JJNY : มะกันเตือน ผู้นำเอเปคเสียงแตก| เพื่อไทยแนะชงร่างนิรโทษ| ‘วันนอร์’ ลั่นไม่เอาตู่| ค่าใช้จ่ายคนไทยยังเกือบ 2หมื่น

มะกันเตือน ‘สงครามรัสเซีย-ยูเครน’ อาจทำ ผู้นำเอเปคเสียงแตก ในงานประชุมที่ไทย 18-19 พ.ย.นี้
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3669578
 
 
มะกันเตือน ‘สงครามรัสเซีย-ยูเครน’ อาจทำ ผู้นำเอเปคเสียงแตก ในงานประชุมที่ไทย 18-19 พ.ย.นี้
 
สำนักข่าววีโอเอรายงานเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน โดยอ้างบทสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ผู้ดูแลงานด้านเอเปคว่า มุมมองความคิดเห็นที่แตกต่างในประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจ เผชิญกับความท้าทายในการบรรลุแถลงการณ์ร่วมภายหลังสิ้นสุดการประชุมสุดยอดของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ซึ่งจะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า ที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน
 
แมทท์ เมอร์เรย์ เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐด้านเอเปค ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ในประเด็นมุมมองต่อการประชุมเอเปค 2022 ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่เหล่าผู้นำเขตเศรษฐกิจทั้ง 21 เขต ซึ่งรวมแล้วมีขอบเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ครอบคลุม 47% ของการค้าโลกมารวมตัวกันแบบเจอหน้าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2018
 
เมอร์เรย์กล่าวว่า การประชุมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจครั้งนี้ ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับทั้งผู้นำจากนานาประเทศและตัวแทนจากภาคเอกชน ที่จะสามารถพบปะหารือกันแบบตัวต่อตัว ซึ่งสำหรับเอเปคครั้งนี้ มีสิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญหลักอยู่จำนวนหนึ่ง โดยไทย เจ้าภาพจัดงานประชุมได้มุ่งเน้นไปที่เศรษฐกิจที่มีความยั่งยืน และมีความคิดริเริ่มในเรื่อง เศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (บีซีจี) ซึ่งไทยต้องการจะผลักดันเรื่องดังกล่าวต่อเอเปค นอกจากนี้ การฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย ภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็เป็นหนึ่งในความสำคัญอันดับแรก
 
อย่างไรก็ดี จุดหลักที่ทำให้การประชุมเอเปคครั้งนี้มีความท้าทาย คือ เรื่องการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ที่ได้ส่งผลกระทบข้ามภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเศรษฐกิจ “เพราะไม่ว่าคุณจะพูดถึงเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ราคาสินค้าที่สูงขึ้น พลังงาน หรือเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย สิ่งเหล่านี้คือผลกระทบสำคัญที่เกิดขึ้นจากผลของการที่รัสเซียรุกรานยูเครน” เมอร์เรย์กล่าว อีกทั้งยังระบุว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องดังกล่าวของผู้นำนานาชาติ เป็นสิ่งที่ขัดขวางการบรรลุถ้อยแถลงร่วมในเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจ ในหลายเวทีการประชุมระดับรัฐมนตรีในช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจาก “มีหลายเขตเศรษฐกิจในเอเปคที่รู้สึกไม่สบายใจในการพูดถึงประเด็นดังกล่าวในแถลงการณ์” อย่างไรก็ดี เขาปฏิเสธที่จะกำจัดความเป็นไปได้ในการบรรลุข้อตกลงร่วมของเอเปคที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า
 
นอกจากนี้ อีกจุดที่เป็นความท้าทายสำหรับเอเปค คือ มาตรการควบคุมโควิด-19 ที่แต่ละเขตเศรษฐกิจก็จะมีความเข้มงวดในการดำเนินการนโยบายดังกล่าวที่แตกต่างกัน อาทิ จีนที่ยังคงยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ขณะที่พื้นที่อื่น ได้ผ่อนคลายมาตรการสกัดกั้นโควิดลงแล้ว ซึ่งอาจส่งผลต่อการฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่เป็นหนึ่งในวาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้ ในประเด็นนี้ เมอร์เรย์กล่าวว่า จุดนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราจำเป็นต้องหารือกันมากกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เอเปคจะไปบงการให้ทุกเขตเศรษฐกิจควรทำหรือไม่ควรทำอะไร ในเรื่องของการเปิดประเทศภายหลังการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว
 
เมื่อถามถึงเรื่องการไม่มาเข้าร่วมประชุมเอเปคของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมอร์เรย์ตอบว่า “ในมุมมองของคณะผู้แทนสหรัฐที่จะเข้าร่วมเอเปค พวกเราตื่นเต้นอย่างยิ่งที่รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส แห่งสหรัฐ จะเป็นผู้แทนของประเทศในการประชุมสุดยอดด้านเศรษฐกิจครั้งนี้” โดยแฮร์ริสเคยเดินทางเยือนภูมิภาคนี้มาแล้วในปี 2021 และยังเป็นผู้ที่ประกาศว่าสหรัฐจะเป็นเจ้าภาพจัดเอเปคในปี 2023 ทำให้ “ความเป็นตัวแทนของเธอจากทำเนียบขาวแสดงถึงความยึดมั่นอันแรงกล้าของสหรัฐต่อเอเปค”
 
อย่างไรก็ดี เอเชียไทมส์รายงานเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน โดยอ้างนักวิเคราะห์หลายคนว่า การที่ไบเดนไม่เดินทางมาเข้าร่วมประชุมเอเปคในครั้งนี้ จะทำให้เกิดการความผิดหวังตั้งคำถามต่อการไม่ปรากฏตัวของผู้นำประเทศมหาอำนาจของตะวันตก และเอื้อให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ผู้นำประเทศมหาอำนาจของตะวันออก ผู้ตอบตกลงเข้าร่วมการประชุมเอเปค ได้รับความสนใจและขยายอิทธิพลในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกได้มากกว่าสหรัฐ ซึ่งมีอุปสรรคในเรื่องของความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์
 

  
พรรคเพื่อไทย แนะ ชงร่างนิรโทษกรรมต้องชัด หวั่นเป็นชนวนครั้งใหม่
https://www.thairath.co.th/news/politic/2551206

ประธานวิปฝ่ายค้าน ชี้ หมอระวี เสนอร่างนิรโทษกรรม เป็นกุศลเจตนา ยันความเห็นต่างทางการเมืองไม่ใช่เรื่องผิด ด้าน “พลภูมิ” แนะ นิรโทษ ต้องชัดเจนเป็นที่ยอมรับไม่ให้กลายเป็นชนวนครั้งใหม่อีก
 
วันที่ 12 พ.ย. 2565 นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์กรณีนพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เสนอร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม โดยกำหนดเงื่อนไข ไม่รวมไปถึงคดีทุจริต คดีอาญาร้ายแรง และความผิดเกี่ยวกับกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ส่วนตัวตนเห็นว่า การนิรโทษกรรมทางการเมืองเป็นกุศลและเจตนา เพราะการต่อสู้ทางการเมืองอันเกิดจากความคิดที่แตกต่างกันไม่ใช่ความผิด เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ควรจะอภัยให้กัน ซึ่งหลักการนี้เป็นหลักการที่ปฏิบัติมาทั่วโลก ในไทยก็เกิดขึ้นมาหลายครั้ง ครั้งใหญ่ที่สุดคือนโยบาย 66/23 ก็มีผลให้ยุติความขัดแย้ง แล้วทำให้สังคมไทยกลับมาหันหน้าเข้าหากัน ตนคิดว่าทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกความคิด มีเจตนาดีต่อบ้านเมือง และทุกคนได้รับบทเรียนมาแล้วว่าสิ่งที่ทำเป็นประโยชน์กับบ้านเมืองหรือไม่ ส่วนกระบวนการหลังจากนี้ หาก นพ.ระวี เสนอเข้ามาก็เป็นระบบของสภา ที่ต้องความเห็นของทุกฝ่ายตนไม่อาจชี้นำได้
   
ด้านนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เสนอร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม โดยกำหนดเงื่อนไข ไม่รวมไปถึงคดีทุจริต คดีอาญาร้ายแรง และความผิดเกี่ยวกับกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า เป็นสิทธิของ นพ.ระวี ที่จะยื่นเสนอกฎหมาย หากสามารถหารายชื่อ ส.ส.สนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวได้ 20 คน ก็สามารถเสนอให้สภาฯพิจารณาได้ โดยส่วนตัวเห็นว่าการเมืองไทยติดกับดักความขัดแย้งมานานเกือบ 20 ปี การนิรโทษกรรมการกระทำผิดที่เกี่ยวกับการเมือง น่าจะเป็นทางออกจากความขัดแย้งทางหนึ่ง หาก นพ.ระวี สามารถเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯได้ ก็เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ทุกคนที่จะร่วมพิจารณาว่าหลักเกณฑ์ข้อยกเว้นควรจะเป็นอย่างไรให้ทุกอย่างชัดเจน และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งเหมือนที่ผ่านมา
 

  
‘วันนอร์’ ประกาศคว้า ส.ส.ยก 3 จว.ชายแดนใต้ ลั่นไม่เอาบิ๊กตู่ จะร่วมรัฐบาลกับฝ่ายปชต.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3669568
  
นครศรีธรรมราช-วันนอร์ ประกาศคว้า ส.ส.ยก 3 จังหวัดชายแดนใต้ ลั่นร่วมรบ.กับฝ่ายปชต. ไม่เอาประยุทธ์
  
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 12 พฤศจิกายน ที่จ.นครศรีธรรมราช นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย นายอารีเพ็ญ อัตรสินธุ์ รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ และคณะผู้บริหารพรรคประชาชาติ ได้เดินทางพบปะกับคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมี นายหล้อ สายวารี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้การต้อนรับ
 
ทั้งนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ ได้เปิดตัว นายอุดร น้อยทับทิม เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 7 พรรคประชาชาติ โดยระบุว่า พรรคได้พิจารณาแล้วเห็นว่าคุณอุดร เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะเข้าไปเป็นตัวแทนของชาวนครศรีธรรมราช และเคยมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเคยเป็น หน.สำนักงาน และรองผู้ว่าราชการจังหวัดมาก่อน และเข้ากับสภาพสังคมพหุวัฒนธรรมของ จ.นครศรีธรรมราชได้เป็นอย่างดี ซึ่งนโยบายของพรรค จะเข้าไปทำประชาชนชาวภาคใต้อยู่ดีกินดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
 
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจว่าพรรคประชาชาติจะได้รับการเลือกตั้งครั้งนี้กี่ที่นั่ง นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ในเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 12ที่นั่ง เรามั่นใจว่า พรรคประชาชาติจะกวาดทั้งหมดทั้ง 12 ที่นั่ง ส่วนจังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้เรามั่นใจว่าจะสามารถปักธงได้สำเร็จใน จ.นครศรีธรรมราช 1-2 ที่นั่งแน่นอน โดยอีกคนกำลังพิจารณาอยู่คือ ดร.สืบพงษ์ ธรรมชาติ หากชัดเจนวันไหน จะประกาศให้ทราบต่อไป เนื่องจากว่าเป็นคนมีคุณภาพคนหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช
 
ต่อข้อถาม หากผลการเลือกตั้งออกมาพรรคประชาชาติ มีความชัดเจนในการเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ต้องดูผลการเลือกตั้งก่อนว่า พรรคทางฝ่ายประชาธิปไตยมีเสียงข้างมากก็จะเข้าร่วมรัฐบาลแน่นอน พรรคเราจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลกับฝั่งเผด็จการเด็ดขาด
 
ต่อข้อถาม ท่านจะร่วมทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ หากได้รับคะแสียงข้างมาก และจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งนายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ตนจะไม่ร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างแน่นอน แต่ตนเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกอย่างแน่นอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่