ตามหัวข้อเลยครับ ผมไม่ได้เหนื่อยอะไรนะครับตอนนี้ แค่อยากเล่าอะไรเรื่อยเปื่อยให้ใครสักคนได้อ่าน
ผมมีโอกาสได้คุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธออายุมากกว่าผม 3 ปี เค้าอายุ 25 ผมอายุ 22 ปี การที่ได้คุยกันเริ่มจากการที่เค้าจีบผม ซึ่งตอนคุยกันแรกๆ ผมบอกเค้า ผมรู้ตัวผมดี ว่าไม่ใช่คนดีอะไร หน้าตาก็เฉยๆ ไม่ได้รวย และชวนคุยก็ไม่เก่ง เอาง่ายๆเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อคนนึงเลยก็ว่าได้ อีกอย่างยังมีผู้ชายอีกมากมายที่ควรค่าให้เค้าจีบ
แต่เค้าก็เลือกผม เค้าบอกเค้าชอบคนนิ่งๆแบบผม และเค้าก็คอยหยอดมุกจีบต่างๆนาๆตามประสาคนคุยกันแรก ช่วงแรกเป็นผมเองที่ทำฟอร์ม เก็บอาการ ทั้งๆที่ตัวเองก็สนใจเค้าเหมือนกัน เผลอๆอาจจะสนใจเค้ามากกว่าที่เค้าสนใจผมสะอีก555 เป็นช่วงเวลา 6 เดือน ที่ราวกับว่าตัวผมกำลังนอนฝันดีอยู่ เรื่องให้ทะเลาะกันก็แทบจะไม่มีในช่วงแรก ซึ่งเป็นเค้าที่ตามใจผมอยู่เรื่อยๆ คิดอะไรในใจก็ต่างคนต่างไม่พูดออกไป ช่วงแรก ผมรู้สึกอะไรก็ไม่ค่อยพูด เลยไม่ค่อยมีเรื่องให้ทะเลาะกันสักเท่าไหร่ ซึ่งผมเป็นพวกชอบห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองอยู่แล้ว ยิ่งเป็นคนที่เรารู้สึกดีด้วยยิ่งห่วง และเป็นคนที่คิดมาก ช่วงเวลาที่คุย ผมห้ามเค้าหลายอย่าง แต่ที่ห้ามเพราะว่าผมหวังดีต่อเค้า อย่างเช่นเรื่องไปร้านเหล้าเค้าจะไปกับแก๊งค์น้องๆของเค้า เค้าเป็นประเภทที่เมาแล้วจำอะไรไม่ได้ แต่เค้าบอกว่าไม่ต้องห่วงรุ่นน้องก็อยู่ บอกเราไม่ต้องคิดมาก แต่รุ่นน้องที่เค้าบอก ก็เมาไม่ต่างจากเค้าหรอก มันทำให้เราอดห่วงไม่ได้ จนเข้าช่วงเดือน 7 เป็นช่วงที่ผมทำงานที่ทางมหาลัยให้ทำ และมีปัญหามากมายในชีวิต เลยพยายามปรับอารมณ์ทบทวนตัวเองอยู่ 4 วัน โดยที่ไม่ได้ตอบเค้าเลย ส่วนนึงเพราะไม่อยากเอาปัญหาที่เราเจอไปเล่าให้เค้าฟัง เพราะด้วยความที่ว่าเค้าเองก็มีปัญหาชีวิตที่ต้องเจอเหมือนกัน ผมจึงไม่อยากเอาปัญหาผมไปใส่สมองเค้าเพิ่ม ซึ่งแน่นอนเรื่องนี้ผมผิดเต็มๆ เค้าบอกผมว่าคุยกันมีอะไรน่าจะเล่าให้กันฟัง รู้สึกนึกคิดอะไรน่าจะบอก และเค้าก็บอกว่าเราคงต้องปรับความเข้าใจกันอีกเยอะ
หลังจากเกิดเรื่องนี้ มีหลายอย่างที่เปลี่ยนไป ส่วนนึงมาจากการที่ผมละเลยเค้าด้วยในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องตอบแชทช้า ผมก็อยากจะตีมือตัวเองแรงๆ นิสัยเสียจริงๆ และเรื่องที่ผมไม่ค่อยไปกินข้าว หรือไปเที่ยวกับเค้า ไม่ใช่ผมไม่อยากไปแต่ตอนนี้ผมเรียนอยู่ ไม่ได้มีรายได้ ผมไม่อยากให้เค้าเลี้ยงข้าวแต่ละมื้อ มันควรจะเป็นด้วยซ้ำที่ต้องเลี้ยง แน่นอนว่าเค้าไม่ได้ซีเรียสเรื่องเงิน แต่ผมไม่ได้อยากเกาะใครกิน ผมเลยไม่ได้ละ ต้องเปลี่ยนความคิดเพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์ให้มันยังคงเป็นฝันดีอยู่ ผมใส่ใจเค้ามากขึ้น ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก แต่หลังจากใส่ใจเค้า ผมมีความรู้สึกว่าเค้าเปลี่ยนไป จนมีโอกาสได้เจอกัน ผมเลยถาม ว่าความรู้สึกของเค้าที่มึต่อผมมันยังเท่าเดิมไหม ใช่ครับเค้าตอบว่า ไม่ เป็นอะไรที่รู้สึกเจ็บมากเลยครับ แต่ก็เข้าใจเค้าในเวลาเดียวกัน ผมก็ทำได้แค่ใส่ใจเค้าต่อไป เพื่อรักษาเค้าไว้ เวลามีเรื่องอะไรก็บอกเค้า รู้สึกอะไรก็บอกเค้า อะไรที่เราชอบหรือไม่ชอบ แต่แน่นอนครับ คน 2 คน ความคิดไม่ตรงกันย่อมเกิดเรื่องให้ทะเลาะ เค้าบอกช่วงหลังผมชวนทะเลาะ คือคนเราจะเข้าใจกันได้ มันก็ต้องผ่านการทะเลาะมาทั้งนั้น
ทะเลาะไปทะเลาะมา มีช่วงที่เลิกคุยกันเป็นผมเองที่บอกเค้า แต่สุดท้ายก็อยู่ไม่ไหว
จนเค้าก็บอกความคิดของเค้า ว่าเค้าไม่ชอบให้เราห้ามนู้นๆห้ามนี่ ที่ผ่านมา เค้าแค่กลัวผมไม่โอเคเวลาเค้าไปร้านเหล้า เค้ากลัวจะเสียผมไป และเค้าบอกว่าเค้าอายุ 25 ปีแล้ว อีกไม่นานก็จะ 30 เค้าควรจะสนุกกับชีวิตในช่วงนี่ เค้าอยากมีอิสระ ที่อยากทำอะไรก็ได้ทำ ไม่ใช่โดนห้ามในหลายๆเรื่อง ซึ่งเค้าก็พูดถูกทั้งหมด เป็นผมเองที่ผิด ผมห้ามเค้าในหลายๆอย่าง ทั้งๆที่ชีวิตมันเป็นของเค้า
แต่ทั้งหมดที่ห้าม มีเพียงแค่ความเป็นห่วง และหวงเค้าเท่านั้น ผมแค่หวังดี
ผมเลยปรับความคิดอีกครั้ง คือเค้าอยากทำอะไรก็ให้ทำ อยากไปร้านเหล้าก็ให้ไป จนวันนี้ เค้าไปร้านเหล้า แล้วเค้าไม่ตอบผม ผมทำได้เพียงแค่เป็นห่วง แน่นอนครับว่าเค้าไม่ได้ไปทำอะไรที่ไม่ดีแน่นอน ผมมั่นใจ แต่ที่คิดมาก เพราะผมไม่รู้ว่าเค้าอยู่ไหน เค้าถึงบ้านหรือยัง มันทำให้ผมนอนไม่หลับทั้งๆที่ผมต้องตื่นแต่เช้าไปทำธุระ
ผมเคยคิดว่าควรปล่อยเค้าไปดีไหม เพราะมีหลายอย่างที่เราเข้ากันไม่ได้ แต่ก็ทำไม่ได้ ผมขอระบุไว้ตรงนี้ว่าสำหรับผมเค้าเป็นคนดีมากคนนึง และผมไม่อยากเสียเค้าไป เวลาที่ผ่านมามันดีมาก แต่ก็รู้ครับไม่มีอะไรที่จะอยู่กับเราไปได้ตลอด และที่ผมปล่อยเค้าไปไม่ได้ ส่วนนึง เพราะยังรัก ความรู้สึกของผมที่มีต่อเค้า มันมากขึ้นทุกวัน ผมคิดเสมอว่าเราจะมีทางไปกันต่อได้ และอีกส่วนนึงเพราะรุ่นน้องที่ผมสนิทก็สนิทกับเค้า เพื่อนผมก็รู้จักเค้าหมด มันทำให้เวลาจะตัดใจมันยาก เพราะผมรับรู้เรื่องเค้าไม่จากเพื่อนก็จากรุ่นน้องที่สนิทของผม จะทำใจให้ได้ ต้องไม่ติดต่อไม่รับรู้ชีวิตของเค้า บล็อคทุกอย่าง ถึงจะพอทำให้Move onได้
หรือผมควรปล่อยให้เค้าเป็นอิสระแล้วจริงๆ และถ้าปล่อยไปผมจะอยู่ไหวหรือเปล่านะ รู้แหละแรกๆก็จะเฮิร์ทหนักหน่อย แต่พอนานๆเข้ามันจะดีขึ้น แค่อยากรู้ว่าวันไหน
ตอนนี้ผมไม่ขออะไรมาก ภาวนาให้ตอนนี้เค้านอนอยู่ที่บ้าน และภาวนาให้ตัวผมเองนอนหลับ
ผมรู้สึกว่า ฝันดีของผม มันกำลังจบลง
ความเป็นห่วง กำลังทำร้ายเค้ารวมถึงตัวเราเอง
ผมมีโอกาสได้คุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธออายุมากกว่าผม 3 ปี เค้าอายุ 25 ผมอายุ 22 ปี การที่ได้คุยกันเริ่มจากการที่เค้าจีบผม ซึ่งตอนคุยกันแรกๆ ผมบอกเค้า ผมรู้ตัวผมดี ว่าไม่ใช่คนดีอะไร หน้าตาก็เฉยๆ ไม่ได้รวย และชวนคุยก็ไม่เก่ง เอาง่ายๆเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อคนนึงเลยก็ว่าได้ อีกอย่างยังมีผู้ชายอีกมากมายที่ควรค่าให้เค้าจีบ
แต่เค้าก็เลือกผม เค้าบอกเค้าชอบคนนิ่งๆแบบผม และเค้าก็คอยหยอดมุกจีบต่างๆนาๆตามประสาคนคุยกันแรก ช่วงแรกเป็นผมเองที่ทำฟอร์ม เก็บอาการ ทั้งๆที่ตัวเองก็สนใจเค้าเหมือนกัน เผลอๆอาจจะสนใจเค้ามากกว่าที่เค้าสนใจผมสะอีก555 เป็นช่วงเวลา 6 เดือน ที่ราวกับว่าตัวผมกำลังนอนฝันดีอยู่ เรื่องให้ทะเลาะกันก็แทบจะไม่มีในช่วงแรก ซึ่งเป็นเค้าที่ตามใจผมอยู่เรื่อยๆ คิดอะไรในใจก็ต่างคนต่างไม่พูดออกไป ช่วงแรก ผมรู้สึกอะไรก็ไม่ค่อยพูด เลยไม่ค่อยมีเรื่องให้ทะเลาะกันสักเท่าไหร่ ซึ่งผมเป็นพวกชอบห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองอยู่แล้ว ยิ่งเป็นคนที่เรารู้สึกดีด้วยยิ่งห่วง และเป็นคนที่คิดมาก ช่วงเวลาที่คุย ผมห้ามเค้าหลายอย่าง แต่ที่ห้ามเพราะว่าผมหวังดีต่อเค้า อย่างเช่นเรื่องไปร้านเหล้าเค้าจะไปกับแก๊งค์น้องๆของเค้า เค้าเป็นประเภทที่เมาแล้วจำอะไรไม่ได้ แต่เค้าบอกว่าไม่ต้องห่วงรุ่นน้องก็อยู่ บอกเราไม่ต้องคิดมาก แต่รุ่นน้องที่เค้าบอก ก็เมาไม่ต่างจากเค้าหรอก มันทำให้เราอดห่วงไม่ได้ จนเข้าช่วงเดือน 7 เป็นช่วงที่ผมทำงานที่ทางมหาลัยให้ทำ และมีปัญหามากมายในชีวิต เลยพยายามปรับอารมณ์ทบทวนตัวเองอยู่ 4 วัน โดยที่ไม่ได้ตอบเค้าเลย ส่วนนึงเพราะไม่อยากเอาปัญหาที่เราเจอไปเล่าให้เค้าฟัง เพราะด้วยความที่ว่าเค้าเองก็มีปัญหาชีวิตที่ต้องเจอเหมือนกัน ผมจึงไม่อยากเอาปัญหาผมไปใส่สมองเค้าเพิ่ม ซึ่งแน่นอนเรื่องนี้ผมผิดเต็มๆ เค้าบอกผมว่าคุยกันมีอะไรน่าจะเล่าให้กันฟัง รู้สึกนึกคิดอะไรน่าจะบอก และเค้าก็บอกว่าเราคงต้องปรับความเข้าใจกันอีกเยอะ
หลังจากเกิดเรื่องนี้ มีหลายอย่างที่เปลี่ยนไป ส่วนนึงมาจากการที่ผมละเลยเค้าด้วยในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องตอบแชทช้า ผมก็อยากจะตีมือตัวเองแรงๆ นิสัยเสียจริงๆ และเรื่องที่ผมไม่ค่อยไปกินข้าว หรือไปเที่ยวกับเค้า ไม่ใช่ผมไม่อยากไปแต่ตอนนี้ผมเรียนอยู่ ไม่ได้มีรายได้ ผมไม่อยากให้เค้าเลี้ยงข้าวแต่ละมื้อ มันควรจะเป็นด้วยซ้ำที่ต้องเลี้ยง แน่นอนว่าเค้าไม่ได้ซีเรียสเรื่องเงิน แต่ผมไม่ได้อยากเกาะใครกิน ผมเลยไม่ได้ละ ต้องเปลี่ยนความคิดเพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์ให้มันยังคงเป็นฝันดีอยู่ ผมใส่ใจเค้ามากขึ้น ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก แต่หลังจากใส่ใจเค้า ผมมีความรู้สึกว่าเค้าเปลี่ยนไป จนมีโอกาสได้เจอกัน ผมเลยถาม ว่าความรู้สึกของเค้าที่มึต่อผมมันยังเท่าเดิมไหม ใช่ครับเค้าตอบว่า ไม่ เป็นอะไรที่รู้สึกเจ็บมากเลยครับ แต่ก็เข้าใจเค้าในเวลาเดียวกัน ผมก็ทำได้แค่ใส่ใจเค้าต่อไป เพื่อรักษาเค้าไว้ เวลามีเรื่องอะไรก็บอกเค้า รู้สึกอะไรก็บอกเค้า อะไรที่เราชอบหรือไม่ชอบ แต่แน่นอนครับ คน 2 คน ความคิดไม่ตรงกันย่อมเกิดเรื่องให้ทะเลาะ เค้าบอกช่วงหลังผมชวนทะเลาะ คือคนเราจะเข้าใจกันได้ มันก็ต้องผ่านการทะเลาะมาทั้งนั้น
ทะเลาะไปทะเลาะมา มีช่วงที่เลิกคุยกันเป็นผมเองที่บอกเค้า แต่สุดท้ายก็อยู่ไม่ไหว
จนเค้าก็บอกความคิดของเค้า ว่าเค้าไม่ชอบให้เราห้ามนู้นๆห้ามนี่ ที่ผ่านมา เค้าแค่กลัวผมไม่โอเคเวลาเค้าไปร้านเหล้า เค้ากลัวจะเสียผมไป และเค้าบอกว่าเค้าอายุ 25 ปีแล้ว อีกไม่นานก็จะ 30 เค้าควรจะสนุกกับชีวิตในช่วงนี่ เค้าอยากมีอิสระ ที่อยากทำอะไรก็ได้ทำ ไม่ใช่โดนห้ามในหลายๆเรื่อง ซึ่งเค้าก็พูดถูกทั้งหมด เป็นผมเองที่ผิด ผมห้ามเค้าในหลายๆอย่าง ทั้งๆที่ชีวิตมันเป็นของเค้า
แต่ทั้งหมดที่ห้าม มีเพียงแค่ความเป็นห่วง และหวงเค้าเท่านั้น ผมแค่หวังดี
ผมเลยปรับความคิดอีกครั้ง คือเค้าอยากทำอะไรก็ให้ทำ อยากไปร้านเหล้าก็ให้ไป จนวันนี้ เค้าไปร้านเหล้า แล้วเค้าไม่ตอบผม ผมทำได้เพียงแค่เป็นห่วง แน่นอนครับว่าเค้าไม่ได้ไปทำอะไรที่ไม่ดีแน่นอน ผมมั่นใจ แต่ที่คิดมาก เพราะผมไม่รู้ว่าเค้าอยู่ไหน เค้าถึงบ้านหรือยัง มันทำให้ผมนอนไม่หลับทั้งๆที่ผมต้องตื่นแต่เช้าไปทำธุระ
ผมเคยคิดว่าควรปล่อยเค้าไปดีไหม เพราะมีหลายอย่างที่เราเข้ากันไม่ได้ แต่ก็ทำไม่ได้ ผมขอระบุไว้ตรงนี้ว่าสำหรับผมเค้าเป็นคนดีมากคนนึง และผมไม่อยากเสียเค้าไป เวลาที่ผ่านมามันดีมาก แต่ก็รู้ครับไม่มีอะไรที่จะอยู่กับเราไปได้ตลอด และที่ผมปล่อยเค้าไปไม่ได้ ส่วนนึง เพราะยังรัก ความรู้สึกของผมที่มีต่อเค้า มันมากขึ้นทุกวัน ผมคิดเสมอว่าเราจะมีทางไปกันต่อได้ และอีกส่วนนึงเพราะรุ่นน้องที่ผมสนิทก็สนิทกับเค้า เพื่อนผมก็รู้จักเค้าหมด มันทำให้เวลาจะตัดใจมันยาก เพราะผมรับรู้เรื่องเค้าไม่จากเพื่อนก็จากรุ่นน้องที่สนิทของผม จะทำใจให้ได้ ต้องไม่ติดต่อไม่รับรู้ชีวิตของเค้า บล็อคทุกอย่าง ถึงจะพอทำให้Move onได้
หรือผมควรปล่อยให้เค้าเป็นอิสระแล้วจริงๆ และถ้าปล่อยไปผมจะอยู่ไหวหรือเปล่านะ รู้แหละแรกๆก็จะเฮิร์ทหนักหน่อย แต่พอนานๆเข้ามันจะดีขึ้น แค่อยากรู้ว่าวันไหน
ตอนนี้ผมไม่ขออะไรมาก ภาวนาให้ตอนนี้เค้านอนอยู่ที่บ้าน และภาวนาให้ตัวผมเองนอนหลับ
ผมรู้สึกว่า ฝันดีของผม มันกำลังจบลง