เสียงนาฬิกาดังขึ้นตอนตีสี่ สี่สิบ เรารีบลุกขึ้นมาล้างหน้า แต่งตัว เก็บของใส่กระเป๋าเป้เพื่อไปสนามบิน คุณลุงขับรถพาเราไปส่งที่สนามบินบาราฆัสตั้งแต่เช้า เพื่อไปเซบีย่า
พูดถึงเซบีย่าหรือ Seville เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ถ้าหากได้มาเที่ยวสเปนแล้วไม่ควรพลาด ด้วยสถาปัตยกรรม โบสถ์ ลักษณะบ้านเมืองที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ แม้ว้าจะมีเวลาไม่มาก สำหรับเรา แค่เพียงหนึ่งวันที่ได้มาเดินชมเมืองเซบีย่าก็ถือว่าคุ้มมากๆแล้ว
เซบีย่าเป็นเมืองทางตอนใต้ของสเปนในแคว้น Andalucia
การเดินทางจากมาดริดไปเซบีย่าที่นิยมมีสองทางคือเครื่องบินไม่ก็รถไฟ ครั้งนี้ที่จองเครื่องบินเพราะตอนแรกเว็บรถไฟ Renfe ยังไม่ออกตารางเดินทาง แม้เราจะrefresh เว็บล่วงหน้ากว่า30วัน เพราะกลัวพลาดทุกอย่างเต็มในช่วงปีใหม่ เลยตัดสินใจกดจองตั๋วเครื่องบินไปละกัน ราคาไม่ต่างกันมาก ประมาณสองพันบาททั้งคู่ รถไฟใช้เวลาเดินทางประมาณ2ชั่วโมงครึ่ง แต่จะดีหน่อยที่ไปจอดในมืองเลย เดินทางไปสถานที่เที่ยวต่างๆง่าย
เครื่องบินเดินทางหนึ่งชั่วโมงไปถึงแล้วต้องนั่งบัสเข้าเมืองไปอีกประมาณห้าสิบนาที
สนามบินที่นี่เล็กๆ เดินออกมาทางออก ก็จะเจอที่ขึ้นรสบัสมีคนต่อคิวอยู่จำนวนหนึ่งเราต้องไปลงที่ metropol parasol
รถบัสสายeA วิ่งจากสนามเข้าเมือง ราคาตลอดสาย 4 ยูโร ซึ่งจะแพงกว่ารถบัสสายอื่นๆธรรมดาที่วิ่งในเมือง
ขึ้นรถบัสมาแล้ว มองวิวข้างทาง ไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็ลงไปขึ้นบัสอีกคัน ระหว่างรอบัส สังเกตสภาพบ้านเมืองเงียบมาก ผู้คนแทบไม่มี รู้สึกเหมือนตอนไปนิวซีแลนด์เลย อากาศไม่หนาวเท่ามาดริดนะเพราะอยู่มาทางใต้กว่า
เรานั่งรถบัส10 นาทีกว่าๆ ก็มาจอดที่สถานที่ las setas เวลาสิบโมงเป๊ะ แต่ทัวร์ที่เราจองไว้เริ่ม 11 โมง เรามีเวลา1ชั่วโมงเลยคิดว่าจะไปหาไรกินเป็นช้าวเช้า
บรรยากาศตอนเช้า
เดินไปไม่ไกลก็เจอร้านนึงดูมีคนพอประมาณ เป็นร้านที่ไม่ได้ดูหรูหรามาก ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง เหมือนมานั่งกินอาหารเช้าแล้วคุยกัน
เราเดินเข้าไปดูเมนูหน้าร้าน พนักงานหนุ่มใจดีก็เดินเข้ามาแนะนำเป็นภาษาสเปนด้วยท่าทางเป็นมิตร แต่เราฟังไม่ออกเลย แล้วเค้าก็ฟังภาษาอังกฤษที่เราพูดออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่โชคดีที่มีเมนูภาษาอังกฤษราคาไม่แพง 2-4ยูโรต่อจานก็เป็นอาหารเช้าได้แล้ว เราสั่งไข่เจียวสเปน น้ำส้มคั้น และชอกโกแลตร้อน เลือกที่นั่งตรงบาร์เพราะมาคนเดียวระหว่างนั่งรอ คุณลุงที่ร้านก็เข้ามาทักทาย เป็นภาษาสเปนอีกแล้ว เราบอกว่ามาจากไทย เค้าก็พยายามพูดภาษาอังกฤษที่ปนสเปนเล็กน้อยออกมา เราจับใจความได้ว่าเค้าเคยไปเสม็ดที่ไทย
คุณลุงเห็นเราทำท่างง เลยยื่นgoogle translate จากโทรศัพท์ให้เราดู เค้าพูดว่า this time in Thailand is summer ใช่ไหม อ๋อออออ เค้าตั้งใจจะพูดอันนี้
“ นี่เดินทางมาคนเดียวหรอ”
“ใช่ค่ะ มาจากมาดริด”
คุณลุงก้มไปหยิบโทรศัพท์ก่อนจะ ยกมาให้เราอ่าน เป็นข้อความที่แปลจากภาษาสเปนเป็นอังกฤษว่า
“ you are traveling alone,brave”
เรายังจำความรู้สึกตอนนั้นได้อยู่เลย ถึงแม้จะไม่ใช่อะไรที่ยิ่งใหญ่แต่มันมีความสุขมาก เหมือนได้รับประกาศนียบัตร รางวัลอะไรอย่างนั้นเลย และรู้สึกมีกำลังใจมากๆ ขอบคุณนะคะคุณลุงที่พยายามจะสื่อสารประโยคนี้ออกมาให้หนูได้รู้ ถึงแม้ว่าจะมีกำแพงภาษามากั้นระหว่างเรา แต่ประโยคนี้มันมีความหมายต่อหนูมากๆ
ไข่เจียวมาแล้ว รสชาติไม่เหมือนที่ไทย รู้สึกหนาเหมือนใส่มันฝรั่งลงไปนิดนึง กินกับขนมปัง เรารู้สึกว่ามันจืดๆเลยขอซอสคุณลุงเค้า คุณลุงก็หยิบมาให้ตั้งหลายอันพร้อมบอกว่าเอาไปให้หมดเลยนะ ยัดใส่ซอกกระเป๋าข้างของกระเป๋าเป้ให้เราอีกด้วย ส่วนช็อกโกแลตที่นี่จะข้นสุดๆเหมือนที่ใช้จิ้มกินกับชูโรสเลย
รู้สึกถึงความเป็นกันเองของร้านอาหารแบบนี้มากๆ ราคาอาหาร7ยูโร โอเคเลยนะอร่อยด้วย
ก่อนกลับเราถ่ายรูปคู่กัน คุณลุงบอกลาเราพร้อมบอกว่าถ้ามีเวลา ก็ช่วยรีวิวให้ร้านหน่อยนะ
ได้ค่ะคุณลุง ขอบคุณสำหรับบรรยากาศดีๆในร้านอาหาร วันนี้ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีของเราในเซบีย่าเลย
เราเดินไปที่ las setas เวลา 11 โมง เห็นคนมายืนรอ free walking tour
เราจองของ heart of Seville ไว้ใจได้ ใครสนใจบองเข้าไปเช็ครายละเอียดในเว็บดูนะ
โดยเมื่อไปถึงเค้าจะแยกเป็นสองกลุ่มคือ ภาษาสเปนและอังกฤษ
กลุ่มคนที่มาบ้างมาเป็นคู่ มาเป็นครอบครัว เราเหมือนจะเป็นผู้หญิงเอเชียคนเดียวในกรุ๊ปนี้ แต่เราก็ไม่รู้สึกแตกต่างเลย ทัวร์นี้ใช้เวลาสองชั่วโมง โดยหลักๆคือจะพาเดินไปสถานที่เที่ยวสำคัญๆและเล่าประวัติความเป็นมาแต่ละที่ให้ฟัง โชคดีที่เมืองนี้เที่ยวง่าย แต่ละจุดเดินถึงกันหมด
ที่แรก
las vetas
ไกด์เล่าว่าสี่งก่อสร้างทางไม้ที่ใหญ่ที่สุด เมื่อก่อนคิดว่าน่าเกลียด ไม่เหมาะสม
ข้างบนสามารถขึ้นไปชมวิวได้ จ่ายค่าเข้าถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 3 ยูโร มีละติจูดที่เหมาะสมในการถ่ายโปสการ์ดของเมืองเซบีย่าด้วย
หนึ่งในโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองนี้ เห็นลักษณะของ mosqe มีprivate tour inside และใครที่อยากเข้าชม cathedral สามารถซื้อตั๋วได้ที่นี่ skip the line จากที่นี่ได้
ส่วนฝั่งตรงข้ามไกด์บอกว่าเป็น The best beer of Seville
ลองสังเกตตึกนี้ดูดีๆ แต่ละช่องมีลักษณะไม่เหมือนกันทีเดียว ไกด์บอกว่าที่ต่างกันเพราะตอนนั้นrun out of money ทำให้หน้าต่างบางอันยังดูตกแต่งไม่สมบูรณ์
Catedral de Sevilla เป็นโบสถ์สไตล์ Gothic ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สวยงาม อลังการขนาดนี้
ไม่แปลกใจเลยที่ได้เป็น UNESCO World's heritage สามารถเข้าไปชมข้างในได้นะ
มหาวิหารเซนต์แมรีกับหอคอยจิรัลดา ข้างในวิหารเป็นสถานที่ฝังศพของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
ตรงนี้ไกด์บอกว่าเป็นโรงแรมที่เก่าแก่มากในเมืองเซบีย่า ราคาต่อคืนก็ค่อนข้างแพง แต่จะได้ซึมซับบรรยากาศความคลาสสิกสมัยก่อน
ข้างในมีร้านกาแฟที่รสชาติดีมาก เราจำได้ว่าไกด์พูดแซะStarbucks ว่า “ถ้าคุณอยากกินcoffee ที่เป็น coffee จริงๆให้ลองมากินกาแฟข้างในนี้นะ แต่ถ้าคุณอยากกินcoffeeที่เป็นwater ก็ให้ไปกินที่ Starbucks” ทำเอาพวกเราหัวเราะกันหมดเลย
ทัวร์มาจบที่หน้า plaza de espana
Plaza de Espana สร้างขึ้นสำหรับการจัดexhibition Ibero-American ในสมัยบก่อน เป็นงานที่มุ่งเน้นการเชื่อมโยงระหว่างสเปนกับประเทศอื่นๆ
ไกด์พูดลาและขอบคุณทุกคน พร้อมหยิบถุงให้tipsขึ้นมา แล้วแต่ความพอใจว่าอยากให้เท่าไหร่ ตรงนี้ส่วนตัวเราคิดว่าถึงแม้เราจะสามารถเลือกที่จะไม่ให้ก็ได้ แต่เราเลือกที่จะให้เพราะไหนๆเค้าก็มาทำหน้าที่ตรงนี้ ให้เป็นกำลังใจกับพี่ไกด์ก็ไม่เสียหาย
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงเราเข้าไปถ่ายรูปที่ Plaza de espana
จะบอกว่าของจริงสวยมาก สวยกว่าในยูทูปที่เคยดูมา คนที่ออกแบบคือเก่งจริงๆ มีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะเลย
มาคนเดียวน่าเสียดายไม่มีใครถ่ายรูปให้ คราวนี้เราไม่ได้ขอให้คนอื่นถ่ายให้ แต่เราใช้ไม้เซลฟี่ มันก็เก็บภาพองค์ประกอบสวยได้ไม่หมด จึงตัดสินใจใช้ขาตั้งกล้องที่มากับไม้เซลฟี่ ภาพที่ได้
เราอยู่ในนี้ประมาณสี่สิบนาทีก็ตัดสินใจเดินออกมาแต่ก็ว่าจะกลับมาถ่ายอีกแน่นอน
เดินออกมาเพื่อไปเข้าดูalcazar ที่แถวก็ยังคงยาวมากเหมือนเดิม
แต่เราก็ซื้อตั๋วออนไลนมาแล้ว ราคา12 ยู เข้าแถวพิเศษได้เข้าเลย ข้างในเป็นสวนขนาดใหญ่ มีหลายจุดให้ไป เราตั้งใจจะไปถ่ายรูปตรงฉากที่ game of thrones เคยมาถ่ายทำ
The real Alcázar พระราชวังเก่าแก่แห่งศตวรรษที่ 11 เป็นสัญลักษณ์ของเมืองและยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกอีกด้วย
“เซบีย่า เอาใจฉันไป” เที่ยวเซบีย่าช่วงท้ายปี กับอะไรที่ทำให้หลงรักเมืองนี้เข้าเต็มๆ
พูดถึงเซบีย่าหรือ Seville เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ถ้าหากได้มาเที่ยวสเปนแล้วไม่ควรพลาด ด้วยสถาปัตยกรรม โบสถ์ ลักษณะบ้านเมืองที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ แม้ว้าจะมีเวลาไม่มาก สำหรับเรา แค่เพียงหนึ่งวันที่ได้มาเดินชมเมืองเซบีย่าก็ถือว่าคุ้มมากๆแล้ว
เซบีย่าเป็นเมืองทางตอนใต้ของสเปนในแคว้น Andalucia
การเดินทางจากมาดริดไปเซบีย่าที่นิยมมีสองทางคือเครื่องบินไม่ก็รถไฟ ครั้งนี้ที่จองเครื่องบินเพราะตอนแรกเว็บรถไฟ Renfe ยังไม่ออกตารางเดินทาง แม้เราจะrefresh เว็บล่วงหน้ากว่า30วัน เพราะกลัวพลาดทุกอย่างเต็มในช่วงปีใหม่ เลยตัดสินใจกดจองตั๋วเครื่องบินไปละกัน ราคาไม่ต่างกันมาก ประมาณสองพันบาททั้งคู่ รถไฟใช้เวลาเดินทางประมาณ2ชั่วโมงครึ่ง แต่จะดีหน่อยที่ไปจอดในมืองเลย เดินทางไปสถานที่เที่ยวต่างๆง่าย
เครื่องบินเดินทางหนึ่งชั่วโมงไปถึงแล้วต้องนั่งบัสเข้าเมืองไปอีกประมาณห้าสิบนาที
สนามบินที่นี่เล็กๆ เดินออกมาทางออก ก็จะเจอที่ขึ้นรสบัสมีคนต่อคิวอยู่จำนวนหนึ่งเราต้องไปลงที่ metropol parasol
รถบัสสายeA วิ่งจากสนามเข้าเมือง ราคาตลอดสาย 4 ยูโร ซึ่งจะแพงกว่ารถบัสสายอื่นๆธรรมดาที่วิ่งในเมือง
ขึ้นรถบัสมาแล้ว มองวิวข้างทาง ไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็ลงไปขึ้นบัสอีกคัน ระหว่างรอบัส สังเกตสภาพบ้านเมืองเงียบมาก ผู้คนแทบไม่มี รู้สึกเหมือนตอนไปนิวซีแลนด์เลย อากาศไม่หนาวเท่ามาดริดนะเพราะอยู่มาทางใต้กว่า
เรานั่งรถบัส10 นาทีกว่าๆ ก็มาจอดที่สถานที่ las setas เวลาสิบโมงเป๊ะ แต่ทัวร์ที่เราจองไว้เริ่ม 11 โมง เรามีเวลา1ชั่วโมงเลยคิดว่าจะไปหาไรกินเป็นช้าวเช้า
บรรยากาศตอนเช้า
เดินไปไม่ไกลก็เจอร้านนึงดูมีคนพอประมาณ เป็นร้านที่ไม่ได้ดูหรูหรามาก ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง เหมือนมานั่งกินอาหารเช้าแล้วคุยกัน
เราเดินเข้าไปดูเมนูหน้าร้าน พนักงานหนุ่มใจดีก็เดินเข้ามาแนะนำเป็นภาษาสเปนด้วยท่าทางเป็นมิตร แต่เราฟังไม่ออกเลย แล้วเค้าก็ฟังภาษาอังกฤษที่เราพูดออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่โชคดีที่มีเมนูภาษาอังกฤษราคาไม่แพง 2-4ยูโรต่อจานก็เป็นอาหารเช้าได้แล้ว เราสั่งไข่เจียวสเปน น้ำส้มคั้น และชอกโกแลตร้อน เลือกที่นั่งตรงบาร์เพราะมาคนเดียวระหว่างนั่งรอ คุณลุงที่ร้านก็เข้ามาทักทาย เป็นภาษาสเปนอีกแล้ว เราบอกว่ามาจากไทย เค้าก็พยายามพูดภาษาอังกฤษที่ปนสเปนเล็กน้อยออกมา เราจับใจความได้ว่าเค้าเคยไปเสม็ดที่ไทย
คุณลุงเห็นเราทำท่างง เลยยื่นgoogle translate จากโทรศัพท์ให้เราดู เค้าพูดว่า this time in Thailand is summer ใช่ไหม อ๋อออออ เค้าตั้งใจจะพูดอันนี้
“ นี่เดินทางมาคนเดียวหรอ”
“ใช่ค่ะ มาจากมาดริด”
คุณลุงก้มไปหยิบโทรศัพท์ก่อนจะ ยกมาให้เราอ่าน เป็นข้อความที่แปลจากภาษาสเปนเป็นอังกฤษว่า
“ you are traveling alone,brave”
เรายังจำความรู้สึกตอนนั้นได้อยู่เลย ถึงแม้จะไม่ใช่อะไรที่ยิ่งใหญ่แต่มันมีความสุขมาก เหมือนได้รับประกาศนียบัตร รางวัลอะไรอย่างนั้นเลย และรู้สึกมีกำลังใจมากๆ ขอบคุณนะคะคุณลุงที่พยายามจะสื่อสารประโยคนี้ออกมาให้หนูได้รู้ ถึงแม้ว่าจะมีกำแพงภาษามากั้นระหว่างเรา แต่ประโยคนี้มันมีความหมายต่อหนูมากๆ
ไข่เจียวมาแล้ว รสชาติไม่เหมือนที่ไทย รู้สึกหนาเหมือนใส่มันฝรั่งลงไปนิดนึง กินกับขนมปัง เรารู้สึกว่ามันจืดๆเลยขอซอสคุณลุงเค้า คุณลุงก็หยิบมาให้ตั้งหลายอันพร้อมบอกว่าเอาไปให้หมดเลยนะ ยัดใส่ซอกกระเป๋าข้างของกระเป๋าเป้ให้เราอีกด้วย ส่วนช็อกโกแลตที่นี่จะข้นสุดๆเหมือนที่ใช้จิ้มกินกับชูโรสเลย
รู้สึกถึงความเป็นกันเองของร้านอาหารแบบนี้มากๆ ราคาอาหาร7ยูโร โอเคเลยนะอร่อยด้วย
ก่อนกลับเราถ่ายรูปคู่กัน คุณลุงบอกลาเราพร้อมบอกว่าถ้ามีเวลา ก็ช่วยรีวิวให้ร้านหน่อยนะ
ได้ค่ะคุณลุง ขอบคุณสำหรับบรรยากาศดีๆในร้านอาหาร วันนี้ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีของเราในเซบีย่าเลย
เราเดินไปที่ las setas เวลา 11 โมง เห็นคนมายืนรอ free walking tour
เราจองของ heart of Seville ไว้ใจได้ ใครสนใจบองเข้าไปเช็ครายละเอียดในเว็บดูนะ
โดยเมื่อไปถึงเค้าจะแยกเป็นสองกลุ่มคือ ภาษาสเปนและอังกฤษ
กลุ่มคนที่มาบ้างมาเป็นคู่ มาเป็นครอบครัว เราเหมือนจะเป็นผู้หญิงเอเชียคนเดียวในกรุ๊ปนี้ แต่เราก็ไม่รู้สึกแตกต่างเลย ทัวร์นี้ใช้เวลาสองชั่วโมง โดยหลักๆคือจะพาเดินไปสถานที่เที่ยวสำคัญๆและเล่าประวัติความเป็นมาแต่ละที่ให้ฟัง โชคดีที่เมืองนี้เที่ยวง่าย แต่ละจุดเดินถึงกันหมด
ที่แรก las vetas
ไกด์เล่าว่าสี่งก่อสร้างทางไม้ที่ใหญ่ที่สุด เมื่อก่อนคิดว่าน่าเกลียด ไม่เหมาะสม
ข้างบนสามารถขึ้นไปชมวิวได้ จ่ายค่าเข้าถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 3 ยูโร มีละติจูดที่เหมาะสมในการถ่ายโปสการ์ดของเมืองเซบีย่าด้วย
หนึ่งในโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองนี้ เห็นลักษณะของ mosqe มีprivate tour inside และใครที่อยากเข้าชม cathedral สามารถซื้อตั๋วได้ที่นี่ skip the line จากที่นี่ได้
ส่วนฝั่งตรงข้ามไกด์บอกว่าเป็น The best beer of Seville
ลองสังเกตตึกนี้ดูดีๆ แต่ละช่องมีลักษณะไม่เหมือนกันทีเดียว ไกด์บอกว่าที่ต่างกันเพราะตอนนั้นrun out of money ทำให้หน้าต่างบางอันยังดูตกแต่งไม่สมบูรณ์
Catedral de Sevilla เป็นโบสถ์สไตล์ Gothic ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สวยงาม อลังการขนาดนี้
ไม่แปลกใจเลยที่ได้เป็น UNESCO World's heritage สามารถเข้าไปชมข้างในได้นะ
มหาวิหารเซนต์แมรีกับหอคอยจิรัลดา ข้างในวิหารเป็นสถานที่ฝังศพของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
ตรงนี้ไกด์บอกว่าเป็นโรงแรมที่เก่าแก่มากในเมืองเซบีย่า ราคาต่อคืนก็ค่อนข้างแพง แต่จะได้ซึมซับบรรยากาศความคลาสสิกสมัยก่อน
ข้างในมีร้านกาแฟที่รสชาติดีมาก เราจำได้ว่าไกด์พูดแซะStarbucks ว่า “ถ้าคุณอยากกินcoffee ที่เป็น coffee จริงๆให้ลองมากินกาแฟข้างในนี้นะ แต่ถ้าคุณอยากกินcoffeeที่เป็นwater ก็ให้ไปกินที่ Starbucks” ทำเอาพวกเราหัวเราะกันหมดเลย
ทัวร์มาจบที่หน้า plaza de espana
Plaza de Espana สร้างขึ้นสำหรับการจัดexhibition Ibero-American ในสมัยบก่อน เป็นงานที่มุ่งเน้นการเชื่อมโยงระหว่างสเปนกับประเทศอื่นๆ
ไกด์พูดลาและขอบคุณทุกคน พร้อมหยิบถุงให้tipsขึ้นมา แล้วแต่ความพอใจว่าอยากให้เท่าไหร่ ตรงนี้ส่วนตัวเราคิดว่าถึงแม้เราจะสามารถเลือกที่จะไม่ให้ก็ได้ แต่เราเลือกที่จะให้เพราะไหนๆเค้าก็มาทำหน้าที่ตรงนี้ ให้เป็นกำลังใจกับพี่ไกด์ก็ไม่เสียหาย
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงเราเข้าไปถ่ายรูปที่ Plaza de espana
จะบอกว่าของจริงสวยมาก สวยกว่าในยูทูปที่เคยดูมา คนที่ออกแบบคือเก่งจริงๆ มีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะเลย
มาคนเดียวน่าเสียดายไม่มีใครถ่ายรูปให้ คราวนี้เราไม่ได้ขอให้คนอื่นถ่ายให้ แต่เราใช้ไม้เซลฟี่ มันก็เก็บภาพองค์ประกอบสวยได้ไม่หมด จึงตัดสินใจใช้ขาตั้งกล้องที่มากับไม้เซลฟี่ ภาพที่ได้
เราอยู่ในนี้ประมาณสี่สิบนาทีก็ตัดสินใจเดินออกมาแต่ก็ว่าจะกลับมาถ่ายอีกแน่นอน
เดินออกมาเพื่อไปเข้าดูalcazar ที่แถวก็ยังคงยาวมากเหมือนเดิม
แต่เราก็ซื้อตั๋วออนไลนมาแล้ว ราคา12 ยู เข้าแถวพิเศษได้เข้าเลย ข้างในเป็นสวนขนาดใหญ่ มีหลายจุดให้ไป เราตั้งใจจะไปถ่ายรูปตรงฉากที่ game of thrones เคยมาถ่ายทำ
The real Alcázar พระราชวังเก่าแก่แห่งศตวรรษที่ 11 เป็นสัญลักษณ์ของเมืองและยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกอีกด้วย