มีประโยคนึงที่ผู้ใหญ่ควรฟัง
ผมหงอกบอกถึงอายุ ไม่ได้บอกถึงสติปัญญา

คนละวัยกัน มองไม่เหมือนกันก็ถูกต้องแล้ว สมมติอายุห่างกันสัก 30ปีนะ

ถ้าสมัยแม่เป็นวัยรุ่น สัก พ.ศ.2535
- ยังไม่มี Internet ยังไม่มีมือถือ ที่ใช้งานง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว การติดต่อที่สะดวกที่สุดคือ ตู้หยอดเหรียญ เบอร์โทรบ้าน 02 แล้วก็ไม่ใช่ว่าทุกบ้านจะมีโทรศัพท์ !!!!
- ไม่มีห้างเยอะขนาดนี้ ไม่มีขนมอร่อยๆ ที่หากินง่ายๆ ทุกมุมเมือง ของดีที่ไหนก็ต้องไปซื้อที่นั่น เช่น หมูหยองโคราชก็ต้องไปซื้อโคราช ข้าวหลามอร่อย ก็ต้องไปหนองมน
- เพิ่งจะมี 7-11 ได้แค่ ~5 ปี และหายากมาก
- ยังไม่มี Mobile banking จะฝากจะถอน ต้องเดินเข้าธนาคาร อยากรู้ว่าใครโอนเงินมา ต้องเอาสมุดไปปรับที่ตู้หน้าธนาคาร เสาร์อาทิตย์ทำธุรกรรมไม่ได้ต้องรอวันจันทร์ เพราะยังไม่มีแบงก์ในห้าง
- ปี 2535 ยังไม่มีรถไฟฟ้าใช้งานเลย !!
่- ฯลฯ อีกเยอะแยะมากมาย

คือบริบท และสังคมมันต่างกันลิบลับ  แล้วทำไมถึงคิดว่าแม่กับเราต้องคิดเหมือนกันด้วยละ พี่ว่าคิดต่างกันอ่ะมันถูกต้องที่สุดแล้วนะ แต่การคิดที่แตกต่างกัน ก็ไม่จำเป็นต้องเถียงกันให้แม่หรือเราชนะ แม่ก็คิดถูกในวัยของแม่ที่เห็นโลกมาแบบนั้น เราก็คิดถูกต้องในวัยของเรา หลายอย่างพอแม่แก่แล้ว แม่ไม่สามารถเรียนรู้อะไรใหม่แบบเราได้ก็ต่างคนต่างคิดเราก็ไม่สามารถเห็นโลกแบบสมัยแม่ได้  เพราะฉะนั้นไม่ต้องเถียงให้เราชนะแม่ก็ได้ แค่ฟังๆ ไปเฉยๆก็พอ

และบางที ไม่บางทีหรอก แทบจะทุกคนในสมัยนั้น มันจะมีคำพูดแบบนี้ ...อาบน้ำร้อนมาก่อน, เถียงไปก็ไม่เจริญ ฯลฯ เป็นคำสามัญของเค้ามากๆ ฟังแล้วจะตลกๆ แต่พี่รับรองว่าอีกหน่อยเราแก่ขึ้นจะอินกับมันเอง 5555