วันนี้มี call center โทรมาหาเรา บอกว่าเราเป็นลูกค้าชั้นดี จากการใช้บัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย จึงจะมีการคืนกำไรให้กับลูกค้า ด้วยสิทธิ์คุ้มครองประกันปีสุดท้าย (ประมาณว่าเป็นประกันต่อเนื่องจากปีก่อนๆ) โดยให้เราแจ้งรายละเอียดบัตรเครดิต ชื่อผู้รับผลประโยชน์ (เขาบอกว่าแต่เดิมผู้รับผลประโยชน์เป็นบริษัทของธนาคาร แต่ปีสุดท้ายผู้รับประโยชน์จะเป็นคนในครอบครัวเราเอง) ร่ายยาวมาจนถึงให้เรา "ตกลง"
พอวางสายไป เราเคลียร์งานเสร็จ ก็เอ๊ะ! บัตรเครดิตเรามันพ่วงประกันด้วยหรอ? ก็ไม่นะ เป็นบัตร VISA Platinum ธรรมดาๆ เราก็เลยหาข้อมูลในเน็ตเขาบอกว่าให้ธนาคารเช็คได้ว่าเป็นประกันของบริษัทไหน จึงตัดสินใจโทรไปหา call center ของธนาคารกสิกร ก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือที่ดีเท่าไหร่ บอกแค่ว่าน่าจะเป็นมิจฉาชีพ ตรวจสอบให้ไม่ได้ เราจึงขออายัดบัตรทุกใบ เจ้าหน้าที่ก็ทำให้แล้วบอกให้เราหักบัตรทิ้งได้เลย
หลังจากนั้น เราก็เลยโทรกลับไปที่เบอร์เจ้าหน้าที่ที่มาบอกว่าจะต่อประกันปีสุดท้ายให้ ปรากฏว่าสายไม่ว่าง เราจึงเอาชื่อเจ้าหน้าที่ เลขตัวแทนไปค้นเจอว่าอยู่บริษัทไหน แล้วเราก็โทรไปที่บริษัทเขาเพื่อที่จะยกเลิกสิ่งที่ "ตกลง" ไป เจ้าหน้าที่คนแรกรับข้อมูลไป แล้วบอกว่าจะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับเพื่อบันทึกเสียงใหม่
ช่วงบ่ายของวันก็มีเจ้าหน้าที่อีกคนโทรมา ถามว่าเราติดปัญหาอะไร เราบอกว่าเราไม่โอเคที่มาบอกว่าบัตรเรามีประกันพ่วง ทั้งๆ ที่มันไม่มี เราเองก็เช็คกับธนาคารแล้ว เขาก็พยายามพูดว่าเจ้าหน้าที่ call center ของธนาคารอ่ะไม่รู้เรื่องสิทธิ์นี้ เราก็เลยถามว่าประกันตัวนี้มันมีค่าใช้จ่ายไหม เขาบอกมีประมาณ 7 พันกว่าบาทต่อปี เราก็เลยบอกว่า ที่ผ่านๆ มา ไม่เคยโดนหักยอดนี้ เขาก็บอกว่ามีหักแต่ไม่ได้โชว์ในบิล ?? มาบอกเราว่ามันรวมๆ อยู่ในยอดใช้จ่ายที่เราใช้บัตร เอ้าา!! งงไปอีก มีเราก็ต้องรู้สิ เราถามต่อว่าแล้วยอดของปีสุดท้ายที่ว่าจะต่อสิทธิ์ประกันให้ล่ะ จะหักยังไง เขาบอกของปีสุดท้ายจะเป็นเงินก้อนหักจากบัตรเครดิตเรา เอ้า!! ปีสุดท้ายหักเงินก้อนเฉย เราถามอีกว่าแล้วถ้าเราอายัดบัตรไปแล้วล่ะ จะหักยังไง ตานี้เงียบ.. ไม่ตอบ เราเลยบอกจะยกเลิกของปีสุดท้าย ถ้าจะมีการหักเงินกัน ก็มาพูดว่ายกเลิกไม่ได้ มันเป็นสิทธิ์ที่มากับบัตร เราเริ่มโมโห เริ่มเสียงดัง บอกเขาว่าเราไม่โอเคนะที่ทำแบบนี้ สุดท้ายเขาบอกว่าจะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับอีกที
... จบบทสนทนา
ตอนนี้เรามีคำถามคือ..
1. เราต้องทำยังไงต่อ แล้วในส่วนของบัตรเครดิตกสิกร นอกจากอายัดแล้ว เราต้องไปแจ้งยกเลิกอะไรกับธนาคารไหม ตอนนี้เขายังไม่ตัดเงินเราไป
2. กรณีอย่างนี้ ถือว่าบริษัทประกันทำถูกต้องไหม เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคไหมคะ
3. แล้วถ้าถือเป็นการหลอกลวงจริง เราควรแจ้ง คปภ. ไหมคะ
มีเจ้าหน้าที่โทรมาเรื่องบัตรเครดิต Kbank
พอวางสายไป เราเคลียร์งานเสร็จ ก็เอ๊ะ! บัตรเครดิตเรามันพ่วงประกันด้วยหรอ? ก็ไม่นะ เป็นบัตร VISA Platinum ธรรมดาๆ เราก็เลยหาข้อมูลในเน็ตเขาบอกว่าให้ธนาคารเช็คได้ว่าเป็นประกันของบริษัทไหน จึงตัดสินใจโทรไปหา call center ของธนาคารกสิกร ก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือที่ดีเท่าไหร่ บอกแค่ว่าน่าจะเป็นมิจฉาชีพ ตรวจสอบให้ไม่ได้ เราจึงขออายัดบัตรทุกใบ เจ้าหน้าที่ก็ทำให้แล้วบอกให้เราหักบัตรทิ้งได้เลย
หลังจากนั้น เราก็เลยโทรกลับไปที่เบอร์เจ้าหน้าที่ที่มาบอกว่าจะต่อประกันปีสุดท้ายให้ ปรากฏว่าสายไม่ว่าง เราจึงเอาชื่อเจ้าหน้าที่ เลขตัวแทนไปค้นเจอว่าอยู่บริษัทไหน แล้วเราก็โทรไปที่บริษัทเขาเพื่อที่จะยกเลิกสิ่งที่ "ตกลง" ไป เจ้าหน้าที่คนแรกรับข้อมูลไป แล้วบอกว่าจะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับเพื่อบันทึกเสียงใหม่
ช่วงบ่ายของวันก็มีเจ้าหน้าที่อีกคนโทรมา ถามว่าเราติดปัญหาอะไร เราบอกว่าเราไม่โอเคที่มาบอกว่าบัตรเรามีประกันพ่วง ทั้งๆ ที่มันไม่มี เราเองก็เช็คกับธนาคารแล้ว เขาก็พยายามพูดว่าเจ้าหน้าที่ call center ของธนาคารอ่ะไม่รู้เรื่องสิทธิ์นี้ เราก็เลยถามว่าประกันตัวนี้มันมีค่าใช้จ่ายไหม เขาบอกมีประมาณ 7 พันกว่าบาทต่อปี เราก็เลยบอกว่า ที่ผ่านๆ มา ไม่เคยโดนหักยอดนี้ เขาก็บอกว่ามีหักแต่ไม่ได้โชว์ในบิล ?? มาบอกเราว่ามันรวมๆ อยู่ในยอดใช้จ่ายที่เราใช้บัตร เอ้าา!! งงไปอีก มีเราก็ต้องรู้สิ เราถามต่อว่าแล้วยอดของปีสุดท้ายที่ว่าจะต่อสิทธิ์ประกันให้ล่ะ จะหักยังไง เขาบอกของปีสุดท้ายจะเป็นเงินก้อนหักจากบัตรเครดิตเรา เอ้า!! ปีสุดท้ายหักเงินก้อนเฉย เราถามอีกว่าแล้วถ้าเราอายัดบัตรไปแล้วล่ะ จะหักยังไง ตานี้เงียบ.. ไม่ตอบ เราเลยบอกจะยกเลิกของปีสุดท้าย ถ้าจะมีการหักเงินกัน ก็มาพูดว่ายกเลิกไม่ได้ มันเป็นสิทธิ์ที่มากับบัตร เราเริ่มโมโห เริ่มเสียงดัง บอกเขาว่าเราไม่โอเคนะที่ทำแบบนี้ สุดท้ายเขาบอกว่าจะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับอีกที
... จบบทสนทนา
ตอนนี้เรามีคำถามคือ..
1. เราต้องทำยังไงต่อ แล้วในส่วนของบัตรเครดิตกสิกร นอกจากอายัดแล้ว เราต้องไปแจ้งยกเลิกอะไรกับธนาคารไหม ตอนนี้เขายังไม่ตัดเงินเราไป
2. กรณีอย่างนี้ ถือว่าบริษัทประกันทำถูกต้องไหม เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคไหมคะ
3. แล้วถ้าถือเป็นการหลอกลวงจริง เราควรแจ้ง คปภ. ไหมคะ