ในคลิปหลายๆคลิปที่พระอาจารย์ พูดถึง มิจฉาทิฏฐิ แบบต่างๆ มาอธิบายให้เข้าใจง่ายๆว่า แบบไหน เรียกว่าอะไร หาฟังได้ตามกระทู้ล่างๆของกระผมนะครับ
- ทำให้นึกถึงพระสูตรแรกในพระสุตตันตปิฎกเรื่องพรหมชาลสูตร ที่เพราะระลึกชาติได้มากสุดแต่ไม่เห็นหมดจดเหมือนพระพุทธเจ้าจึงเกิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ 1 ใน 62
- และพระอาจารย์กล่าวถึง ทางสายกลาง ซึ่งไม่ สัสสตะ และ อุจเฉทะ ทิฏฐิ ผมงี้นั่งฟังตาปริบๆ พยักหน้าหงึกหงัก
- จริงด้วย สัมมาทิฏฐิ แบบพระพุทธเจ้าคือ ทางสายกลาง ทางสายกลางยังไง ก็ฟังพระอาจารย์ ที่บรรยายเรื่อง พุทธปรัชญา พูดถึง
- เมื่อได้มาฟัง พระอาจารย์ ป ปยุตโต ท่านสอนเรื่องอะไรจำไม่ได้แล้วในคลิปในกระทู้ของผมนี้แหละครับ ได้ประโยชน์มาก ท่านสอนไปยิ้มไป ผมก็นั่งฟังตาปริบๆ ด้วยความสนใจ
- เห็นจริงว่า การจะเป็นสัมมาทิฏฐิ นี้ยากยิ่งจริงๆ ต้องมีความรู้เรื่องปรมัตถธรรมดีพอถึงจะทำความเข้าใจได้ในขณะฟัง (ฟังแล้วแป๊บเดียวลืมก็ฟังอีกในกาลต่อไป)
- ฟังแล้วก็จะเบาใจ เพราะเข้าใจยุควิทยาศาสตร์ ที่เน้นฟิสิคส์ เคมี แล้วมีชีวะ เป็นต้น
- เข้าใจบริบทในยุคปัจจุบัน สำหรับผมไม่ได้มีความตั้งใจที่จะสอนพระพุทธศาสนาให้กับใคร แต่มีความตั้งใจเพียงศึกษาพระพุทธศาสนาให้มีความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งตามความสนใจของกระผม ซึ่งทำให้ได้พบกับท่านกัลยาณมิตรหลายท่านในนี้ได้เพิ่มเติม ได้ชี้แนะ ด้วยความเมตตากรุณา สมกับเป็นครู เป็นกัลยาณมิตร เป็นสหชาติ ก็นึกชมเชยบุญของตัวเองอยู่เนืองๆ
- ทาน ศีล และภาวนาของผมแบบเด็กๆของผมก็กระทำอยู่ต่อไป
- แต่ สัมมาทิฏฐิ นี้แหละที่จะต้องรีบสร้างให้เกิดขึ้นโดยไม่ตกไปในทิฏฐิ 62 โดยความโม่รู้ไม่เข้าใจของตนเองด้วยมานะทิษฐิ(สังขารฝ่ายไม่ดีที่ประกอบกับจิต)
- มิน่าหละ พระพุทธเจ้าจึงยก สัมมาทิฏฐิ เป็นองค์แรก แม้อาจารย์สอนพระอภิธรรมก็ยกเลยว่า สัมมาทิฏฐิ นี้แหละเป็นองค์แรก ซึ่งกระผมเห็นแล้วว่าสำคัญเป็นองค์แรกของมรรคมีองค์ 8 (ผมยังเป็นปุถุชนอยู่ใช้ มรรค ถ้าเป็นพระอรหันต์ก็คงใช้ อริยมรรค นะครับ)
- ถ้าผมไม่เรียนรู้เอง โชคดีที่มีให้เรียนรู้เองได้ ผมก็จะถูกคนบ้าหลอกเอาได้ (โดนคนบ้าหรอกมาตั้งแต่เด็กจนแก่) เมื่อเรียนแล้วแม้จะถูกคนบ้าตามราวี ก็ได้ใช้สิ่งที่เรียนพระธรรมของพระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวกในพระไตรปิฎก และพระจริยวัตรของพระพุทธเจ้า มหาอัปปทาน ซึ่งเป็นความรู้ความเข้าใจ รวมถึงข้อแนะนำของท่านกัลยาณมิตรหลายๆท่านในที่นี้ ก็ได้ใช้มาโยนิโสมนสิการ รวมถึงใช้โยนิโสมนสิการในชีวิตประจำวันด้วยเมื่อเจอ ดี กับ เจอไม่ดี ตามกำลังของสติสตังค์ที่มี ณ ตอนนั้นๆ
- ถ้าผมเชื่อคนง่าย ว่าอย่าไปเรียนเยอะ ปฏิบัติเยอะๆ ป่านนี้คงไปไกล(เข้าป่าไปลึกหาทางออกไม่ได้)อย่างแน่นอน
- การบรรลุธรรมก็มีหลายอย่างครับ จะไปทางไหน ตามที่พระพุทธเจ้าท่านชี้แนวไว้ ก็สามารถบรรลุธรรมได้
- บางท่านก็นึกว่าบรรลุแล้ว บางท่านก็บรรลุจริง ก็ว่ากันไปครับ สำหรับกระผมไม่รีบครับ
- พระอาจารย์ อธิบดี มจร.บอกว่า ยุคนี้แค่ สัมมสนญาน นี่ก็สุดยอดแล้ว
- ---
ประโยชน์ที่ได้รับจากการฟังพุทธปรัชญา
- ทำให้นึกถึงพระสูตรแรกในพระสุตตันตปิฎกเรื่องพรหมชาลสูตร ที่เพราะระลึกชาติได้มากสุดแต่ไม่เห็นหมดจดเหมือนพระพุทธเจ้าจึงเกิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ 1 ใน 62
- และพระอาจารย์กล่าวถึง ทางสายกลาง ซึ่งไม่ สัสสตะ และ อุจเฉทะ ทิฏฐิ ผมงี้นั่งฟังตาปริบๆ พยักหน้าหงึกหงัก
- จริงด้วย สัมมาทิฏฐิ แบบพระพุทธเจ้าคือ ทางสายกลาง ทางสายกลางยังไง ก็ฟังพระอาจารย์ ที่บรรยายเรื่อง พุทธปรัชญา พูดถึง
- เมื่อได้มาฟัง พระอาจารย์ ป ปยุตโต ท่านสอนเรื่องอะไรจำไม่ได้แล้วในคลิปในกระทู้ของผมนี้แหละครับ ได้ประโยชน์มาก ท่านสอนไปยิ้มไป ผมก็นั่งฟังตาปริบๆ ด้วยความสนใจ
- เห็นจริงว่า การจะเป็นสัมมาทิฏฐิ นี้ยากยิ่งจริงๆ ต้องมีความรู้เรื่องปรมัตถธรรมดีพอถึงจะทำความเข้าใจได้ในขณะฟัง (ฟังแล้วแป๊บเดียวลืมก็ฟังอีกในกาลต่อไป)
- ฟังแล้วก็จะเบาใจ เพราะเข้าใจยุควิทยาศาสตร์ ที่เน้นฟิสิคส์ เคมี แล้วมีชีวะ เป็นต้น
- เข้าใจบริบทในยุคปัจจุบัน สำหรับผมไม่ได้มีความตั้งใจที่จะสอนพระพุทธศาสนาให้กับใคร แต่มีความตั้งใจเพียงศึกษาพระพุทธศาสนาให้มีความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งตามความสนใจของกระผม ซึ่งทำให้ได้พบกับท่านกัลยาณมิตรหลายท่านในนี้ได้เพิ่มเติม ได้ชี้แนะ ด้วยความเมตตากรุณา สมกับเป็นครู เป็นกัลยาณมิตร เป็นสหชาติ ก็นึกชมเชยบุญของตัวเองอยู่เนืองๆ
- ทาน ศีล และภาวนาของผมแบบเด็กๆของผมก็กระทำอยู่ต่อไป
- แต่ สัมมาทิฏฐิ นี้แหละที่จะต้องรีบสร้างให้เกิดขึ้นโดยไม่ตกไปในทิฏฐิ 62 โดยความโม่รู้ไม่เข้าใจของตนเองด้วยมานะทิษฐิ(สังขารฝ่ายไม่ดีที่ประกอบกับจิต)
- มิน่าหละ พระพุทธเจ้าจึงยก สัมมาทิฏฐิ เป็นองค์แรก แม้อาจารย์สอนพระอภิธรรมก็ยกเลยว่า สัมมาทิฏฐิ นี้แหละเป็นองค์แรก ซึ่งกระผมเห็นแล้วว่าสำคัญเป็นองค์แรกของมรรคมีองค์ 8 (ผมยังเป็นปุถุชนอยู่ใช้ มรรค ถ้าเป็นพระอรหันต์ก็คงใช้ อริยมรรค นะครับ)
- ถ้าผมไม่เรียนรู้เอง โชคดีที่มีให้เรียนรู้เองได้ ผมก็จะถูกคนบ้าหลอกเอาได้ (โดนคนบ้าหรอกมาตั้งแต่เด็กจนแก่) เมื่อเรียนแล้วแม้จะถูกคนบ้าตามราวี ก็ได้ใช้สิ่งที่เรียนพระธรรมของพระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวกในพระไตรปิฎก และพระจริยวัตรของพระพุทธเจ้า มหาอัปปทาน ซึ่งเป็นความรู้ความเข้าใจ รวมถึงข้อแนะนำของท่านกัลยาณมิตรหลายๆท่านในที่นี้ ก็ได้ใช้มาโยนิโสมนสิการ รวมถึงใช้โยนิโสมนสิการในชีวิตประจำวันด้วยเมื่อเจอ ดี กับ เจอไม่ดี ตามกำลังของสติสตังค์ที่มี ณ ตอนนั้นๆ
- ถ้าผมเชื่อคนง่าย ว่าอย่าไปเรียนเยอะ ปฏิบัติเยอะๆ ป่านนี้คงไปไกล(เข้าป่าไปลึกหาทางออกไม่ได้)อย่างแน่นอน
- การบรรลุธรรมก็มีหลายอย่างครับ จะไปทางไหน ตามที่พระพุทธเจ้าท่านชี้แนวไว้ ก็สามารถบรรลุธรรมได้
- บางท่านก็นึกว่าบรรลุแล้ว บางท่านก็บรรลุจริง ก็ว่ากันไปครับ สำหรับกระผมไม่รีบครับ
- พระอาจารย์ อธิบดี มจร.บอกว่า ยุคนี้แค่ สัมมสนญาน นี่ก็สุดยอดแล้ว
- ---