เริ่มเรื่องเลยคือญาติฝ่ายพ่อ(พ่อเราเสียไป 20 กว่าปีแล้ว) เค้าเป็นโสด แล้วเมื่อช่วงต้นปีเพิ่งตรวจเจอว่าเป็นมะเร็งเต้านม(แม่กับพี่ชายเราเป็นคนพาไปหาหมอ) พอตรวจเจอหมอก็นัดรักษาไปตามอาการ บ้านเราอาจจะไปได้เป็นคนพาไปรักษาแต่ก็ซัพพอร์ตเรื่องเงินมาตลอด(เดือนนึงเป็นหมื่น) แล้วมาช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาแกเดินไม่ได้กลายเป็นคนไข้ติดเตียง แกก็ยังโทรมาขอเงินบ้านเราเรื่อยๆ(รายเดือนคือให้ไปแล้ว) ขอค่าไปหาหมอ ค่าโรงพยาบาล ให้ซื้อแพมเพิตให้ จะเอานมสำหรับคนไข้มะเร็งโดยเฉพาะ(ป๋องนึงเกือบพัน กินได้ 3 วัน) บ้านเราก็เออให้ไป เพราะเห็นแก่ว่าบ้านเราไม่มีเวลาพาแกไปหาหมอ แล้วแกก็เป็นน้องพ่อ
แต่มาถึงจุดที่เราคิดว่าเราไม่ไหวคือแกต้องไปหาหมอที่ต่างจังหวัด แล้วหลานแกอีกบ้านนึงพาไป (ก่อนไปเราก็ให้เงินค่ารักษาแกไปแล้ว ) หลานแกมาขอเบิกค่าน้ำมัน ค่ารักษา จากบ้านเรา พอเราบอกว่าก็ไปเอากับแกดิ เราจ่ายไปแล้ว เค้าดันมาว่าบ้านเราไม่รับผิดชอบ เงินที่ให้แกคือสมัครใจให้แกเอง อันนี้แยกกัน ตัวคนไข้เองแกก็โทรมาขอจากแม่เราว่าให้ไปช่วยค่าน้ำมันกับบ้านโน้น (ทั้งๆที่บ้านโน้นก็บ้านน้องสาวแท้ๆของแกนี่แหละ แถมรวยกว่าบ้านเราอีก) พอแม่เรากับบ้านเราไม่ให้ก็ด่าสารพัด แถมขู่อีกประมาณว่า(ที่ทำงานกับบ้านพวกกูไม่ไปแต่อย่าให้เจอข้างนอกนะ กูไม่ไว้แน่)
ตัวคนไข้ก็เหมือนกัน สมบัติทุกอย่างให้บ้านโน้น แต่พอเงินจะเอาแต่จากบ้านเรา ตอนดีๆบอกบ้านเราพี่ชายเค้า(พ่อเรา)เสียไปแล้วก็ไม่มีไรกันแล้ว ยังไงก็ต้องให้น้องสาวเค้า แต่พอทีแบบนี้ จะเอาแต่บ้านเรา แถมบ้านเราไม่ได้มีฐานะอะไรเลย
เราเลยปรึกษากับที่บ้านว่างั้นก็ตัดญาติไปเลยเหอะ ถือว่าไม่มีญาติฝ่ายพ่อไปเลย (เพราะปกติมีก็เหมือนไม่มี เวลาบ้านเรามีปัญหา บ้านจะถูกยึด ก็มีแต่ญาติใ่ายแม่ที่เข้ามาช่วยเหลือ) แต่แม่แกก็กลัวขี้ปากชาวบ้านว่าสอนให้ลูกเกลียดบ้านพ่อ (ความจริงคือพวกเราเห็นเองนี่แหละว่ามีก็เหมือนไม่มี เรื่องเงินทองมาขูดเอาจากบ้านเรา แต่ความดีที่ไปอาบน้ำให้ เช็ดทำความสะอาดตอนติดเตียงให้ไม่เคยเอามาพูดถึง เวลาชมกับคนนอกก็ชมแต่บ้านโน้น ทั้งๆที่บ้านโน้นไม่เคยมาเช็ดอะไรแบบนี้ให้ ขนาดไปรักษาต่างจังหวัดยังเอารถไป 2 คัน เพราะเค้าบอกว่าเค้าทนกลิ่นแบบนี้ไม่ได้)

เราควรทำไงดี ตัดไปเลย หรือ เฉยๆไปก่อน