เที่ยวกรานาดา (granada) , สเปน กับความอันดาลูเซีย 100%



เนื่องจากครั้งนี้เป็นการมาเที่ยวสเปนครั้งที่สองของเรา (พ.ค. 2022) และหากว่าการมาเยือนสเปนครั้งที่แล้ว (ธ.ค.2019) เซบีย่าคือเมืองในแคว้นอันดาลูเซียที่เราประทับใจอย่างมาก ครั้งนี้ กรานาดา อีกหนึ่งเมืองในแคว้นอันดาลูซียก็ทำให้เรามีความทรงจำที่ดีให้กับแคว้นนี้ไม่แพ้กัน
เราออกเดินทางจากสถานีรถไฟ Atocha รอบ 7.24 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณสามชั่วโมงกว่าๆ ซึ่งถือเป็นการนั่งรถไฟความเร็วสูงที่ยาวนานที่สุดในการเที่ยวครั้งนี้เลย
รถไฟพาเรามาถึงเมืองกรานาดาเวลา 10.54 น. ตอนแรกลังเลว่าจะกลับรอบบ่ายสามหรือทุ่มนึงดี 
ถ้ากลับดึกก็กลัวอันตราย ถ้ากลับเร็วก็กลัวได้เที่ยวน้อย สุดท้ายก็เลือกกลับรอบทุ่มนึง ซึ่งจะกลับมาถึงมาริดห้าทุ่มเนี่ยแหละ เอาหน่า มาเที่ยวทั้งทีกลับดึกก็ดึกวะ!
 
กรานาดา เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้เทือกเขา Sierra Nevada เมืองกรานาดาเริ่มเจริญตอนที่ชาวมุสลิมมาพิชิตสเปนในสมัยก่อน เมื่อครั้งที่ชาวคริสต์เชื้อสายสเปนตีเมืองกอร์โดบา เมืองหลวงของอาณาจักรมุสลิมในสเปนแตก ทำให้ย้ายมาที่กรานาดาแทน แต่ในตอนหลัง กราดาไม่สามารถต้านชาวสเปนไหว ต้องยอมแพ้ ชาวเมืองกรานาดาที่ไม่ใช่ชาวคริสต์หลายคนเลือกที่ย้ายออกแทนการที่ต้องเปลี่ยนศาสนา นับจากนั้นเป็นต้นมา ภายใต้การปกครองของอาณาจักรสเปนกรานาดาถูกเปลี่ยนกลับป็นเมืองคริสต์หลังจากที่เป็นมุสลิมมานาน สิ่งหนึ่งที่บ่งบอกได้คือการที่โบสถ์ต่างๆ เริ่มเข้ามาแทนที่มัสยิด
เราเดินออกมาจากสถานีรถไฟ เพื่อไปขึ้นบัสไป Alhambra สถานที่ชื่อดังที่ต้องติดอยู่ในลิสต์ที่ที่ห้ามพลาดเมื่อมาถึงกรานาด้า 

รถบัสมาจอดที่โบสถ์ เพื่อให้ลงไปเปลี่ยนขึ้นบัสอีกคัน แต่เราสังเกตเห็นว่าทำไมตรงจุดนี้มีคนเยอะจัง หันมองเข้าไป เอ๊ะนี่มันโบสถ์ นี่นา ไม่ได้แพลนมา เราเลยเดินลงไปชมสักหน่อย ถือว่าได้ที่เที่ยวเพิ่มแล้วกัน

Cathedral de Granada เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก สไตล์ Renaissance, Baroque ที่เพิ่งถูกสร้างในศตวรรษที่ 16 ถูกสร้างขึ้นในเขตที่เคยเป็นมัสยิดเก่าแก่ เมื่อตอนที่พวกชาวมุสลิมเคยมาปกครองพื้นที่แถวนี้
เราไม่ได้เข้าไปชมข้างใน เพียงเดินชมวิหารภายนอกที่มีเสาใหญ่อลังการ เราเงยหน้ามองขึ้นไปเห็นส่วนบนของวิหารที่ให้ความรู้สึกเหมือนตอนเห็นวิหารที่เซบีย่า รู้สึกมันมีความอันดาลูเซีย 100 เปอร์เซ็นต์มาก แถมตอนนั้นท้องฟ้าก็มีก้อนเมฆสีขาวลอยผ่าน แถมมีเส้นขาวๆ พาดผ่านลงมา ให้ความรู้สึกขลัง
  
 หลังจากเดินชมภายนอกของโบสถ์เสร็จ เราก็เดินไปขึ้นบัสเพื่อไป Alhambra มันจะเป็นรถสาย C จอมอนิเตอร์หน้ารถเขียนว่าไป Alhambra มีคนมายืนต่อคิวประมาณหนึ่ง เรายืนรอสักพักให้ถึงเวลารถออก สูดกลิ่นบุหรี่แรงๆ ของคนข้างๆ ไปประมาณสองนาที ประตูรถบัสก็เปิดออกให้เราขึ้น ที่จริงมันเป็นมินิบัสคันเล็กๆ มีที่นั่งไม่เยอะมาก

รถขับขึ้นเนิน วกวนเลี้ยวลัดเลาะไปตามระดับความชันที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ระหว่างข้างทางก็เป็นบ้านคน ตึกต่างๆ สวยงาม และเริ่มเห็นวิวมากเรื่อยๆ เมื่อขึ้นมาสูงขึ้น เราพยายามจะถ่ายรูปผ่านกระจกรถบัสแต่ก็ไม่ทัน

รถไปจอดหน้า Alhambra เราไปถามพนักงานว่าซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้ามาแล้วให้ไปทางไหน เขาชี้ให้เราไปตรงคนเยอะๆ  ตรงจุดนี้จะมีแถวแยกว่ามาเดี่ยวหรือมากรุ๊ป พอถึงคิวพนักงานก็ตรวจพาสปอร์ต

พระราชวัง Alhambra เป็นสถานที่ที่ยืนยันความยิ่งใหญ่ เจริญรุ่งเรืองของชาวมุสลิมที่เคยปกครองได้อย่างชัดเจน อย่างราชววงศ์ Nasrid ที่ปกครองมายาวนานกว่า 250 ปี
พระราชวังแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ Alcazaba, Nasrid palce, Palace of Charles V, Genaralife
เข้าไปถึงข้างในเป็นทางเดินต้นสนสูงใหญ่เป็นระเบียบ เราว่าจะเริ่มจาก Nasrid palce ก่อน เพราะจองไว้รอบ 13.00 น.  เราเดินไปกลับไปถาม พนักงานบอกว่า ให้เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้าย เราทำตาม ก็เจอป้ายชี้ไป Nasrid palce
ตอนแรกๆ เหมือนคนจะเดินตามแถวไปเรื่อยๆ ตามๆ กัน พอหลังๆ แต่ละคนเริ่มกระจัดกระจายถ่ายรูปแต่ละมุมที่ตัวเองชอบ
เราเดินไปเจอที่ให้รอคิวเข้าปราสาท เราจองมารอบบ่ายโมง ตอนนั้นเที่ยงครึ่ง พนักงานเลยไล่ให้กลับไปก่อนแล้วค่อยมาต่อใหม่ ระหว่างนั้นก็ไปถ่ายรูปวิวเมืองข้างๆ
การเข้าชมต้องจ่ายค่าเข้าเพิ่มเติม และจองรอบด้วย เพราะเขาจำกัดจำนวนคนเข้าในแต่ละครั้ง
เมื่อถึงเวลาใกล้บ่ายโมง เราก็เข้าไปในปราสาท พนักงานทำท่าแล้วชี้มาที่กระเป๋าหลังเรา เราก็งง สรุปคือเขาให้เอามาสะพายข้างหน้า เดี๋ยวมันโดนภายในปราสาท
ในความรู้สึกเราถ้ามองจากภายนอกแล้ว ตัว palace ไม่ได้หวือหวามาก แต่เมื่อได้ลองก้าวขาเข้ามาข้างในแล้ว หันมองไปทางไหน ทุกอย่างก็สวยงามไปหมด
.…นี่เป็นสถานที่ที่กษัตริย์ชาวมัวร์เคยพำนัก
ภายในแบ่งเป็นสามโซนหลักๆ คือ 
1.The Mexuar เพื่อการบริหารงานยุติธรรมและกิจการของรัฐ
2.Palacio de Comares เป็นที่ประทับของกษัตริย์ อย่างเป็นทางการ
3.Palacio de los Leones เป็นพื้นที่ส่วนตัวของทางพระราชวัง
โซนต่างๆ นั้นไม่ได้แตกต่างกันแค่เพียงว่าใช้สำหรับทำอะไรเท่านั้นแต่ศิลปะก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย อย่าง Palacio de Comares ก็ตกแต่งแบบมุสลิมปกติ  ในขณะที่ Palacio de Comares ได้รับอิทธิพลจากทางคริสเตียน 
เดินออกมาทะลุที่ไหนไม่รู้เลยนั่งพัก หยิบกล้องมาตั้งถ่ายรูป ตรงนี้คนไม่แน่นดี มีคนเดินผ่านไปมา เป็นระยะๆ เห็นว่ามีคนสองคนนั่งอยู่ที่ม้านั่งถัดไป รู้สึกอุ่นใจ เลยถ่ายรูปและนั่งพักนานหน่อย ก่อนจะเดินไปอีกฝั่ง
เมื่อขึ้นมาเรื่อยๆ จะเห็นวิวพระราชวังที่สวยงาม ถ่ายรูปยังงภาพก็สวยไปหมด
มาถึงสวน Generalife ตอนเราเดินถึงแม้จะเหนื่อยแต่ก็รู้สึกสงบ อาจเพราะได้เห็นสวนที่มีน้ำพุหินที่สวยงาม พุ่มไม้และช่องทางน้ำที่ถูกสร้างไว้อย่างลงตัว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่