Day 1:
ไฟล์ทไป-กลับได้ใช้บริการของสายการบิน Lion Air ไฟล์ทไปโชคดีค่ะได้นั่งเครื่องลำใหญ่พื้นที่นั่งกว้างกว่าลำเล็กมีจอให้เลือกดูภาพยนตร์ด้วย ส่วนโชคร้ายคือไฟล์ทกลับมีข่าวออกมาสดๆร้อนก่อนกลับกทม.ว่า สายการบิน Lion Air เครื่องบินตกลงทะเลที่ประเทศอินโดนีเซีย ร้อนๆหนาวๆ Final destination กันเลยค่ะตอนไฟล์ทขากลับ ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์เครื่องบินตกครั้งนี้ด้วยค่ะ

ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ครึ่งก็ถึงสนามบินนานาชาติภูเก็ตค่ะ แต่ยังดูหนังไม่จบเลย555+ เครื่องลงที่หาดไม้ขาวซึ่งเป็นสถานที่ที่เครื่องบินlandingระยะประชิดสามารถถ่ายรูปคู่กับเครื่องบินได้อย่างเว่อร์วังอลังกาล แต่สจ๊วตผู้น่ารักแนะนำว่าควรมาถ่ายรูปช่วง 4-6 โมงเย็นแดดจะไม่ร้อน เราเลยตัดโปรแกรมนี้ไปวันสุดท้าย แต่พอถึงวันนั้นเรามาเกือบพลบค่ำและต้องเดินเข้าไปที่หาดอีกครึ่งชม. ภาพที่เห็นจึงออกมาเป็นเช่นนี้555+ แต่ภาพเครื่องบินที่บินผ่านสายตาและเฉียดหัวระยะประชิดไปถือว่าคุ้มค่ามากค่ะ แนะนำให้ดูว่าเครื่องบินลงฝั่งไหนจาก http://www.flightradar24.com/8.12,98.33/13 ซึ่งเป็นข้อมูล real time เลยค่ะ


ต่อจากนั้นเราได้ไปติดต่อเรื่องรถเช่าของ บ.Bizcar  ซึ่งได้ราคาเช่าต่อวันถูกมากในงานไทยเที่ยวไทยค่ะ สิ่งแรกที่ไปถึงภูเก็ตคือกินค่ะ ร้านอาหารแรกที่ไปชื่อร้านบังหมุดซึ่งต้องนั่งเรือไปทานบนแพ เมนูที่ชอบมากคือปลากะพงสดมาก และทางร้านสามารถทำแยกเป็นเมนูนึ่งมะนาวและเมนูทอดอย่างละครึ่งตัวให้ค่ะ อาหารโดยรวมถือว่าสด รสชาติดี ราคามาตรฐาน

ทานอิ่มแล้วเราก็เดินทางไปไหว้พระที่วัดไชยธาราราม หรือวัดฉลอง ซึ่งมีพระมหาธาตุเจดีย์ที่สวยงาม แล้วจึงเดินทางไปเพื่อ check in ที่อ่าวฉลองวิลล่าแอนด์สปา เพราะโรงแรมนี้ตั้งอยู่ใกล้ท่าเรืออ่าวฉลองที่เราจะไปขึ้นเรือวันพรุ่งนี้ค่ะ ตกเย็นท้องร้องก็ได้เวลาที่เราต้องไปทานอาหารก่อนนอนที่ร้านกล้วยน้ำว้าค่ะ เมนูเด็ดร้านนี้คือปีกไก่น้ำว้า ภายในไก่ยัดไส้ด้วยทอดมันรสชาติเข้ากันดีมากค่ะ และการตกแต่งจานข้าวได้สวยงามน่าทานมาก

Day 2:
แหกตาตื่นแต่เช้าเพื่อเก็บกระเป๋าเดินทางไปขึ้นเรือยอร์ชที่จองไว้กับเฟรนลี่ทัวร์ในงานไทยเที่ยวไทยที่ท่าเรืออ่าวฉลองค่ะ พอถึงท่าเรือโอ้โหทัวร์ลงเยอะมาแทบจะไม่มีคนไทยเลย ส่วนมากจะเป็นทัวร์จีน แต่ไกด์บอกว่านี่ถือว่าน้อยมากแล้วเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนค่ะ ไกด์ได้พานั่งรถสองแถวเพื่อไปขึ้นเรือยอร์ชซึ่งถือว่าโชคดีคนน้อยทั้งลำมีทั้งหมด 10 คน ดังนั้นพื้นที่บนเรือจึงไม่แออัด สามารถเดินชมวิวถ่ายรูปได้สบายๆค่ะ นั่งเรือไปชมวิวไปเรื่อยๆไกด์เรียกให้ไปตกปลาค่ะ แต่เบ็ดขาดไกด์เลยเรียกให้เอาปลาไปถ่ายรูปเล่นๆค่ะ จุดแรกที่ลง snorkeling คือบริเวณรอบๆเกาะไม้ท่อน น้ำใส ปลาเยอะ แต่คลื่นแรงและปะการังไม่สวยมากค่ะ จุดต่อไปคือขึ้นเกาะเฮเพื่อทานอาหารกลางวันและเล่น Parasailingค่ะ สนุกเหมือนเราบินได้ เสียวและฟินมากก.ไก่ล้านตัว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม scuba diving, sea walker และพายเรือคายัคใสค่ะ แอบลงรายละเอียดราคามาให้ดูนะคะ แต่ได้จองกับทัวร์ไว้ราคาจึงถูกกว่านี้ค่ะ โดยรวมทางเรือและไกด์ดูแลดีมากให้คำแนะนำ รับฝากของดูแลตลอด ขากลับมีของว่างเป็นปูอัดและผลไม้ให้ด้วยค่ะ

เย็นแล้วเราจึงไปดูพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรมเทพต่อค่ะ คนมหาศาลมากแต่คุ้มกับวิวหลักล้านค่ะ ตกเย็นหิวมากขับรถผ่านร้านข้าวต้มแห้งโกเบนซ์แต่เห็นคิวแล้วเปลี่ยนใจไปทานร้านก๋วยเตี๋ยวชากังราวต้มยำกระดูกหมู ราคาไม่แพงและแซ่บมากค่ะ อิ่มแล้วก็ถึงเวลาไป Check in นอนที่ Cape Panwa ห้องกว้างและสวยมากและมีอ่างจากุชชี่ตรงระเบียงห้องสมกับราคาห้องที่ราคาสูงที่สุดในทริปนี้ โดยเฉพาะอาหารเช้าเด็ดมากนั่งกินเป็นชั่วโมงถือว่าคุ้มค่ะ555+

Day 3:
เดินทางเข้าเมืองเพื่อไปถ่ายรูปที่ Street art และ กิน กิน กินค่ะ
พอเข้าเมืองภูเก็ตก็ต้องทานติ่มซ่ำและมีคนแนะนำร้าน Pancake Conner เป็นแพนเค้กกะทะร้อนกับไอศรีมเข้ากันดีมากค่ะ กินอิ่มมีแรงเดินแล้วเราก็เปิดดูแผนที่ที่ตั้งรูปภาพGraphicบนกำแพงของ Street art แต่สุดท้ายก็ไปได้แค่ 3 ที่ ต่อด้วยเดินทางไปหาดไม้ขาวเพื่อถ่ายรูปกับเครื่องบิน Landing ปรากฎว่าไปเย็นเกินไปภาพเลยมืดมากและโมโหหิวมากเลยกลับเข้าเมืองมาทางอาหารร้านดัง ร้านตู้กับข้าว เมนูเด็ดคือหมี่หุ้นแกงปู เนื้อปูมาเต็มๆค่ะ อิ่มแล้วเราจึงเดินทางไปสนามบินเพื่อกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพค่ะ