ่งยั้ง ลับแล
ด่านนางพูน เป็นเมืองรอยต่อของรัฐสุโขทัยและเมืองแพร่ของล้านนา จึงมีด่านตามเส้นทางโบราณหลายด่าน
เส้นทางโบราณนั้นภายหลังสร้างเป็นทางรถไฟ ต่อแดนคือยอดเขาพลึง
เป็นเมืองที่มีกำแพงเมือง 3 ชั้น เป็นทั้งเนินดิน และเป็นศิลาแลง มีคูเมือง
และมีกำแพงเมืองอีกเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือ - เวียงเจ้าเงาะ
เล่าถึง ที่มาของวัดบนม่อนดอยสามดอยนอกเมืองทุ่งยั้งคือวัดพระแท่นศิลาอาสน์, วัดพระยืนพุทธบาทยุคล, วัดพระนอนพุทธไสยาสน์ และวัดพระบรมธาตุศูนย์กลางของเมืองทุ่งยั้ง
เป็นวัดโบราณ ไม่มีหลักฐานว่าใครสร้าง สร้างเมื่อใด ไม่มีข้อความกล่าวถึงในศิลาจารึก แต่ปรากฎในหนังสือพระราชพงศาวดาร ในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศว่า พระองค์ได้เสด็จนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ เมื่อปี พ.ศ. 2283
มีแม่ชี 4 คนจากนครศรีธรรมราช ได้เข้านมัสการและสำรวมจิตเจริญภาวนา ได้เห็นแสงรัศมีออกจากองค์พระพุทธรูป เมื่อกระเทาะปูนออกจึงพบพระพุทธรูปสำริดอยู่ข้างใน
ตำนานว่าเป็นแท่นที่พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ เมื่อครั้งเสวยชาติเป็นสัตว์ 5 ชนิด คือ ไก่ นาค เต่า วัว และราชสีห์ เคยมาประชุมจัดเรียงลำดับการเป็นพระพุทธเจ้าบนแท่นศิลาแห่งนี้
ได้สร้างมณฑปครอบแท่นศิลาไว้
สมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไท แห่งเมืองสุโขทัย ได้เชิญพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาบรรจุไว้
สมเด็จพระเจ้าบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา โปรดให้มีตราพระราชสีห์ให้เมืองลับแล เมืองทุ่งยั้ง รื้อวิหารและกำแพงแล้วสร้างใหม่
พระประธาน หลวงพ่อหลักเมือง หรือหลวงพ่อแก่ สร้างสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเมื่อคราวสร้างวิหารขึ้นใหม่
พญาตะก่าเป็นพ่อค้าไม้ชาวพม่าขออนุญาตทำการบูรณะพระมหาธาตุเจดีย์ มีเจดีย์มุมแบบพม่าเพิ่มขึ้นมา
ต่อมาองค์เจดีย์พังลงจากแผ่นดินไหว หลวงพ่อแก้วได้ร่วมกับชาวบ้านบูรณะเจดีย์ขึ้นใหม่
บริเวณนี้มีคนอยู่มาตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ แต่ไม่ทราบว่าชนที่อู้ภาษาล้านนา อู้ลำ เข้ามาครั้งแรกเมื่อใด
เมื่อพญาแสนเมืองมาสวรรคตลง พญาสามฝั่งแกนผู้เป็นน้องเจ้ายี่กุมกามได้ครองล้านนาแทน
เจ้ายี่กุมกามที่ครองเชียงราย - เมืองลูกหลวง ได้ส่งสารขอพญาไสลือไทไปช่วยรบเอาเชียงใหม่ แต่สู้ไม่ได้
พญาไสลือไทจึงให้เทครัวชาวเชียงรายมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองซากสระหลวง
ตั้งอยู่ระหว่างน้ำน่าน และ น้ำยม - เชื่อว่าเป็นเมืองลับแลงแห่งนี้
พระอุโบสถประดิษฐานพระเจ้ายอดคำทิพย์ สร้างโดยพญาติโลก
ส่วนยอดของ พระเจ้ายอดคำทิพย์ (สังเกตชื่อพระพุทธรูป) ทำด้วยทองจากไม้หมั้นเกล้าหรือปิ่นของพญาติโลก (หมั้น - มั่นคง อยู่นิ่ง)
พญาติโลก ได้นำ พระเจ้ายอดคำทิพย์ ขึ้นหลังช้างไปตีเมืองเชลียงได้ จึงเปลี่ยนชื่อเมืองเชลียงเป็นเชียงชื่น
แล้วนำพระเจ้ายอดคำทิพย์มาประดิษฐานไว้ที่อุโบสถวัดท้องลับแลนี้ ตอนที่พบ ยอดพระพุทธรูปหายไปแล้ว
เมื่อเจ้ายี่กุมกามเทครัวจากเชียงรายมาสร้างเมืองซากที่เดิมชื่อสระหลวง - ลุ่มห้วยซาก ใช้วัดคีรีพิหารเป็นแนวสีมาเวียง
ต่อมาวัดทรุดโทรมลงจนกลายเป็นวัดร้าง
หลังจากบูรณะแล้ว สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวชิโรรสได้ตั้งชื่อวัดว่า วัดเจดีย์คีรีวิหาร
เป็นหนึ่งในสองวัดที่มีบานประตูวิหารแกะสลักสวยงามเลื่องชื่อคือวัดพระฝางสวางคบุรี และวัดดอนสัก
มีรูปสัตว์หิมพานต์แทรกอยู่ในลวดลายกนกต่าง ๆ
บานซ้ายและขวานั้นไม่เหมือนกัน แต่เมื่อปิดบานแล้วลวดลายมีความลงตัวเข้ากันได้สนิท
นอกจากบานประตูแล้ว ที่น่าสนใจยิ่งคือวิหารมี
ศิลปะแบบอยุธยา คือ ฐานโค้งตกท้องช้าง เสาหัวบัว
ศิลปะแบบล้านนา คือ บันไดมกรคายนาค โครงหลังคาม้าต่างไหม ภายในมีโขงพระเจ้าต่างแท่นแก้ว ประดิษฐานพระพุทธรูปสิงห์ 1
ครอบคลุมพื้นที่ลุ่มน้ำน่านคือคุ้งตะเภา ผาจุกที่ตั้งวัดพระฝาง ไปจนถึงแสนตอ-ชุมชนลุ่มน้ำปาดไหลลงลงน้ำน่าน
เป็นเมืองชายขอบรัฐสุโขทัยต่อกับล้านนากับเมืองน่าน มีวัดพระธาตุกลางเมือง
ในสมัยสุโขทัยสร้างเป็นทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ พ.ศ. 2410 สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้บูรณะใหม่เป็นทรงลังกา ... ทรงระฆัง
ตอนบูรณะเมื่อรื้ออิฐเก่าออก พบกรุบรรจุผอบมีพระบรมธาตุขนาดน้อยสีดอกพิกุลแห้ง
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้า ฯ ให้ทำการสมโภชแล้วอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
และแบ่งพระบรมธาตุคืนยังเมืองสวางคบุรี
วิหาร มีบานประตูไม้แกะสลักที่สวยงามของอุตรดิตถ์ ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่วัดธรรมาธิปไตย และจำลองบานใหม่ไว้ที่วัดพระฝางนี้
อุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ทรงเครื่องอย่างจักรพรรดิราช สร้างขึ้นสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยาประมาณ พ.ศ. 2280
สันนิษฐานว่าผู้สร้างเป็นเจ้าอาวาสวัดพระฝาง ปัจจุบันประดิษฐานที่วัดเบญจมบพิตร สถิตมหาสีมาราม
อุโบสถมหาอุด อยู่ด้านทิศตะวันตกของกลุ่มโบราณสถาน
ซุ้มประตูวัด ... ด้านติดถนนสาย 11 อุตรดิตถ์-เด่นชัย เป็นเจดีย์ล้านนาล้านนา 5 ยอด บนยอดซุ้มบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่นำมาจากจังหวัดลำปาง 3 องค์
อุโบสถ ประดิษฐาน หลวงพ่อสุวรรณเภตรา หล่อขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2489 พร้อมตอนสร้างโบสถ์
บนอาคารศาลาการเปรียญเฉลิมพระเกียรติฯ ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุวัดคุ้งตะเภา และ พระพุทธสุโขสัมฤทธิ์อุตรดิตถ์มุนี
พุทธลักษณะสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยแรกก่อตั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี แล้วถูกชาวบ้านพอกปูนลงรักไว้เพื่ออำพรางปิดบังข้าศึก
เป็นพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ให้อัญเชิญเคลื่อนย้ายรวบรวมพระพุทธรูปซึ่งถูกทอดทิ้ง
มาประดิษฐานไว้ ณ พระระเบียงวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม แล้วต่อมาถูกอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ ณ วัดเลียบ หรือ วัดราชบุรณะ
พ.ศ. 2488 สงครามโลกครั้งที่ 2 วัดราชบุรณะถูกระเบิดเสียหายมากจึงยุบเลิกวัด วัดคุ้งตะเภาจึงขอรับพระพุทธรูปมา
พ.ศ. 2500 ได้มีลมพายุพัดแรง กิ่งไม้หักต้ององค์พระปูนปั้นหลวงพ่อสุโขสัมฤทธิ์ชำรุด จึงเห็นเนื้อภายใน
เป็นอาคารแห่งแรกของประเทศไทยที่ให้ใช้ใช้ประโยชน์ได้ 7 อย่างในที่เดียว คือ