ทริปนี้เป็นทริป
พั ง ๆ เป็นทริปที่พังมากที่สุดตั้งแต่เคยออกทริปมา แต่ถึงแบบนั้น ความประทับใจที่ได้รับก็เอ่อล้นและไม่มีอะไรทดแทนได้ ซึ่งแน่นอน เดี๋ยวผมโม้ให้ฟังเหมือนเดิม (อิ_อิ) และแน่นอน ทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงครับ....
สวัสดีครับทุกท่าน ผมพฤตเอง ปลายปีแบบนี้เราชาวสองล้อรู้สึกอยากทำอะไรมากที่สุดครับ ออกทริป ใช่ครับ และนี่คือทริปใหญ่ทริปสุดท้ายของผมในปีนี้ จากต้นปีที่ผมควบอาชาศึกมัสแตงค์ลงชะอำแบบทริปไปเช้าเย็นกลับ รู้สึกมันยังไม่เต็มอิ่มเท่าไหร่ เพราะงั้นทริปนี้จัดไปเลย 3 วัน 2 คืน จะเป็นยังไง ไปชมกันครับ
1 เดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ผมต้องไปต่อทะเบียนรถ ซึ่งเจ้ามัสแตงค์เนี่ย เขา 7 ขวบแล้ว ต้องตรวจสภาพรถด้วย ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเช็คระดับเสียงของท่อ ผมก็เดินดูรอบ ๆ รถ คิดได้อย่างเดียว "รถเราเก่าแล้วจริง ๆ" จุดยึดแฟร์ริ่งหลายจุดเริ่มคลอนแล้ว ไขน็อตให้แน่นขึ้นก็ไขไม่เข้าแล้ว หลายจุดผมเคยต้องใช้อีพร็อกซี่มาอัดเอาไว้เพราะจุดยึดมันหัก พอเห็นแบบนั้น ความคิดเเดียวแว็บเข้ามาให้หัวผม "ได้เวลารีบิวด์มัสแตงค์แล้ว เริ่มโปรเจ็ค Red Sun Over Paradise : The Rebirth of Mustang" (ชื่อจะยาวไปไหน แต่ก็เท่ดี) เป็นการเปลี่ยนอะไหล่ภายนอกใหม่รอบคัน เริ่มจากท่อ ท่อที่ผมใส่เป็นท่อ Devil ทำโดย MengHeader อยู่ที่พระราม 3 เป็นท่อที่ดีครับ กลางมาเต็มปลายมาเพิ่มนิดหน่อย ก็สุดทางสำหรับรถ 150 ละนะ แต่ครับแต่ มันสะดุดตาสะดุดใจไปหน่อย ผมอยากได้แบบเงียบ ๆ แต่เพอร์ฟอร์มานส์จัดเต็ม นั่นทำให้ผมนึกถึงท่อเดิม ท่อเดิมของตัวรถที่ผมหมกมันมอยู่ในห้องเก็บของมานานแรมปี แต่ สาเหตุที่ผมเปลี่ยนมาเป็นท่อตัวนี้เพราะท่อเดิมมันขึ้นสนิมที่คอท่อ ผุจนร่วงเป็นผง เพราะงั้น จะใส่ท่อเดิมตรง ๆ เลยก็ยังไงอยู่ เอาท่อมาทำคอสแตนเลสก่อนดีกว่านะ และนี่คือสิ่งที่ได้ ตอนที่ช่างสตาร์ทรถหลังจากเปลี่ยนมาเป็นท่อเดิมให้ผม มันช่างเป็นเสียงที่ทำให้ผมยิ้มได้ไม่ยากจริง ๆ เพราะเสียงนี้ ผมไม่ได้ยินมันมาหลายปีมาก ๆ นับตั้งแต่วันที่ผมใส่ท่อแต่ง เสียงเงียบ นุ่ม ลื่น ฟังดูเป็นมิตร แต่ก็ดุดันเมื่อเร่งรอบสูง
ถัดจากท่อ คราวนี้ก็มาถึงหัวใจหลักของโปรเจ็ค Red Sun แฟร์ริ่งรอบคันครับ ใช้เวลา 1 วันเต็ม ๆ กับการเปลี่ยนแฟรริ่งรอบคัน และอีกครึ่งวันกับการติดสติ๊กเกอร์กราฟฟิกใหม่รอบคันอีกเช่นกัน ผมขอแฟริ่งเดิมกลับมาด้วย เพื่อที่จะคัดชิ้นที่ยังใช้ได้เก็บไว้เป็นอะไหล่ ปรากฏว่าหลาย ๆ ชิ้นครับ จุดยึดมันหักไปแล้ว ถึงว่าทำไมมันคลอนรอบคันเลย แถมช่างยังแจ้งด้วยครับว่า ลูกปืนล้อแตกแล้ว ต้องเปลี่ยน ถึงว่าล่ะ ช่างเขาก็ถามครับ ว่าที่ผ่านมาเวลาขับไม่รู้สึกมันส่าย ๆ หรอ ผมตอบตามตรงครับว่าไม่ แค่รู้สึกว่าหน้ามันสั่นเฉย ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าคงเป็นเพราะผิวถนนไม่เรียบ แต่พอเปลี่ยนป็บ โอ้โห มันช่างนุ่ม ลื่น แบบนี้นี่เอง
คราวนี้มาถึงสิ่งที่ผมควรติดตั้งแต่ใส่ท้ายสั้น คือกันดีด คิดว่าจะจบแค่ที่กันดีด ไม่ครับไม่ ช่างบอกว่าสเตอร์แหลมแล้ว เปลี่ยนสิครับ สเตอร์เป็นอลูมิเนียม ถึงว่าแหลมเร็ว ไม่นานหลังจากนั้น ผมก็เอากล้อง Fujifilm X30 ออกมาจะถ่ายอะไรสักอย่าง ปรากฏกล้องรวนครับ เอาอีกแล้ว อาการเดียวกันกับเมื่อหน้าหนาวปีที่แล้วเลย เรียบร้อยครับส่งซ่อม ถึงตอนนี้ยังไม่ได้โทรเช็คเลยว่าซ่อมถึงไหนแล้ว นี่ขนาดยังไม่ได้ออกทริปเลยนะ พังยับจริง ๆ ครับบอกแล้ว 555
ปล. ตอนนี้ได้กล้องคืนแล้วครับ คิดไว้แล้วเหมือนกันว่า ถ้ากล้องมีปัญหาแบบนี้อีก ผมว่าจะออกกล้องใหม่เป็นมือสองเมกะพลาซ่า EOS ไม่ M50 ก็ 650D ครับ
หลังจากนับวันนับคืนก็ถึงเวลาออกทริป งานนี้ผมเอากล้องไป 2 ตัว เป็นเจ้ากล้องฟิล์ม Canononet กับเจ้าดิจิตอลคอมแพ็ก Ixus 185 เป็นกล้องสำรอง ออกจากบ้านตั้งแต่ตี 5 ผมก็มาหยุดพักที่ป.ต.ท.ในสาย 4 หาอะไรแก้ง่วงซะหน่อย หลังจากนั้นก็บิดยาว ๆ ด้วยความที่เป็นวันธธรรมดา ทำให้ช่วงที่เลยสมุทรสาครมาแล้วรถไม่ได้เยอะอะไรมาก จะน่ารำคาญก็เหล่าหนุ่มพเนจรรถบรรทุกทั้งหลาย เวลารถพวกนี้เขาจะแซง เขาไม่ได้เหยียบปื้ดขึ้นไปเลยเหมือนรถยนตร์ทั่วไป แต่เขาขึ้นมาขนาบข้าง แล้วค่อย ๆ แซง ซึ่ง มันบล็อกเลนซ์ซะมิดเลยครับ
บิดมาเรื่อย ๆ ไม่เร็วมาก และแล้วก็มาถึงปากอ่าวบางตะบูนในช่วงที่พระอทิตย์กำลังขึ้นพอดี
เป็นบรรยากาศที่แบบว่า ให้ผมอยู่ตรงนี้ทั้งวันผมก็ไม่เบื่อ
เรือเข้า ๆ ออก ๆ ในช่วงเช้า ก่อนจะหยุดไปในช่วงกลางวัน
อีกด้านหนึ่งของปากอ่าวบางตะบูน ไปต่อดีกว่านะ จุดหมายยังอีกยางไกล
เข้าช่วงนาเกลือของบ้านแหลมแล้ว
หมดม้วนพอดี นี่แหละครับอีกหนึ่งความพัง ทริปแบบนี้ควรเอาดิจิตอลมา เพราะเราไม่รู้จะได้กดกี่ช็อต ไม่เป็นไร ผมเอาฟิล์มาเยอะ
บิดไปเรื่อย ๆ กินลมชมบรรยากาศ
และแล้วก็มาถึงฟาร์มตัวอย่างแหลมผักเบี้ย ณ. จุดนี้ ความพังบังเกิดอีกแล้วครับ ฟิล์มขัด หมุนไม่ไป ต้องเป็นเพราะก่อนจะโหลด ผมหมุนน็อบบนกลักฟิล์มให้แผ่นฟิล์มตึงขึ้น เพราะถ้าฟิล์มไม่ตึง มันจะเกิดขอบดำ ๆ เหมือนฟิล์มทาบไม่สนิทนัก แต่มันคงจะตึงเกินไป และระบบขึ้นฟิล์มของ Canonet ของมผมมันเป็นระบบ QL มันไม่ได้ดึงตรง ๆ เหมือนกับกล้องแบบอื่นที่เราต้องยัดหางฟิล์มเข้าไปในร่อง กับเจ้านี่ มันอาศัยหนามเตยขเขี่ยและสปูลช่วยม้วนฟิล์มเข้ามาแบบหลวม ๆ เพราะฉนั้นนะครับเพื่อน ๆ อย่าหาทำ มีฟิล์มก็ใช้มันถ่ายดี ๆ ได้เลย ไม่ต้องดึงให้ตึงแบบผม ทำให้ม้วนนี้ ผมต้องเสียรูปไปครึ่งนึงเลยครับ รวมถึงรูปที่ผมแวะถ่ายที่วัดนอกปากทะเลด้วย แถมอีกม้วนนึงที่ขัดเหมือนกัน ผมก็กรอกลับเข้ากลักไปก่อน แล้วค่อยกลับมาหาทางแก้ที่บ้าน ซึ่งล่าสุด เจ้าม้วนนี้ผมให้ร้านที่สะพานเหล็กช่วยดึงหางฟิล์มออก ก่อนจะหมุนคลายให้หลวมออกมาหน่อย จะได้ถ่ายที่เหลือได้
ใครที่อยากรู่เรื่องเจ้ากล้อง Canonet คลิกตรงนี้เลยครับ
เจ้า Canonet คู่มือผม
พอเป็นแบบนี้ ผมเลยงัด Ixus ขึ้นมาเพื่อถ่ายอะไรต่ออะไรไว้เป็นแบ็คอัพ เผื่อรูปเสีย แต่ระหว่างที่ผมกำลังหันไปถ่ายนั้น
ฟุ้บ !!?!
ลื่นครับ ผมลื่นตะไคร่ที่เกาะอยู่ ที่ผ่านมาผมไม่เคยลื่นล้มอะไรแบบนี้เลยนะ แต่ครั้งนี้ผมใส่หมกกันน็อคอยู่ เลยมองไม่เห็นพื้น
หน้ากล้องกระแทกพื้นเต็ม ๆ
เลนซ์ขัด เปิดไม่ติด
มันขึ้นอย่างที่เห็นครับ ผมก็ปลงละ ทริปนี้พังสะใจจริง ๆ อยากพังก็พังไปผมไม่ยอมแพ้ ใช้วิธีบ้าน ๆ แบบวิถีกัปตันไพรสซ์ ผมเปิดกล้องให้เลนซ์มันเปิด แล้วจับเลนซ์ไว้ ให้มันค้างอยู่อย่างนั้นแล้วก็กดเปิดมัน แล้วกล้องก็กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง รอยขีดข่วนที่หน้าเลนซ์ไม่มีผลกับภาพ โกงความตายไปได้อีกครั้งนะเจ้า Ixus
ออกมาจากฟาร์มตัวอย่างด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ไม่รู้รูปที่ได้จะเป็นยังไง จะล่มไหม ได้แต่คิดอย่างเดียว ถึงจะล่ม แต่อย่างน้อยก็
ได้มาเที่ยวละวะ เพราะงั้นที่เหลือต้องเอาให้คุ้ม และแล้วก็มาถึงจุดชมวิวชายทะเลบางแก้ว เช้านี้น้ำลงครับ เลยเป็นแบบที่เห็น
ด้านข้างเป็นแบบที่เห็น
ต่อจากชายทะเลบางแก้ว ผมก็บิดมาถึงปากคลองบริเวณแหลมผักเบี้ย เรือเต็มเลย
ทีแรกว่าจะไม่แวะหาดทรายเม็ดแรก แต่ก็เลี้ยวเข้าไปดูซะหน่อย และอย่างน้อยวันนี้ มันก็ยังมีมุมที่ยังดูสวยอยู่ คือมุมนี้ ส่วนข้างหลัง เสาเข็มเต็มเลยครับ แวะถ่ายรูปแล้วไปต่อดีกว่า
จุดแวะพักต่อมาของเราคือหาดเจ้าสำราญ
ลงไปเดินเล่นซะหน่อย มีคนมาตีอวนเยอะเลย เข้าไปดูหน่อยดีกว่า
ด้วยความที่ช่วงนี้น้ำจืดลงทะเลเยอะมาก ปลาก็เลยเมาน้ำเยอะ ที่ผมเข้าใจก็คือ ปลาทะเลเนี่ยมันต้องกินน้ำ เพื่อขับเกลืออกทางของเสีย ทำให้ปลาทะเลที่มาเจอน้ำจืดแบบจัง ๆ โดยไม่ได้มีการปรับตัวก่อนตายจากการกินน้ำจนตัวบวมน้ำ เพราะปลาน้ำจืดมันไม่ต้องกินน้ำครับ เพราะน้ำจืดมีเกลือปนอยู่ไม่มาก ปลาน้ำจืดจึงสามารถให้น้ำเข้ามาไหลเวียนอยู่ในร่างกายได้โดยตรง อีกทั้งพอน้ำจืดลงมาเยอะ ๆ มันไปบล็อกผิวน้ำ ทำให้ออกซิเจนที่ผิวดินค่อย ๆ หมดไป พวกปลาหน้าดินทั้งหลายเลยเมาน้ำ และออกมาให้จับกันแบบนี้ ผิดพลาดยังไงคอมเม้นท์ไว้ได้เลยนะครับ
กระเบนเล็กเยอะมากเลยครับ ถึงว่า เวลาดูทริปตกปลา ผมเห็นคนที่มาตกปลาปากอ่าวบางตะบูน-แหลมผักเบี้ยจะได้กระเบนด้วยทุกครั้ง ซึ่ง เมื่อนานมาแล้วผมเคยกินกระเบนผัดเผ็ดด้วยนะ แต่ไม่อร่อยเลย กระดูกอ่อนทั้งนั้นแถมคนทำยังไม่เอาผิวเกล็ดสาก ๆ ของมันออกอีก เป็นความประทับใจที่แบบ ไม่เอาแล้ววววว พวกพี่ ๆ ที่มาตีอวน เขาเอาแต่พวกที่ตายแล้วครับ ส่วนพวกที่ยังไม่ตายเขาก็โยนลงทะเล
นี่คือปลาลิ้นหมา
ปูเสฉวน เยอะมาก
พวกนี้ด้วย
ที่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นแบบที่ผมบอก เพราะอย่างเจ้าตัวนี้ มันไม่มีแผลเลยครับ แต่ตัวมันดูบวม ๆ และมีเลือดออกมาตาามเกล็ด ก็น่าจะตายจากน้ำจืดที่ลงมามากเกินไปนั่นแหละ แต่เห็นแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงนะครับ เป็นวัฏจักรที่เกิดขึ้นทุกปี อย่างที่แม่น้ำบางประกงนี่ ถึงขั้นที่ว่ากระเบนราหูน้ำจืดลอยตายเลยนะครับ
ออกมากจากหาด เราก็จะเจอกับปากคลองเล็ก ๆ
เช็กอินสักเล็กน้อย
ระหว่างบิดไปหาดปึกเตียน ผ่านแผงปลาแดดเดียว แวะสักเล็กน้อย
อีกสักรูป
[CR] เพชรบุรีจัดหนัก ทริปพัง ๆ อีกทริปที่ประทับใจไม่รู้ลืม
ทริปนี้เป็นทริป พั ง ๆ เป็นทริปที่พังมากที่สุดตั้งแต่เคยออกทริปมา แต่ถึงแบบนั้น ความประทับใจที่ได้รับก็เอ่อล้นและไม่มีอะไรทดแทนได้ ซึ่งแน่นอน เดี๋ยวผมโม้ให้ฟังเหมือนเดิม (อิ_อิ) และแน่นอน ทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงครับ....
สวัสดีครับทุกท่าน ผมพฤตเอง ปลายปีแบบนี้เราชาวสองล้อรู้สึกอยากทำอะไรมากที่สุดครับ ออกทริป ใช่ครับ และนี่คือทริปใหญ่ทริปสุดท้ายของผมในปีนี้ จากต้นปีที่ผมควบอาชาศึกมัสแตงค์ลงชะอำแบบทริปไปเช้าเย็นกลับ รู้สึกมันยังไม่เต็มอิ่มเท่าไหร่ เพราะงั้นทริปนี้จัดไปเลย 3 วัน 2 คืน จะเป็นยังไง ไปชมกันครับ
1 เดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ผมต้องไปต่อทะเบียนรถ ซึ่งเจ้ามัสแตงค์เนี่ย เขา 7 ขวบแล้ว ต้องตรวจสภาพรถด้วย ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเช็คระดับเสียงของท่อ ผมก็เดินดูรอบ ๆ รถ คิดได้อย่างเดียว "รถเราเก่าแล้วจริง ๆ" จุดยึดแฟร์ริ่งหลายจุดเริ่มคลอนแล้ว ไขน็อตให้แน่นขึ้นก็ไขไม่เข้าแล้ว หลายจุดผมเคยต้องใช้อีพร็อกซี่มาอัดเอาไว้เพราะจุดยึดมันหัก พอเห็นแบบนั้น ความคิดเเดียวแว็บเข้ามาให้หัวผม "ได้เวลารีบิวด์มัสแตงค์แล้ว เริ่มโปรเจ็ค Red Sun Over Paradise : The Rebirth of Mustang" (ชื่อจะยาวไปไหน แต่ก็เท่ดี) เป็นการเปลี่ยนอะไหล่ภายนอกใหม่รอบคัน เริ่มจากท่อ ท่อที่ผมใส่เป็นท่อ Devil ทำโดย MengHeader อยู่ที่พระราม 3 เป็นท่อที่ดีครับ กลางมาเต็มปลายมาเพิ่มนิดหน่อย ก็สุดทางสำหรับรถ 150 ละนะ แต่ครับแต่ มันสะดุดตาสะดุดใจไปหน่อย ผมอยากได้แบบเงียบ ๆ แต่เพอร์ฟอร์มานส์จัดเต็ม นั่นทำให้ผมนึกถึงท่อเดิม ท่อเดิมของตัวรถที่ผมหมกมันมอยู่ในห้องเก็บของมานานแรมปี แต่ สาเหตุที่ผมเปลี่ยนมาเป็นท่อตัวนี้เพราะท่อเดิมมันขึ้นสนิมที่คอท่อ ผุจนร่วงเป็นผง เพราะงั้น จะใส่ท่อเดิมตรง ๆ เลยก็ยังไงอยู่ เอาท่อมาทำคอสแตนเลสก่อนดีกว่านะ และนี่คือสิ่งที่ได้ ตอนที่ช่างสตาร์ทรถหลังจากเปลี่ยนมาเป็นท่อเดิมให้ผม มันช่างเป็นเสียงที่ทำให้ผมยิ้มได้ไม่ยากจริง ๆ เพราะเสียงนี้ ผมไม่ได้ยินมันมาหลายปีมาก ๆ นับตั้งแต่วันที่ผมใส่ท่อแต่ง เสียงเงียบ นุ่ม ลื่น ฟังดูเป็นมิตร แต่ก็ดุดันเมื่อเร่งรอบสูง
ถัดจากท่อ คราวนี้ก็มาถึงหัวใจหลักของโปรเจ็ค Red Sun แฟร์ริ่งรอบคันครับ ใช้เวลา 1 วันเต็ม ๆ กับการเปลี่ยนแฟรริ่งรอบคัน และอีกครึ่งวันกับการติดสติ๊กเกอร์กราฟฟิกใหม่รอบคันอีกเช่นกัน ผมขอแฟริ่งเดิมกลับมาด้วย เพื่อที่จะคัดชิ้นที่ยังใช้ได้เก็บไว้เป็นอะไหล่ ปรากฏว่าหลาย ๆ ชิ้นครับ จุดยึดมันหักไปแล้ว ถึงว่าทำไมมันคลอนรอบคันเลย แถมช่างยังแจ้งด้วยครับว่า ลูกปืนล้อแตกแล้ว ต้องเปลี่ยน ถึงว่าล่ะ ช่างเขาก็ถามครับ ว่าที่ผ่านมาเวลาขับไม่รู้สึกมันส่าย ๆ หรอ ผมตอบตามตรงครับว่าไม่ แค่รู้สึกว่าหน้ามันสั่นเฉย ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าคงเป็นเพราะผิวถนนไม่เรียบ แต่พอเปลี่ยนป็บ โอ้โห มันช่างนุ่ม ลื่น แบบนี้นี่เอง
คราวนี้มาถึงสิ่งที่ผมควรติดตั้งแต่ใส่ท้ายสั้น คือกันดีด คิดว่าจะจบแค่ที่กันดีด ไม่ครับไม่ ช่างบอกว่าสเตอร์แหลมแล้ว เปลี่ยนสิครับ สเตอร์เป็นอลูมิเนียม ถึงว่าแหลมเร็ว ไม่นานหลังจากนั้น ผมก็เอากล้อง Fujifilm X30 ออกมาจะถ่ายอะไรสักอย่าง ปรากฏกล้องรวนครับ เอาอีกแล้ว อาการเดียวกันกับเมื่อหน้าหนาวปีที่แล้วเลย เรียบร้อยครับส่งซ่อม ถึงตอนนี้ยังไม่ได้โทรเช็คเลยว่าซ่อมถึงไหนแล้ว นี่ขนาดยังไม่ได้ออกทริปเลยนะ พังยับจริง ๆ ครับบอกแล้ว 555
ปล. ตอนนี้ได้กล้องคืนแล้วครับ คิดไว้แล้วเหมือนกันว่า ถ้ากล้องมีปัญหาแบบนี้อีก ผมว่าจะออกกล้องใหม่เป็นมือสองเมกะพลาซ่า EOS ไม่ M50 ก็ 650D ครับ
หลังจากนับวันนับคืนก็ถึงเวลาออกทริป งานนี้ผมเอากล้องไป 2 ตัว เป็นเจ้ากล้องฟิล์ม Canononet กับเจ้าดิจิตอลคอมแพ็ก Ixus 185 เป็นกล้องสำรอง ออกจากบ้านตั้งแต่ตี 5 ผมก็มาหยุดพักที่ป.ต.ท.ในสาย 4 หาอะไรแก้ง่วงซะหน่อย หลังจากนั้นก็บิดยาว ๆ ด้วยความที่เป็นวันธธรรมดา ทำให้ช่วงที่เลยสมุทรสาครมาแล้วรถไม่ได้เยอะอะไรมาก จะน่ารำคาญก็เหล่าหนุ่มพเนจรรถบรรทุกทั้งหลาย เวลารถพวกนี้เขาจะแซง เขาไม่ได้เหยียบปื้ดขึ้นไปเลยเหมือนรถยนตร์ทั่วไป แต่เขาขึ้นมาขนาบข้าง แล้วค่อย ๆ แซง ซึ่ง มันบล็อกเลนซ์ซะมิดเลยครับ
บิดมาเรื่อย ๆ ไม่เร็วมาก และแล้วก็มาถึงปากอ่าวบางตะบูนในช่วงที่พระอทิตย์กำลังขึ้นพอดี
เป็นบรรยากาศที่แบบว่า ให้ผมอยู่ตรงนี้ทั้งวันผมก็ไม่เบื่อ
เรือเข้า ๆ ออก ๆ ในช่วงเช้า ก่อนจะหยุดไปในช่วงกลางวัน
อีกด้านหนึ่งของปากอ่าวบางตะบูน ไปต่อดีกว่านะ จุดหมายยังอีกยางไกล
เข้าช่วงนาเกลือของบ้านแหลมแล้ว
หมดม้วนพอดี นี่แหละครับอีกหนึ่งความพัง ทริปแบบนี้ควรเอาดิจิตอลมา เพราะเราไม่รู้จะได้กดกี่ช็อต ไม่เป็นไร ผมเอาฟิล์มาเยอะ
บิดไปเรื่อย ๆ กินลมชมบรรยากาศ
และแล้วก็มาถึงฟาร์มตัวอย่างแหลมผักเบี้ย ณ. จุดนี้ ความพังบังเกิดอีกแล้วครับ ฟิล์มขัด หมุนไม่ไป ต้องเป็นเพราะก่อนจะโหลด ผมหมุนน็อบบนกลักฟิล์มให้แผ่นฟิล์มตึงขึ้น เพราะถ้าฟิล์มไม่ตึง มันจะเกิดขอบดำ ๆ เหมือนฟิล์มทาบไม่สนิทนัก แต่มันคงจะตึงเกินไป และระบบขึ้นฟิล์มของ Canonet ของมผมมันเป็นระบบ QL มันไม่ได้ดึงตรง ๆ เหมือนกับกล้องแบบอื่นที่เราต้องยัดหางฟิล์มเข้าไปในร่อง กับเจ้านี่ มันอาศัยหนามเตยขเขี่ยและสปูลช่วยม้วนฟิล์มเข้ามาแบบหลวม ๆ เพราะฉนั้นนะครับเพื่อน ๆ อย่าหาทำ มีฟิล์มก็ใช้มันถ่ายดี ๆ ได้เลย ไม่ต้องดึงให้ตึงแบบผม ทำให้ม้วนนี้ ผมต้องเสียรูปไปครึ่งนึงเลยครับ รวมถึงรูปที่ผมแวะถ่ายที่วัดนอกปากทะเลด้วย แถมอีกม้วนนึงที่ขัดเหมือนกัน ผมก็กรอกลับเข้ากลักไปก่อน แล้วค่อยกลับมาหาทางแก้ที่บ้าน ซึ่งล่าสุด เจ้าม้วนนี้ผมให้ร้านที่สะพานเหล็กช่วยดึงหางฟิล์มออก ก่อนจะหมุนคลายให้หลวมออกมาหน่อย จะได้ถ่ายที่เหลือได้
ใครที่อยากรู่เรื่องเจ้ากล้อง Canonet คลิกตรงนี้เลยครับ เจ้า Canonet คู่มือผม
พอเป็นแบบนี้ ผมเลยงัด Ixus ขึ้นมาเพื่อถ่ายอะไรต่ออะไรไว้เป็นแบ็คอัพ เผื่อรูปเสีย แต่ระหว่างที่ผมกำลังหันไปถ่ายนั้น ฟุ้บ !!?!
ลื่นครับ ผมลื่นตะไคร่ที่เกาะอยู่ ที่ผ่านมาผมไม่เคยลื่นล้มอะไรแบบนี้เลยนะ แต่ครั้งนี้ผมใส่หมกกันน็อคอยู่ เลยมองไม่เห็นพื้น
หน้ากล้องกระแทกพื้นเต็ม ๆ
เลนซ์ขัด เปิดไม่ติด
มันขึ้นอย่างที่เห็นครับ ผมก็ปลงละ ทริปนี้พังสะใจจริง ๆ อยากพังก็พังไปผมไม่ยอมแพ้ ใช้วิธีบ้าน ๆ แบบวิถีกัปตันไพรสซ์ ผมเปิดกล้องให้เลนซ์มันเปิด แล้วจับเลนซ์ไว้ ให้มันค้างอยู่อย่างนั้นแล้วก็กดเปิดมัน แล้วกล้องก็กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง รอยขีดข่วนที่หน้าเลนซ์ไม่มีผลกับภาพ โกงความตายไปได้อีกครั้งนะเจ้า Ixus
ออกมาจากฟาร์มตัวอย่างด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ไม่รู้รูปที่ได้จะเป็นยังไง จะล่มไหม ได้แต่คิดอย่างเดียว ถึงจะล่ม แต่อย่างน้อยก็
ได้มาเที่ยวละวะ เพราะงั้นที่เหลือต้องเอาให้คุ้ม และแล้วก็มาถึงจุดชมวิวชายทะเลบางแก้ว เช้านี้น้ำลงครับ เลยเป็นแบบที่เห็น
ด้านข้างเป็นแบบที่เห็น
ต่อจากชายทะเลบางแก้ว ผมก็บิดมาถึงปากคลองบริเวณแหลมผักเบี้ย เรือเต็มเลย
ทีแรกว่าจะไม่แวะหาดทรายเม็ดแรก แต่ก็เลี้ยวเข้าไปดูซะหน่อย และอย่างน้อยวันนี้ มันก็ยังมีมุมที่ยังดูสวยอยู่ คือมุมนี้ ส่วนข้างหลัง เสาเข็มเต็มเลยครับ แวะถ่ายรูปแล้วไปต่อดีกว่า
จุดแวะพักต่อมาของเราคือหาดเจ้าสำราญ
ลงไปเดินเล่นซะหน่อย มีคนมาตีอวนเยอะเลย เข้าไปดูหน่อยดีกว่า
ด้วยความที่ช่วงนี้น้ำจืดลงทะเลเยอะมาก ปลาก็เลยเมาน้ำเยอะ ที่ผมเข้าใจก็คือ ปลาทะเลเนี่ยมันต้องกินน้ำ เพื่อขับเกลืออกทางของเสีย ทำให้ปลาทะเลที่มาเจอน้ำจืดแบบจัง ๆ โดยไม่ได้มีการปรับตัวก่อนตายจากการกินน้ำจนตัวบวมน้ำ เพราะปลาน้ำจืดมันไม่ต้องกินน้ำครับ เพราะน้ำจืดมีเกลือปนอยู่ไม่มาก ปลาน้ำจืดจึงสามารถให้น้ำเข้ามาไหลเวียนอยู่ในร่างกายได้โดยตรง อีกทั้งพอน้ำจืดลงมาเยอะ ๆ มันไปบล็อกผิวน้ำ ทำให้ออกซิเจนที่ผิวดินค่อย ๆ หมดไป พวกปลาหน้าดินทั้งหลายเลยเมาน้ำ และออกมาให้จับกันแบบนี้ ผิดพลาดยังไงคอมเม้นท์ไว้ได้เลยนะครับ
กระเบนเล็กเยอะมากเลยครับ ถึงว่า เวลาดูทริปตกปลา ผมเห็นคนที่มาตกปลาปากอ่าวบางตะบูน-แหลมผักเบี้ยจะได้กระเบนด้วยทุกครั้ง ซึ่ง เมื่อนานมาแล้วผมเคยกินกระเบนผัดเผ็ดด้วยนะ แต่ไม่อร่อยเลย กระดูกอ่อนทั้งนั้นแถมคนทำยังไม่เอาผิวเกล็ดสาก ๆ ของมันออกอีก เป็นความประทับใจที่แบบ ไม่เอาแล้ววววว พวกพี่ ๆ ที่มาตีอวน เขาเอาแต่พวกที่ตายแล้วครับ ส่วนพวกที่ยังไม่ตายเขาก็โยนลงทะเล
นี่คือปลาลิ้นหมา
ปูเสฉวน เยอะมาก
พวกนี้ด้วย
ที่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นแบบที่ผมบอก เพราะอย่างเจ้าตัวนี้ มันไม่มีแผลเลยครับ แต่ตัวมันดูบวม ๆ และมีเลือดออกมาตาามเกล็ด ก็น่าจะตายจากน้ำจืดที่ลงมามากเกินไปนั่นแหละ แต่เห็นแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงนะครับ เป็นวัฏจักรที่เกิดขึ้นทุกปี อย่างที่แม่น้ำบางประกงนี่ ถึงขั้นที่ว่ากระเบนราหูน้ำจืดลอยตายเลยนะครับ
ออกมากจากหาด เราก็จะเจอกับปากคลองเล็ก ๆ
เช็กอินสักเล็กน้อย
ระหว่างบิดไปหาดปึกเตียน ผ่านแผงปลาแดดเดียว แวะสักเล็กน้อย
อีกสักรูป
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น