JJNY : 5in1 จ่อเรียกแจงปมหักหัวคิว│‘หม่อมอุ๋ย’ยัน‘กมธ.’│อ.มธ.เผยยิ่งกว่าถูกชก│แท็กซี่ขอขึ้นค่าโดยสาร│เศรษฐา ชี้ รบ.สอบตก

กมธ.ทหาร จ่อเรียก บิ๊กบี้-เจ้ากรมสวัสดิการฯ แจงปมหักหัวคิว สร้างบ้านพัก ทบ.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7323600
 
 
กมธ.ทหาร จ่อเรียก ผบ.ทบ.-เจ้ากรมสวัดิการทหารบก ชี้แจง ปม หักหัวคิว สร้างบ้านกำลังพล หลังผู้รับเหมา บุกร้องกระทรวงยุติธรรม
 
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2565 ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงการหักหัวคิวค่าธรรมเนียม และค่าตกแต่ง จากเงินที่ทหารชั้นผู้น้อยกู้จากกรมสวัสดิการทหารบก เพื่อไปสร้างบ้าน ทำให้ทหารชั้นผู้น้อยต้องรับภาระหนี้ถึงคนละ 1.5 ล้านบาทว่า กรณีเงินทอนบ้านพักสวัสดิการทหารบก กมธ.การทหาร เคยเรียกสอบตั้งแต่ปี 2563 

ล่าสุด มีนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ พร้อมผู้รับเหมา 3 รายที่ได้รับความเสียหาย ไปร้องเรียนที่กระทรวงยุติธรรม โดนทหารระดับนายพลข่มขู่เอาชีวิต ซึ่งโครงการบ้านสวัสดิการทหารบก เป็นการสร้างบ้านให้ทหารชั้นประทวนถึงสัญญาบัตร โดยมีการหัก 5% เป็นค่าธรรมเนียม ซึ่งข้าราชการทหารจะเข้าร่วมโครงการได้ต้องให้ผู้บังคับบัญชาเซ็นอนุมัติ
 
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า กรณีการเข้าโครงการพวกนี้มีการหักค่าหัวคิวเกิดขึ้น ส่วนเงินทอนจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับข้อตกลง ซึ่งไม่ได้หมายถึงทุกโครงการ กองทัพบกได้ชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าว กรณีกราดยิงโคราช ได้ลงโทษผู้เกี่ยวข้องโดยให้ออกจากราชการไปแล้ว
 
อย่างไรก็ตาม กรณีล่าสุด กมธ.จะเชิญพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. พล.ต.สัมพันธ์ ดำรงกุล เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก และผู้รับเหมาทั้ง 3 รายที่ได้รับความเสียหายเข้าชี้แจงต่อกมธ. ต่อไป



‘หม่อมอุ๋ย’ ยันกลาง ‘กมธ.ป.ป.ช.’ ไม่มีนาฬิกาหรูในมรดกปัฐวาท งง ‘บิ๊กป้อม’ ไปยืมใครมา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3626776

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่รัฐสภา นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) แถลงประเด็นนาฬิกายืมเพื่อนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้วยว่า กมธ.ได้เชิญ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้จัดการมรดกของ นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เพื่อนของ พล.อ.ประวิตร มาให้ข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้ว โดยประเด็นสำคัญที่สอบถาม คือมรดกของนายปัฐวาทมีนาฬิกาหรู 20 เรือนอยู่หรือไม่
 
ทั้งนี้ ตามกฎหมายทรัพย์มรดกย่อมตกแก่ทายาท เมื่อเจ้ามรดกถึงแก่ความตาย ซึ่งการที่ พล.อ.ประวิตร อ้างว่ายืมนาฬิกานายปัฐวาทนั้น เป็นไปไม่ได้ จะต้องยืมจากคนอื่นเท่านั้น หรือเป็นของ พล.อ.ประวิตรเอง โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธรก็ได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ไม่มีนาฬิกาหรูเลย แต่ก่อนหน้านี้จะเป็นอย่างไร ท่านไม่ทราบ พล.อ.ประวิตรจะยืมนาฬิกาใครเมื่อมรดกไม่มี นี่เป็นข้อสงสัย
 
“ขณะนี้ถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) จะต้องขยับด้วยตนเอง และรื้อฟื้นคดีนาฬิกาเพื่อนขึ้นมาพิจารณาคดีใหม่ เนื่องจากพบข้อเท็จจริงใหม่ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ เพราะผู้จัดการมรดกยืนยันว่าไม่มีนาฬิกาหรูในการจัดการมรดก และเชื่อเบื้องต้นได้ว่า นาฬิกาหรูน่าจะไม่ใช่ของนายปัฐวาท แล้ว พล.อ.ประวิตรไปอ้างได้อย่างไร และไปยืมจากใครมาในเมื่อนายปัฐวาทเสียชีวิตไป 10 เดือนแล้ว หากเป็นเช่นนี้ ป.ป.ช.จะอยู่เฉยได้อย่างไร เรื่องนี้จึงอยากฝากให้สังคมตั้งคำถามไปยัง ป.ป.ช. หรือว่า พล.อ.ประวิตรจะเป็นคนพิเศษที่ไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้” นายธีรัจชัยกล่าว


 
อาจารย์มธ. เผยถูกศรีสุวรรณ ร้องไปเรื่อย ยิ่งกว่าถูกชกหน้า โดนตัดโอกาส กระทบอาชีพ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3626179

อาจารย์มธ. เผยถูกศรีสุวรรณ ร้องไปเรื่อย ยิ่งกว่าถูกชกหน้า โดนตัดโอกาส กระทบอาชีพ 
 
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม นายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  (มธ.) ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ถูก นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล อายุ 62 ปี กลุ่มศักดินาเสื้อแดงต่อต้านเผด็จการ ได้บุกเข้าชกหน้า ระหว่างที่เดินทางไปร้อง โน้ส อุดม แต้พานิช โดยมีรายละเอียดดังนี้
 
ผมถูกแหล่งทุนปฏิเสธ มีการยกเลิกการบรรยายพิเศษฯลฯ คนในครอบครัวเกิดความกังวลต้องคอยรับสายโทรศัพท์ จากการฟ้องเรื่อยเปื่อยที่เลือกคดีโทษสูงแบบไร้มูลเพื่อให้เป็นข่าว ฟ้องคนไปทั่ว
 
ผมพูดตรงๆว่า สิ่งที่ศรีสุวรรณ ทำกับผมและหลายคน รุนแรงกว่าการต่อยหน้ามาก เป็นความรุนแรงที่มองไม่เห็น แต่บ่อยครั้งมันฆ่าคนทั้งเป็น เหมือนวิทยุยานเกราะช่วง 6 ตุลา เหมือนความเห็นทางการเมืองของทมยันตี และฝ่ายขวาอีกหลายคน พวกนี้ก็อาจไม่เคยฆ่ามดสักตัว แต่ความเห็นของพวกเขาก็นำสู่ความเกลียดชังมากมาย
 
ผมโกรธและเกลียดเขามาก ทั้งๆที่เราไม่เคยรู้จักอะไรกัน หน้าที่การงานไม่เกี่ยวกัน และผมก็ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจทางการเมืองอะไร แต่ก็ยังอุตส่าห์ผูกกรรมต่อกัน
 
แต่ช่วงต้นปีผมได้ยินข่าวเขา จึงตัดสินใจให้อภัยเขาเห็นแก่ว่า เขามีลูกเพิ่งเกิดและวันหนึ่งเขาก็จะเข้าใจว่าเรื่องสังคมที่เท่าเทียมและรัฐสวัสดิการที่ผมเรียกร้องสำคัญอย่างไร ที่คนจะมีชีวิตอย่างเท่าเทียม
 
ทั้งนี้ผมตระหนักดีว่าการกล่าวว่าให้อภัยเขา ผมพูดด้วย อภิสิทธิ์บางอย่าง เพราะผมมีปากกา มีไมค์ มีพื้นที่ที่สามารถขยายความเห็นของผมเพื่อโต้แย้ง และทำให้เขาเป็นตัวตลกต่อไปได้
 
เครื่องมือแต่ละคนไม่เท่ากัน ภาวะการถูกกดขี่ของคนไม่เท่ากัน ผมเอาศีลธรรมที่ตัวเองเชื่อยึดถือไปบอกว่าให้แต่ละคนยักไหล่กับศรีสุวรรณก็ไม่ได้เช่นกัน
 
เรื่องนี้จึงตามแต่ละคนจะสะดวก จะถอดบทเรียน หรือปฏิรูปนิยามของคำว่า สันติวิธีก็ทำไปพร้อมกันได้ จะเน้นความถูกต้องทางการเมือง ก็ให้พูดถึงความรุนแรงประเภทที่เรามองไม่เห็นด้วย ทำไปได้พร้อมกัน”
 
https://www.facebook.com/sustarum.t/posts/pfbid02MP1oZ29KeY6vDJPj9xWWpV6Ls7zkgqW7RMs7Fj4ArWrDKvqDjNdYgW1xZK2hfb99l



4 สมาคมแท็กซี่ คุยคมนาคม ขอขึ้นค่าโดยสาร เริ่มที่ 40-45 บาท
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_7323767

4 สมาคมแท็กซี่ คุยคมนาคม ขอขึ้นค่าโดยสาร เริ่มที่ 40-45 บาท ด้านขนส่งเตรียมนำข้อเสนอไปพิจารณา ก่อนนัดหารืออีกครั้งวันที่ 9 พ.ย.
 
19 ต.ค. 2565 – นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม มอบหมายให้ นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษา รมว.คมนาคม เป็นผู้แทนให้คณะกรรมการบริหารร่วม 4 สมาคมผู้ขับรถแท็กซี่นำโดย นายศดิศ ใจเที่ยง เข้าพบ เพื่อสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับการปรับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ โดยมี นางสิริรัตน์ วีรวิศาล รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมหารือ

นางสิริรัตน์ กล่าวว่า สมาคมแท็กซี่ได้ขอปรับอัตราค่าโดยสาร ซึ่ง ขบ. ได้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่จากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
 
ที่ประชุมเห็นด้วยกับการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) และคำนึงถึงความเป็นธรรมกับประชาชนผู้ใช้บริการ โดยได้กำหนดอัตราค่าโดยสารที่สอดคล้องกับข้อสรุปของการประชุม และนำเสนออัตราค่าโดยสารดังกล่าวในการประชุมรับฟังความคิดเห็น
อย่างไรก็ตาม 4 สมาคมผู้ขับรถแท็กซี่ ยังไม่เห็นด้วยกับอัตราโดยสารที่เสนอ โดยจะนำเสนออัตราค่าโดยสารใหม่ในที่ประชุมอีกครั้ง เพื่อไม่ให้ประชาชนแบกรับภาระจนเกินไปดังนี้
 
1. กิโลเมตรที่ 0-2 รถเล็ก 40 บาท รถใหญ่ 45 บาท
2. กิโลเมตรที่ 3-10 รถเล็ก 8 บาท รถใหญ่ 8.50 บาท
3. กิโลเมตรที่ 11-20 รถเล็ก 9 บาท รถใหญ่ 9.50 บาท
4. กิโลเมตรที่ 21-40 รถเล็ก 10 บาท รถใหญ่ 10.50 บาท
5. กิโลเมตรที่ 41-60 รถเล็ก 11 บาท รถใหญ่ 11.50 บาท
6. กิโลเมตรที่ 61 ขึ้นไป รถเล็ก 12 บาท รถใหญ่ 12 บาท
7. การเคลื่อนตัวผิดปกติวิสัย 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปรับเป็น 3 บาทต่อนาที
8. การจ้างผ่านท่าอากาศยานให้เรียกเก็บเพิ่ม รถเล็ก 75 บาท รถใหญ่ 95 บาท
9. การจ้างผ่านศูนย์การสื่อสารหรือระบบสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ ให้เรียกเก็บเพิ่ม 35 บาท
เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต
 
โดยจะนำอัตราค่าโดยสารที่คณะกรรมการ 4 สมาคมเสนอในที่ประชุม ไปนำเสนอคณะทำงานเพื่อพิจารณาแนวทางดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป และจะมีการติดตามความคืบหน้าร่วมกันอีกครั้ง วันที่ 9 พ.ย.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่