ไปภูเก็ตรอบนี้อลิสจองกับโรงแรม Sugar Marina ค่ะ ราคาโปรโมชั่นขึ้นอยู่กับแพคเกจที่เลือกและช่วงเวลาการเดินทาง 
แนะนำให้สอบถามกับทางโรงแรมโดยตรงค่ะ ส่วนตัวลิสเลือกของที่นี่เพราะโปรแกรมตอบโจทย์ค่ะ

สำหรับโปรแกรมที่อลิสเป็นโปรแกรม 3 วัน 2 คืน โดยได้รับ
– ห้องพัก 2 คืน (รวมอาหารเช้า)
– one day trip เรือยอร์ช catamaran  
– บริการรถพร้อมคนขับ 8 ชม. (แพลนเองได้ค่ะว่าอยากไปที่ไหน) 
– บริการรถรับ/ส่งสนามบิน

ทั้งหมดนี้อลิสเสียค่าใช้จ่าย 2400 บาท/คน เพราะใช้โครงการเราเที่ยวด้วยกันค่ะ

ส่วนใน 3 วันนี้อลิสไปไหนและทำอะไรบ้าง เราจะมาเล่าให้ฟังค่ะ 

เนื่องจากไม่อยากตื่นเช้าบินสาย กว่าจะถึงโรงแรม เช็คอินเก็บกระเป๋าก็เที่ยงกว่า
เล่นเอาซะท้องร้องเต็มพิกัดแล้วค่ะ มื้อแรกในภูเก็ต ขนมจีนสะพานหิน
สำหรับอลิสที่ทานเผ็ดได้ระดับอนุบาล เจ้านี้หอมเครื่องแกงมากๆแต่ไม่เผ็ดจนเกินไปค่ะ
มีผักแกล้มฟรี แต่ไข่ต้มและเครื่องดื่มต้องซื้อแยกนะคะ
เราทานกันไปคนละ 2 จาน น้ำยาปู 1 น้ำพริก 1 แต่น้ำพริกค่อนข้างต่างจากกรุงเทพฯ
รสชาติไม่ค่อยคุ้นชินปาก แนะนำน้ำยาปูดีกว่าค่ะ มื้อนี้คนละ 110 บาท



ท้องอิ่มแล้วเที่ยวต่อได้ เราเข้าไปในเมืองกันที่ Phuket Old Town ไม่ว่ามาภูเก็ตกี่ครั้ง
เราเชื่อว่าทุกคนก็ต้องวนกลับมาที่นี่ค่ะ เพราะปฎิเสธไม่ได้เลยว่านอกจากทะเล
แลนด์มาร์กของภูเก็ตก็คือตึกชิโนโปตุกีสสวยๆแถบนี้แหละค่ะ 
อลิสเดินเล่นอยู่แถวนี้ถึงเกือบ 2 ชั่วโมงเลย ก่อนที่จะต้องหนีกลับเพราะฝนตกหนัก



หลังฝนซาก็เริ่มเย็น มื้อกลางวันอย่างขนมจีนย่อยหมดแล้ว ลิสเลยชวนเพื่อนเดินไปร้านอาหาร
ที่รีเสิชมาจากกรุงเทพว่าคน local ทานร้านนี้กันค่ะ ซึ่งน่าจะ local จริงๆ ร้านหายากเชียว 5555
สวนอาหารป๋าป้อม ใครพักแถวกะตะ อลิสแนะนำร้านนี้เลย
มีแกงส้มปลากระพง กุ้งทอดน้ำปลา และใบเหลียงผัดไข่ของโปรดเราค่ะ
2 คน 3 อย่าง 590 บาทอิ่ม อร่อย ราคาดี แถมเจ้าของร้านมีบริการขับรถไปส่งโรงแรม
แบบไม่คิดค่าใช้จ่ายเพราะเราเห็นว่ามืดแล้วเลยจะเรียกแกรปด้วย



เช้าวันที่ 2 วันที่เป็นวันออกไปทริปเรือยอร์ชกันค่ะ เรือยอร์ชที่นั่งไปเป็น เรือยอร์ช catamaran  
โดยมีพี่ไกด์คนท้องถิ่นที่น่ารักอย่าง พี่เจนนี่ คอยดูแลเราตลอดทริป แถมมีช่างภาพให้บริการฟรีด้วยค่ะ
พี่ๆกลุ่มนี้มาจากบริษัท Phuket Honeymoon เผื่อใครสนใจจองแยกกับโรงแรมก็ติดต่อได้ค่ะ
เรือกว้างขวางมาก ไม่เบียดคน  ไม่ต้องกลัวโควิด มีอาหารกลางวัน น้ำ และผลไม้ให้บริการทั้งวัน
(แต่ขอโทษที่ไม่มีรูปในเรือเลยนะคะ เรากลัวถ่ายติดคนอื่นจะผิด PDPA เอาได้)



เกาะที่ฮอตและเป็นกระแสที่สุดในภูเก็ตตอนนี้ คงหนีไม่พ้น Banana Beach เกาะเฮ 
เพราะมีภาพ น้องลิซ่า BLACKPINK มาเที่ยวส่วนตัวค่ะ เกาะนี้มีรีสอร์ทตั้งอยู่ 
ทำให้มีมุมถ่ายรุปเยอะมากๆ อลิสเลยขอมาโพสต์ท่าแข่งกับน้องบ้าง ถึงจะน่ารักสู้น้องไม่ได้ก็ตามค่ะ ฮี่ๆ



จริงๆในทริปมีหน้ากากดำน้ำและเสื้อชูชีพให้ดำน้ำ แต่เพราะน้ำขึ้นน้ำลงไว เราจอดสนิท เมาเรือค่ะ
ทำให้พลาดโอกาสดำน้ำไป แต่ตกเย็นก็มีพระอาทิตย์สวยๆให้ดู บรรยากาศโรแมนติกเหมาะกับมาเดทสุดๆ
แต่ติดอยู่ที่เรามันไม่มีใคร ฮ่า เลยมากับเพื่อนกันสองคนค่ะ มิตรภาพอันเหนียวแน่น!



มื้อเย็นและมื้อเช้า ที่อลิสขอเก็บมาเล่าพร้อมกัน เพราะกินข้าวเช้าฟรี 1 มื้อก่อนไปลงเรือแล้วถูกใจ
หลังจากกลับมาเลยบอกเพื่อนว่า "ไม่ไปไหนแล้วนะ ทานนี่แหละ" อาหารฝรั่งโรงแรม Marina Hotel อร่อยมากค่ะ
egg benedict toast ที่อลิสติดใจกินเป็นอาหารเช้าถึง 2 วันติด มื้อเย็นมีโอกาสได้สั่งสเต็กเนื้อ
ที่เนื้อย่างมาพอดีมากๆ ทานกับ Lemon & Dill Butter คือแสงออกปากค่ะ ฟินไม่ไหว 
ใครที่พักโรงแรมนี้แนะนำทานอาหารโรงแรมได้ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ



เริ่มวันสุดท้าย เราไปนั่งเล่นที่ หาดเมอร์ลิน ด้วยความที่เป็นกึ่งๆหาดส่วนตัว เพราะเป็นชายหาดหน้าโรงแรม marriott
คาเฟ่ทุ่งดอกปอเทือง หรือดอกไม้เหลืองสวยที่ทุกคนเห็นกันในหลายๆรีวิวคือบนเนินภาพซ้ายมือค่ะ
ไม่มีความเหลืองเพราะร้านปิดกิจการไปแล้ว เพราะพิษเศรษฐกิจช่วงโควิด
ใครจะมาแชะภาพมุมนี้อาจจะต้องผิดหวังค่ะ แต่ส่วนตัวเราก็ยังชอบบรรยากาศของหาดที่เงียบสงบนะคะ



จุดชมวิวเขารัง สถานที่สุดท้ายก่อนบินกลับคือการชมวิวทั้งเมืองและวิวทะเลด้วย
พร้อมโบกมือลาจังหวัดที่ทรัพยากรธรรมชาติสวยไม่แพ้หลายๆจังหวัดเลยทีเดียว
มารอบนี้มาพร้อมกับฝน โชคไม่ค่อยดีค่ะ หวังว่ามารอบหน้าอากาศดี 
จะได้มีโอกาสปีนแหลมกระทิงกับเค้าบ้างนะคะ


ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ตั๋วเครื่องบินเราบินกับไทยสไมล์ ราคาไปกลับ รวมนน.กระเป๋า 20 กก. อยู่ที่ 2150 บาท/ คน 

รวมทริปนี้ใช้งบไป 5,760 บาทไม่รวมของฝากค่ะ  

อลิสมีทำเป็น VLOG บรรยายสั้นๆ 3 นาทีไว้ให้เผื่อเพื่อนๆที่ชอบฟังมากกว่าอ่านด้วยนะคะ
จิ้มได้ที่ลิ้งนี้เลยค่ะ ภูเก็ตในวันที่ไม่มีใคร

 ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่อ่านจนจบ พบกันใหม่ทริปหน้าค่ะ 
อลิส.