ส่อง กฎหมายใหม่ เหล้า-เบียร์ รายย่อยโอกาสแจ้งเกิดริบหรี่ !
https://www.prachachat.net/marketing/news-1107922
วันนี้แม้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่…) พ.ศ. …หรือ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า จะถูกสภาตีตกไปเรียบร้อย แต่อีกด้านหนึ่ง กฎกระทรวง การผลิตสุรา พ.ศ. 2565 ที่เพิ่งประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เมื่อช่วงเย็นย่ำค่ำเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา และให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในแง่ผู้ประกอบการธุรกิจสุราและมิติทางการเมือง เฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่ว่า กฎหมายใหม่ดังกล่าวได้มีการปลดล็อกเพื่อเปิดโอกาสให้รายย่อยหรือชุมชนได้ผลิตสุราจริงหรือไม่
กม.ใหม่…สร้างกำแพงใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากพิจารณาเปรียบเทียบร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ที่เสนอโดย “
เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร” (พรรคก้าวไกล) และคณะ เป็นผู้เสนอ กับกฎกระทรวงที่เพิ่งประกาศออกมา เมื่อดูอย่างผิวเผิน สาระสำคัญอาจจะมีความใกล้เคียงกันอยู่บ้าง โดยเฉพาะเรื่องของการไม่มีทุนจดทะเบียนบังคับ และไม่มีกำลังการผลิตบังคับแล้ว
โดยร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า เขียนคลุมไปถึงว่า ไม่ควรเอาเรื่องแรงม้า มากำหนดเป็นเงื่อนไข เพราะจะทำให้การประกอบอาชีพนี้ของรายย่อยมีความยากลำบาก
ส่วนกฎกระทรวง กฎหมายใหม่ แม้ไม่มีข้อกำหนดเรื่องทุนจดทะเบียน หรือกำลังการผลิต แต่หากพิจารณาลงไปในรายละเอียดจะพบว่า ผู้ที่จะผลิตสุราที่มิใช่การค้า (มาตรา 7) จะต้องมีการยื่นคำขอใบรับอนุญาต เช่นเดียวกับผู้ผลิตสุราเพื่อการค้า (มาตรา 13) ที่จะต้องยื่นคำขอใบอนุญาตและเอกสารตามที่กำหนดต่ออธิบดี
ต่างจาก พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ระบุเพียงแค่การจดแจ้ง
ที่สำคัญคือ หากเป็นกรณีโรงงานสุรา จะต้องเป็นโรงงานที่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน และกฎหมายว่าด้วยสิ่งแวดล้อม (ข้อ 16 และข้อ 17)
“
อาธีระวัสส์ วรรณศรีสวัสดิ์” กรรมการ บริษัท ไอเอสทีบี จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายคราฟต์เบียร์ อาทิ ไลเกอร์ และอัลเลมองท์ ในฐานะนายกสมาคมคราฟท์เบียร์ แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า
“…นี่คือ กำแพง ที่กฎหมายใหม่สร้างขึ้น อย่างที่ทราบกันดีว่า การขออนุญาตกรมโรงงานฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะมีระเบียบ ปฏิบัติ รายละเอียดเกี่ยวข้อง ตั้งแต่พื้นที่สีต่าง ๆ ข้อห้าม การกำจัดของเสีย ระยะห่างจากสถานที่บังคับ ระเบียบการบริหารโรงงาน ฯลฯ”
“…ที่ผ่านมา โรงงานสุรา ถือเป็นโรงงานสุราประเภท 4 ได้รับการยกเว้นจากกรมโรงงานฯที่ไม่ต้องไปขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงานฯ ขึ้นทะเบียนกับกรมสรรพสามิตเลย จึงเป็นสาเหตุที่ที่ผ่านมากรมโรงงานฯไม่เคยเข้ามายุ่งกับโรงเหล้า โรงเบียร์ เพราะมีข้อนี้เขียนยกเว้นไว้ ประกาศใหม่ดังกล่าว
เท่ากับว่า กรมสรรพสามิต โยนธงกลับไปที่กรมโรงงานฯ ซึ่งก็จะต้องเป็นหน้าที่ของกรมโรงงานฯที่จะต้องไปออกประกาศ ระเบียบปฏิบัติของโรงเหล้าโรงเบียร์ออกมาอีก ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไปว่าภายใต้กฎกระทรวงว่าจะสามารถออกใบอนุญาตได้ง่ายขึ้นหรือยากกว่าเดิม”
โอกาสแจ้งเกิดยาก-หวั่นทุนนอกบุก
นอกจากนี้ นายกสมาคมคราฟท์เบียร์ แสดงความเห็นถึงผลกระทบและความห่วงกังวลจากประกาศกฎกระทรวงฉบับนี้ว่า
“…จริง ๆ แล้ว กฎกระทรวงที่ประกาศออกมา ไม่กระทบรายใหญ่เลย ที่กระทบ คือ ผู้ประกอบการรายใหม่ หน้าใหม่ ที่อยากจะเข้ามาในธุรกิจนี้”
“
ที่น่าจะได้รับผลมากที่สุด น่าจะเป็นกลุ่มสุราแช่ผลไม้ ซึ่งจริง ๆ โรงงานพวกนี้เหมาะกับประเทศไทยมาก เพราะบ้านเรามีผลไม้ที่ออกมาตามฤดูกาลต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ที่สำคัญ คือ สุราแช่ผลไม้ เป็นทางเลือกของเกษตรกรที่อยากจะแปรรูปผลไม้ให้เป็นเครื่องดื่มหรือสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม
ก่อนที่จะมีกฎกระทรวงฉบับนี้ออกมา สุราแช่ผลไม้ ทั้งสุราแช่ชุมชน สุราแช่ผลไม้ของโรงงาน ไม่ได้มีอะไรมาบล็อกเลย แต่พอกฎกระทรวงฉบับนี้ออกมา การจะทำสุราแช่ผลไม้ได้ จะต้องทำไซซ์เล็กก่อน คือ 5 แรงม้า เป็นเวลา 1 ปี และใน 1 ปี ห้ามทำผิดกฎหมายสุรา จากนั้นถึงจะสามารถขยายเป็น 50 แรงม้าได้” (ข้อ 3 และข้อ 14 (2) และ (3))
อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การปลดล็อกเรื่องทุนจดทะเบียน (ข้อ 14 (1)) มุมหนึ่งแม้อาจจะช่วยเอื้อให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้ามาในธุรกิจได้ง่ายขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งมันอาจจะเอื้อประโยชน์ให้นักลงทุนต่างประเทศด้วย
ต่อไปอาจจะเกิดภาพของทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาตั้งบริษัทในประเทศไทยโดยใช้นอมินีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 51% อย่าลืมว่า ต่างประเทศเขามีความพร้อมทั้งเรื่องเงินทุน โนว์ฮาว โดยเฉพาะเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต่างประเทศเขามีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่าบ้านเรามาก
นายกสมาคมคราฟท์เบียร์ ย้ำในตอนท้ายว่า โดยส่วนตัวมองว่า คนไทยจะได้ประโยชน์จากกฎหมายใหม่ฉบับนี้น้อย เพราะประสบการณ์การสั่งสมความรู้ (learning curve) ในอุตสาหกรรมเหล้าเบียร์ของไทยยังต่ำ
ตอนนี้คนไทยยังต้องพึ่งพายูทูบ พึ่งพาโนว์ฮาวจากต่างประเทศมาก ยิ่งทุกวันนี้ วัตถุดิบต่าง ๆ มอลต์ ฮอปส์ เราต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ยิ่งตอนนี้ซัพพลายมีน้อย ของขาด ราคาสูง อัตราแลกเปลี่ยนอีก ยิ่งผลิตน้อยก็ยิ่งสู้รายใหญ่ไม่ได้
“กฎหมายใหม่นี้อาจจะช่วยให้รายย่อยที่อยากจะเกิดได้มีสิทธิ์เกิด แต่ด้วยเงื่อนไขที่กฎหมายใหม่กำหนดขึ้นก็คงไม่สามารถเกิดได้ง่าย ๆ ถามว่าจะเกิดทันต่างประเทศ เกิดทันฝรั่งมั้ย ผมคิดว่าไม่น่าจะทันฝรั่ง”
เท่าพิภพ ถามรบ.ปลดล็อกยังไง โรงเบียร์จะขอใบอนุญาต ต้องมีกำลังผลิต 7 ล้านลิตรต่อปี
https://www.matichon.co.th/politics/news_3656828
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน นาย
เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง
“กำแพงใหม่เริ่มแสดงอภินิหารแล้ว” หลังรัฐบาลชิงแก้กฏกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. 2565 โดยระบุว่า
“
ในตอนนี้ที่บอกว่ากฎกระทรวงทำให้ สุราเสรี อย่าพึ่งรีบหลงเชื่อกันนะครับ ลองอ่านโพสต์นี้ก่อน สด ๆ ร้อน ๆ ผมจะมาอธิบายให้ทุกคนฟังเอง
เริ่มจากถ้าหากคุณอยากทำโรงเบียร์ใหม่ คุณก็ต้องไปทำ EIA แล้วคุณก็จะเริ่มศึกษาอ่านดูกฎกระทรวงล่าสุด EIA ในนั้นจะระบุไว้ว่าถ้าหากทำโรงเบียร์ต้องไม่ต่ำกว่า 600,000 ลิตรต่อเดือนหรือผมคูณให้ง่าย ๆ คือ 7,200,000 ลิตรต่อปี ถึงจะเข้าบอร์ด EIA ได้ คำถามต่อมาคือแล้วโรงเบียร์ที่มีตัวเลขระหว่าง 1-7 ล้านลิตรต่อปีเนี่ย ทำยังไง ?
ถัดมาไวน์ ถ้าจะทำโรงขั้นต่ำก็ 600,000 ลิตรต่อเดือนเหมือนกันกับเบียร์ และเหล้าก็คือ 40,000 ลิตรต่อเดือน (คิดเทียบที่ 28 ดีกรี) ถึงจะประกอบธุรกิจได้
ปัญหาต่อมา การทำ EIA ไม่ใช่ง่าย ๆ ผมลองอ่านของโรงเบียร์ตะวันแดง เขาทำกันร่วม 2 พันกว่าหน้า และตาสีตาสาทำไงดีละทีงี้ ต้องจ้างแล้วไหม แล้วจะเอาเงินจากไหนดี ? นี้ยังไม่รวมเงินที่ต้องไปซื้ออุปกรณ์ตามที่กฎกระทรวงกำหนดอีก
ต่อมาเรื่องวุ่น ๆ จากปากคนทำ Brewpub เช้าอันสดใจเตรียมใจเตรียมเอกสารไปสรรพสามิตเพราะคิดว่าต้องเจอศึกหนัก แต่พอเจอหน้าเจ้าหน้าที่กลับได้คำตอบว่า “ไปขอ EIA สิ”
ก็เลยต้องขับรถไปถาม EIA ก็ได้คำตอบกลับมาว่า “กำลังการผลิตคุณทำน้อยขอ EIA ไม่ได้”….แล้วเอาไงละทีนี้
ผมเชื่อว่าในตอนนี้หลาย ๆ คนเริ่มขยับแล้ว พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่เจอความงง ของพนักงานแบบนี้พวกเขาก็ไปไม่เป็นเหมือนกันนะ ไหนบอกตั้งใจทำมาตั้งหลายเดือน รู้สึกมันลวก ๆ ไงไม่รู้ พนักงานบางคนยัง งง เลย เกี่ยวกับเราหรอวะ ?
ปลดล็อคยังไงถามจริ้ง!! ปรึกษาผมก็ได้นะท่าน ผมพร้อมเสมอ”
https://www.facebook.com/Taopiphop/posts/pfbid02n4LCAMmoL4m7bjBBCiodNMrchLb7oDdYvkg6Y6ys7ynfM5YQLMYpQF7XSUkLMjCgl
ทิ้งจีน ไม่เอาไทย มุ่งไปเวียดนาม: Adidas พร้อมผลักดันให้เป็นฐานการผลิตโลก เดินหน้าขยายการลงทุนรัวๆ
https://brandinside.asia/the-reason-why-adidas-need-vietnam/
Kasper Rorsted ซีอีโอ Adidas ผู้ผลิตชุดกีฬายักษ์ใหญ่ของโลกประชุมกับนายกรัฐมนตรีเวียดนาม Pham Minh Chinh และตั้งเป้าว่า บริษัทจะขยายการลงทุนในเวียดนามมากขึ้นและยังเลือกให้เป็นฮับแห่งการผลิตของแบรนด์ Adidas ด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้หารือกันทางโทรศัพท์เมื่อเดือนกันยายน ปี 2021 ที่ผ่านมา
ซีอีโอ Adidas ยังแสดงความยินดีกับนายกฯ เวียดนามที่สามารถควบคุมโควิดระบาดได้สำเร็จ ทำให้สภาพเศรษฐกิจและสังคมฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว สามารถควบคุมภาวะเงินเฟ้อได้ ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตได้ดี ทาง Adidas จะลงทุนและขยายธุรกิจในเวียดนามต่อไป พร้อมเดินหน้าสร้างงาน สร้างอาชีพให้คนเวียดนามมากขึ้น และจะเปลี่ยนให้เวียดนามกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญของ Adidas
นอกจากจะลงทุนขยายธุรกิจเพิ่ม Adidas ยังเสนอให้รัฐบาลเวียดนามสร้างบรรยากาศที่ทำให้ Adidas ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการฝึกฝน พัฒนาทรัพยากรบุคคลในเวียดนามด้วย ด้านรัฐบาลเวียดนามก็รู้สึกยินดีที่การหารือทางธุรกิจกับ Adidas มีทิศทางบวกและทำให้เวียดนามกลายเป็นซัพพลายเออร์หลักของบริษัทยักษ์ใหญ่
โลกยุคหลังโควิดระบาด กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ขยายตัวในเวียดนามมากขึ้น ส่งผลให้สภาพทางเศรษฐกิจและสังคมเวียดนามเจริญก้าวหน้าตามพัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างเยอรมนีและเวียดนาม ในช่วงโควิดระบาด รัฐบาลเยอรมันให้การสนับสนุนเวียดนามจนทำให้เศรษฐกิจและสังคมของประเทศฟื้นตัวได้ดีขึ้น
นายกฯ เวียดนามเผย เศรษฐกิจประเทศมีเสถียรภาพจึงทำให้ควบคุมภาวะเงินเฟ้อได้ ส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในภูมิภาคในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2022 เวียดนามเน้นเศรษฐกิจที่พึ่งพาตัวเองและให้ความร่วมมือกับการรวมตัวกันระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลพร้อมส่งเสริม Adidas ให้ขยายธุรกิจได้ราบรื่น พร้อมสนับสนุนแผนพัฒนาทรัพยากรบุคคลในเวียดนามตามที่ Adidas เสนอ โดยเฉพาะการเพิ่มทักษะให้แรงงาน พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล และร่วมรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
ปัจจุบัน เยอรมนีคือตลาดจากยุโรปที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามและเป็นประเทศที่เวียดนามส่งออกมากที่สุดเป็นอันดับ 7 ขณะเดียวกัน เวียดนามก็เป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ที่มา –
Tuoitre News
JJNY : ส่อง กฎหมายใหม่ เหล้า-เบียร์ |เท่าพิภพ ถามรบ.ปลดล็อกยังไง| Adidas พร้อมผลักดันให้เป็นฐานโลก|ยาบ้าเม็ดละ 2 บาท
https://www.prachachat.net/marketing/news-1107922
วันนี้แม้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่…) พ.ศ. …หรือ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า จะถูกสภาตีตกไปเรียบร้อย แต่อีกด้านหนึ่ง กฎกระทรวง การผลิตสุรา พ.ศ. 2565 ที่เพิ่งประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เมื่อช่วงเย็นย่ำค่ำเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา และให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในแง่ผู้ประกอบการธุรกิจสุราและมิติทางการเมือง เฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่ว่า กฎหมายใหม่ดังกล่าวได้มีการปลดล็อกเพื่อเปิดโอกาสให้รายย่อยหรือชุมชนได้ผลิตสุราจริงหรือไม่
กม.ใหม่…สร้างกำแพงใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากพิจารณาเปรียบเทียบร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ที่เสนอโดย “เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร” (พรรคก้าวไกล) และคณะ เป็นผู้เสนอ กับกฎกระทรวงที่เพิ่งประกาศออกมา เมื่อดูอย่างผิวเผิน สาระสำคัญอาจจะมีความใกล้เคียงกันอยู่บ้าง โดยเฉพาะเรื่องของการไม่มีทุนจดทะเบียนบังคับ และไม่มีกำลังการผลิตบังคับแล้ว
โดยร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า เขียนคลุมไปถึงว่า ไม่ควรเอาเรื่องแรงม้า มากำหนดเป็นเงื่อนไข เพราะจะทำให้การประกอบอาชีพนี้ของรายย่อยมีความยากลำบาก
ส่วนกฎกระทรวง กฎหมายใหม่ แม้ไม่มีข้อกำหนดเรื่องทุนจดทะเบียน หรือกำลังการผลิต แต่หากพิจารณาลงไปในรายละเอียดจะพบว่า ผู้ที่จะผลิตสุราที่มิใช่การค้า (มาตรา 7) จะต้องมีการยื่นคำขอใบรับอนุญาต เช่นเดียวกับผู้ผลิตสุราเพื่อการค้า (มาตรา 13) ที่จะต้องยื่นคำขอใบอนุญาตและเอกสารตามที่กำหนดต่ออธิบดี
ต่างจาก พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ระบุเพียงแค่การจดแจ้ง
ที่สำคัญคือ หากเป็นกรณีโรงงานสุรา จะต้องเป็นโรงงานที่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน และกฎหมายว่าด้วยสิ่งแวดล้อม (ข้อ 16 และข้อ 17)
“อาธีระวัสส์ วรรณศรีสวัสดิ์” กรรมการ บริษัท ไอเอสทีบี จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายคราฟต์เบียร์ อาทิ ไลเกอร์ และอัลเลมองท์ ในฐานะนายกสมาคมคราฟท์เบียร์ แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า
“…นี่คือ กำแพง ที่กฎหมายใหม่สร้างขึ้น อย่างที่ทราบกันดีว่า การขออนุญาตกรมโรงงานฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะมีระเบียบ ปฏิบัติ รายละเอียดเกี่ยวข้อง ตั้งแต่พื้นที่สีต่าง ๆ ข้อห้าม การกำจัดของเสีย ระยะห่างจากสถานที่บังคับ ระเบียบการบริหารโรงงาน ฯลฯ”
“…ที่ผ่านมา โรงงานสุรา ถือเป็นโรงงานสุราประเภท 4 ได้รับการยกเว้นจากกรมโรงงานฯที่ไม่ต้องไปขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงานฯ ขึ้นทะเบียนกับกรมสรรพสามิตเลย จึงเป็นสาเหตุที่ที่ผ่านมากรมโรงงานฯไม่เคยเข้ามายุ่งกับโรงเหล้า โรงเบียร์ เพราะมีข้อนี้เขียนยกเว้นไว้ ประกาศใหม่ดังกล่าว
เท่ากับว่า กรมสรรพสามิต โยนธงกลับไปที่กรมโรงงานฯ ซึ่งก็จะต้องเป็นหน้าที่ของกรมโรงงานฯที่จะต้องไปออกประกาศ ระเบียบปฏิบัติของโรงเหล้าโรงเบียร์ออกมาอีก ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไปว่าภายใต้กฎกระทรวงว่าจะสามารถออกใบอนุญาตได้ง่ายขึ้นหรือยากกว่าเดิม”
โอกาสแจ้งเกิดยาก-หวั่นทุนนอกบุก
นอกจากนี้ นายกสมาคมคราฟท์เบียร์ แสดงความเห็นถึงผลกระทบและความห่วงกังวลจากประกาศกฎกระทรวงฉบับนี้ว่า “…จริง ๆ แล้ว กฎกระทรวงที่ประกาศออกมา ไม่กระทบรายใหญ่เลย ที่กระทบ คือ ผู้ประกอบการรายใหม่ หน้าใหม่ ที่อยากจะเข้ามาในธุรกิจนี้”
“ที่น่าจะได้รับผลมากที่สุด น่าจะเป็นกลุ่มสุราแช่ผลไม้ ซึ่งจริง ๆ โรงงานพวกนี้เหมาะกับประเทศไทยมาก เพราะบ้านเรามีผลไม้ที่ออกมาตามฤดูกาลต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ที่สำคัญ คือ สุราแช่ผลไม้ เป็นทางเลือกของเกษตรกรที่อยากจะแปรรูปผลไม้ให้เป็นเครื่องดื่มหรือสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม
ก่อนที่จะมีกฎกระทรวงฉบับนี้ออกมา สุราแช่ผลไม้ ทั้งสุราแช่ชุมชน สุราแช่ผลไม้ของโรงงาน ไม่ได้มีอะไรมาบล็อกเลย แต่พอกฎกระทรวงฉบับนี้ออกมา การจะทำสุราแช่ผลไม้ได้ จะต้องทำไซซ์เล็กก่อน คือ 5 แรงม้า เป็นเวลา 1 ปี และใน 1 ปี ห้ามทำผิดกฎหมายสุรา จากนั้นถึงจะสามารถขยายเป็น 50 แรงม้าได้” (ข้อ 3 และข้อ 14 (2) และ (3))
อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การปลดล็อกเรื่องทุนจดทะเบียน (ข้อ 14 (1)) มุมหนึ่งแม้อาจจะช่วยเอื้อให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้ามาในธุรกิจได้ง่ายขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งมันอาจจะเอื้อประโยชน์ให้นักลงทุนต่างประเทศด้วย
ต่อไปอาจจะเกิดภาพของทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาตั้งบริษัทในประเทศไทยโดยใช้นอมินีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 51% อย่าลืมว่า ต่างประเทศเขามีความพร้อมทั้งเรื่องเงินทุน โนว์ฮาว โดยเฉพาะเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต่างประเทศเขามีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่าบ้านเรามาก
นายกสมาคมคราฟท์เบียร์ ย้ำในตอนท้ายว่า โดยส่วนตัวมองว่า คนไทยจะได้ประโยชน์จากกฎหมายใหม่ฉบับนี้น้อย เพราะประสบการณ์การสั่งสมความรู้ (learning curve) ในอุตสาหกรรมเหล้าเบียร์ของไทยยังต่ำ
ตอนนี้คนไทยยังต้องพึ่งพายูทูบ พึ่งพาโนว์ฮาวจากต่างประเทศมาก ยิ่งทุกวันนี้ วัตถุดิบต่าง ๆ มอลต์ ฮอปส์ เราต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ยิ่งตอนนี้ซัพพลายมีน้อย ของขาด ราคาสูง อัตราแลกเปลี่ยนอีก ยิ่งผลิตน้อยก็ยิ่งสู้รายใหญ่ไม่ได้
“กฎหมายใหม่นี้อาจจะช่วยให้รายย่อยที่อยากจะเกิดได้มีสิทธิ์เกิด แต่ด้วยเงื่อนไขที่กฎหมายใหม่กำหนดขึ้นก็คงไม่สามารถเกิดได้ง่าย ๆ ถามว่าจะเกิดทันต่างประเทศ เกิดทันฝรั่งมั้ย ผมคิดว่าไม่น่าจะทันฝรั่ง”
เท่าพิภพ ถามรบ.ปลดล็อกยังไง โรงเบียร์จะขอใบอนุญาต ต้องมีกำลังผลิต 7 ล้านลิตรต่อปี
https://www.matichon.co.th/politics/news_3656828
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง “กำแพงใหม่เริ่มแสดงอภินิหารแล้ว” หลังรัฐบาลชิงแก้กฏกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. 2565 โดยระบุว่า
“ในตอนนี้ที่บอกว่ากฎกระทรวงทำให้ สุราเสรี อย่าพึ่งรีบหลงเชื่อกันนะครับ ลองอ่านโพสต์นี้ก่อน สด ๆ ร้อน ๆ ผมจะมาอธิบายให้ทุกคนฟังเอง
เริ่มจากถ้าหากคุณอยากทำโรงเบียร์ใหม่ คุณก็ต้องไปทำ EIA แล้วคุณก็จะเริ่มศึกษาอ่านดูกฎกระทรวงล่าสุด EIA ในนั้นจะระบุไว้ว่าถ้าหากทำโรงเบียร์ต้องไม่ต่ำกว่า 600,000 ลิตรต่อเดือนหรือผมคูณให้ง่าย ๆ คือ 7,200,000 ลิตรต่อปี ถึงจะเข้าบอร์ด EIA ได้ คำถามต่อมาคือแล้วโรงเบียร์ที่มีตัวเลขระหว่าง 1-7 ล้านลิตรต่อปีเนี่ย ทำยังไง ?
ถัดมาไวน์ ถ้าจะทำโรงขั้นต่ำก็ 600,000 ลิตรต่อเดือนเหมือนกันกับเบียร์ และเหล้าก็คือ 40,000 ลิตรต่อเดือน (คิดเทียบที่ 28 ดีกรี) ถึงจะประกอบธุรกิจได้
ปัญหาต่อมา การทำ EIA ไม่ใช่ง่าย ๆ ผมลองอ่านของโรงเบียร์ตะวันแดง เขาทำกันร่วม 2 พันกว่าหน้า และตาสีตาสาทำไงดีละทีงี้ ต้องจ้างแล้วไหม แล้วจะเอาเงินจากไหนดี ? นี้ยังไม่รวมเงินที่ต้องไปซื้ออุปกรณ์ตามที่กฎกระทรวงกำหนดอีก
ต่อมาเรื่องวุ่น ๆ จากปากคนทำ Brewpub เช้าอันสดใจเตรียมใจเตรียมเอกสารไปสรรพสามิตเพราะคิดว่าต้องเจอศึกหนัก แต่พอเจอหน้าเจ้าหน้าที่กลับได้คำตอบว่า “ไปขอ EIA สิ”
ก็เลยต้องขับรถไปถาม EIA ก็ได้คำตอบกลับมาว่า “กำลังการผลิตคุณทำน้อยขอ EIA ไม่ได้”….แล้วเอาไงละทีนี้
ผมเชื่อว่าในตอนนี้หลาย ๆ คนเริ่มขยับแล้ว พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่เจอความงง ของพนักงานแบบนี้พวกเขาก็ไปไม่เป็นเหมือนกันนะ ไหนบอกตั้งใจทำมาตั้งหลายเดือน รู้สึกมันลวก ๆ ไงไม่รู้ พนักงานบางคนยัง งง เลย เกี่ยวกับเราหรอวะ ?
ปลดล็อคยังไงถามจริ้ง!! ปรึกษาผมก็ได้นะท่าน ผมพร้อมเสมอ”
https://www.facebook.com/Taopiphop/posts/pfbid02n4LCAMmoL4m7bjBBCiodNMrchLb7oDdYvkg6Y6ys7ynfM5YQLMYpQF7XSUkLMjCgl
ทิ้งจีน ไม่เอาไทย มุ่งไปเวียดนาม: Adidas พร้อมผลักดันให้เป็นฐานการผลิตโลก เดินหน้าขยายการลงทุนรัวๆ
https://brandinside.asia/the-reason-why-adidas-need-vietnam/
Kasper Rorsted ซีอีโอ Adidas ผู้ผลิตชุดกีฬายักษ์ใหญ่ของโลกประชุมกับนายกรัฐมนตรีเวียดนาม Pham Minh Chinh และตั้งเป้าว่า บริษัทจะขยายการลงทุนในเวียดนามมากขึ้นและยังเลือกให้เป็นฮับแห่งการผลิตของแบรนด์ Adidas ด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้หารือกันทางโทรศัพท์เมื่อเดือนกันยายน ปี 2021 ที่ผ่านมา
ซีอีโอ Adidas ยังแสดงความยินดีกับนายกฯ เวียดนามที่สามารถควบคุมโควิดระบาดได้สำเร็จ ทำให้สภาพเศรษฐกิจและสังคมฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว สามารถควบคุมภาวะเงินเฟ้อได้ ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตได้ดี ทาง Adidas จะลงทุนและขยายธุรกิจในเวียดนามต่อไป พร้อมเดินหน้าสร้างงาน สร้างอาชีพให้คนเวียดนามมากขึ้น และจะเปลี่ยนให้เวียดนามกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญของ Adidas
นอกจากจะลงทุนขยายธุรกิจเพิ่ม Adidas ยังเสนอให้รัฐบาลเวียดนามสร้างบรรยากาศที่ทำให้ Adidas ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการฝึกฝน พัฒนาทรัพยากรบุคคลในเวียดนามด้วย ด้านรัฐบาลเวียดนามก็รู้สึกยินดีที่การหารือทางธุรกิจกับ Adidas มีทิศทางบวกและทำให้เวียดนามกลายเป็นซัพพลายเออร์หลักของบริษัทยักษ์ใหญ่
โลกยุคหลังโควิดระบาด กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ขยายตัวในเวียดนามมากขึ้น ส่งผลให้สภาพทางเศรษฐกิจและสังคมเวียดนามเจริญก้าวหน้าตามพัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างเยอรมนีและเวียดนาม ในช่วงโควิดระบาด รัฐบาลเยอรมันให้การสนับสนุนเวียดนามจนทำให้เศรษฐกิจและสังคมของประเทศฟื้นตัวได้ดีขึ้น
นายกฯ เวียดนามเผย เศรษฐกิจประเทศมีเสถียรภาพจึงทำให้ควบคุมภาวะเงินเฟ้อได้ ส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในภูมิภาคในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2022 เวียดนามเน้นเศรษฐกิจที่พึ่งพาตัวเองและให้ความร่วมมือกับการรวมตัวกันระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลพร้อมส่งเสริม Adidas ให้ขยายธุรกิจได้ราบรื่น พร้อมสนับสนุนแผนพัฒนาทรัพยากรบุคคลในเวียดนามตามที่ Adidas เสนอ โดยเฉพาะการเพิ่มทักษะให้แรงงาน พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล และร่วมรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
ปัจจุบัน เยอรมนีคือตลาดจากยุโรปที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามและเป็นประเทศที่เวียดนามส่งออกมากที่สุดเป็นอันดับ 7 ขณะเดียวกัน เวียดนามก็เป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ที่มา – Tuoitre News